ดู ฟัง แล้วรับชีวิต เล่มที่ 4 เรื่อง "ผู้รับใช้ของพระเจ้า"
Obris: Ruth, Samuel, David, Elijah. 24 sections. It has a picture book to go along with the recording.
Broj skripte: 421
Jezik: Thai
Tema: Sin and Satan (Sin, disobedience); Christ (Birth of Christ); Eternal life (Salvation); Character of God (Nature, character of God, Word of God (the Bible), Power of God / Jesus); Living as a Christian (Obedience, Faith, trust, believe in Jesus, Children of God, Humility); Bible timeline (Prophecy, fulfillment of, Gospel, Good News, People of God)
Publika: General
Stil: Monolog
Žanr: Bible Stories & Teac
Svrha: Teaching
Biblijski citat: Extensive
Status: Approved
Skripte su osnovne smjernice za prevođenje i snimanje na druge jezike. Treba ih prilagoditi prema potrebi kako bi bili razumljivi i relevantni za svaku različitu kulturu i jezik. Neki korišteni pojmovi i pojmovi možda će trebati dodatno objašnjenje ili će ih se čak zamijeniti ili potpuno izostaviti.
Tekst skripte
บทนำ
สวัสดี…พี่น้องที่รัก พระเจ้ารักและคุ้มครองผู้ที่เชื่อและปรนนิบัติรับใช้พระองค์ โปรดตั้งใจฟังเรื่องราวอันเป็นชีวิตจริงต่อไปนี้ และดูรูปภาพในเล่มสีเหลืองประกอบ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณโปรดดูรูปภาพถัดไป
รูปภาพที่ 1 ครอบครัวย้ายถิ่นฐานหนีการกันดารอาหาร
นางรูธ 1:1-5
พระเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์แต่มนุษย์กลับต่อต้านพระองค์ ในที่สุดพระเจ้าได้เลือกชาวอิสราเอลให้รู้จักและนมัสการพระองค์ แต่บ่อยครั้งที่ชาวอิสราเอลเองก็ต่อต้านพระเจ้า พวกเขานมัสการรูปเคารพและพระอื่นๆ เหมือนกับชนชาติทั่วไป พระเจ้าอนุญาตให้เกิดสงครามและกันดารอาหารในแผ่นดินอิสราเอล เพื่อให้พวกเขาหันกลับมาหาพระองค์
เอลีเมเลคกับนาโอมีสามีภรรยาครอบครัวหนึ่งพร้อมลูกชายสองคน หนีการกันดารอา หารไปยังดินแดนโมอับ เมื่ออยู่ในโมอับผู้เป็นสามีได้เสียชีวิต ต่อมาลูกชายทั้งสองของเขาได้แต่งงานกับหญิงชาวโมอับ จากนั้นลูกชายทั้งสองก็เสียชีวิตไปอีก ผู้เป็นแม่จึงอยู่ตามลำพังกับลูกสะใภ้ทั้งสองในต่างแดน รวมระยะเวลาที่พวกเขาอยู่ที่นั่นประมาณ 10 ปี
รูปภาพที่ 2 นาโอมีกับนางรูธกลับคืนสู่อิสราเอล
นางรูธ 1:6-22
หญิงผู้เป็นแม่นั้นมีชื่อว่านาโอมี นางมีลูกสะใภ้ชาวโมอับชื่อนางรูธและนางโอรปาห์ ต่อมาภายหลังนาโอมีตัดสินใจเดินทางกลับอิสราเอล นางรูธและนางโอรปาห์ได้เดินทางไปกับนางด้วย แต่นางนาโอมีพูดกับพวกเธอว่า “ลูกเอ๋ย ขอให้เจ้ากลับไปบ้านเรือนของเจ้าเถิด จะไปกับแม่ทำไมกันเล่า แม่แก่จนไม่สามารถจะมีบุตรชายเพื่อให้เป็นสามีของพวกเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว แม่เสียใจจริงๆ ที่พระเจ้าอนุญาตให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น” แล้วนางโอรปาห์ได้จูบลาแม่สามีและกลับไปหาญาติพี่น้องของตน แต่นางรูธยังคงอยู่ปรนนิบัติแม่สามีและยังพูดอีกว่า “แม่อย่าขอร้องให้ฉันต้องไปจากแม่หรือเลิกติดตามแม่เลย ไม่ว่าแม่จะไปไหนฉันก็จะไปด้วย ญาติของแม่ก็จะเป็นเหมือนญาติของฉันและพระเจ้าของแม่ก็จะเป็นพระเจ้าของฉันด้วย” ดังนั้นนางรูธจึงเดินทางไปเมืองเบธเลเฮมบ้านเกิดของนางนาโอมีในอิสราเอล
รูปภาพที่ 3 นางรูธเก็บข้าวที่ตกในนา
นางรูธ 2:1-23
นางนาโอมีและนางรูธอยู่อย่างขัดสนมาก นางรูธจึงพูดกับนางนาโอมีว่า “ให้ลูกไปเก็บรวงข้าวที่ตกในทุ่งนาเถิด” นางรูธจึงไปยังทุ่งนาที่คนงานกำลังเกี่ยวข้าวอยู่ เจ้าของทุ่งนานั้นชื่อโบอาส เขาถามคนงานถึงหญิงต่างชาติที่อยู่ในนา พวกคนงานตอบว่า “นางเป็นชาวโมอับซึ่งมากับนางนาโอมี” โบอาสได้ฟังเรื่องที่นางได้ปรนนิบัติรับใช้แม่สามีเป็นอย่างดี เขาเห็นว่านางเป็นคนดีดังนั้นเขาจึงพูดกับนางรูธว่า “ขอให้เธออยู่ในนากับคนงานของฉันจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว” เขายังสั่งคนงานมิให้รบกวนนาง และให้ทิ้งรวงข้าวไว้ให้นางได้เก็บ ค่ำวันนั้นนางรูธเล่าเรื่องของโบอาสให้นางนาโอมีฟัง นางนาโอมีจึงพูดว่า “ขอพระเจ้าอวยพรแก่เขาเถิด เพราะเขาเป็นญาติสนิทของฉัน”
รูปภาพที่ 4 นางรูธและโบอาสที่ลานนวดข้าว
นางรูธ 3:1-18
ตามธรรมเนียมของชาวอิสราเอลเมื่อผู้เป็นสามีเสียชีวิต ญาติสนิทที่สุดของผู้เสียชีวิต มีสิทธิ์รับภรรยาของผู้ตายมาเป็นภรรยาของตนได้ อยู่มาวันหนึ่งนางนาโอมีพูดกับนางรูธว่า “แม่จะหาสามีให้เจ้าเพื่อเจ้าจะได้มีครอบครัวของเจ้าเอง โบอาสซึ่งเป็นญาติสนิทของแม่จะมานวดข้าวที่ลานนวดข้าวในคืนนี้ เจ้าจงอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดีที่สุดแล้วลงไปที่ลานนวดข้าว ให้สังเกตดูว่าเขานอนที่ไหน และเมื่อเขาหลับแล้วก็ให้เจ้าไปนอนอยู่ที่ปลายเท้าของเขาเถิด” นางรูธก็ได้ทำทุกอย่างตามที่นางนาโอมีแนะนำ เมื่อโบอาสตื่นขึ้นก็พบนางรูธ นอนอยู่ที่ปลายเท้าของตน เขาจึงเข้าใจทันทีว่านางรูธต้องการที่จะแต่งงานกับเขา เขาจึงพูดกับนางรูธว่า “ฉันจะทำทุกอย่างตามที่เธอได้ขอ เพราะว่าใครๆ ต่างก็รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดี”
รูปภาพที่ 5 โบอาสกับผู้อาวุโสชาวเบธเลเฮม
นางรูธ 4:1-22
โบอาสได้เชิญผู้อาวุโส 10 คนมาประชุมกันที่ประตูเมืองเบธเลเฮม มีญาติสนิทอีกคนหนึ่งซึ่งมีสิทธิ์ที่จะแต่งงานกับนางรูธก่อน แต่เขาสละสิทธิ์นั้น พวกผู้อาวุโสจึงเห็นชอบว่าโบอาสสมควรได้สิทธิ์ที่จะแต่งงานกับนางรูธ และเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งสัญญาข้อตก ลงนั้น ญาติผู้นั้นได้มอบรองเท้าของเขาข้างหนึ่งให้แก่โบอาส ซึ่งเป็นธรรมเนียมของชาวอิสราเอลสมัยก่อน ฉะนั้นโบอาสจึงรับนางรูธมาเป็นภรรยา ทั้งสองมีลูกชายชื่อโอเบด พวกผู้หญิงที่เป็นเพื่อนบ้านพูดกับนางนาโอมีว่า “สาธุการแด่พระเจ้าเพราะพระองค์ได้ให้หลานคนหนึ่งเพื่อปกป้องดูแลเจ้า ลูกสะใภ้ของเจ้ารักเจ้ามาก มีลูกสะใภ้เช่นนี้ก็ดีกว่ามีลูกชายเจ็ดคนเสียอีก”
พี่น้องที่รักทั้งหลาย เมื่อนางรูธรับใช้พระเจ้าและรับใช้คนของพระองค์นางก็ได้พบกับความสุขและความชื่นชมยินดี ยิ่งกว่านั้นโอเบดลูกชายของนางรูธต่อมาได้กลายเป็นปู่ของกษัตริย์ดาวิด ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชาวอิสราเอล
รูปภาพที่ 6 มารีย์และทูตของพระเจ้า
ลูกา 1:26-38
หลังจากสมัยของนางรูธหลายชั่วอายุคน พระเจ้าได้เลือกหญิงอีกคนหนึ่งให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ นางชื่อมารีย์เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากนางรูธเช่นกัน มารีย์เป็นสาวพรหมจรรย์ นางได้หมั้นกับชายคนหนึ่งชื่อโยเซฟ แต่ก่อนที่ทั้งสองจะแต่งงานกันทูตของพระเจ้าได้มาปรากฏต่อมารีย์และกล่าวว่า “มารีย์เอ๋ย อย่ากลัวเลยเพราะเธอเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ดูเถิดเธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู บุตรนั้นจะเป็นใหญ่และจะเรียกว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด” มารีย์จึงกล่าวแก่ทูตนั้นว่า “ข้าพเจ้าเป็นหญิงรับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าตามคำของท่านเถิด” แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าก็สถิตอยู่กับนางมารีย์ นางจึงตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย นางมารีย์จึงเป็นมารดาของพระเยซูบุตรของพระเจ้า
รูปภาพที่ 7 นางฮันนาห์อธิษฐานต่อพระเจ้า
1 ซามูเอล 1:1-20
หลังจากสมัยของนางรูธไม่นาน ในแผ่นดินอิสราเอลมีหญิงคนหนึ่งชื่อฮันนาห์ นางเป็นที่รักของสามีมากแต่นางไม่มีความสุขเพราะไม่มีลูก ทุกๆปีพวกเขาจะไปยังวิหารใหญ่ของพระเจ้าที่ชิโลห์เพื่อนมัสการและถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า นางฮันนาห์ได้เข้าไปยังพระวิหารแล้วอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้าหากพระองค์ยังระลึกถึงข้าพระองค์อยู่ ขอโปรดประทานลูกชายให้ข้าพระองค์สักคนเถิด แล้วข้าพระองค์จะมอบถวายเขาไว้กับพระองค์ตลอดชีวิตของเขา” นางอธิษฐานต่อพระเจ้าทำปากขมุบขมิบแต่ไม่มีเสียงออกมาจากปาก เอลีปุโรหิตของพระเจ้าเห็นเช่นนั้นก็คิดว่านางกำลังเมาเหล้าองุ่นอยู่ แต่พระเจ้าฟังคำทูลขอของนางฮันนาห์ ต่อมานางก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย นางตั้งชื่อบุตรนั้นว่า “ซามูเอล”
รูปภาพที่ 8 เด็กน้อยซามูเอลในวิหารของพระเจ้า
1ซามูเอล 1:24-28, 2:12-21, 3:1-21
ขณะที่ซามูเอลยังเล็กนางฮันนาห์ได้มอบถวายเขาไว้กับพระเจ้า นางพาซามูเอลไปหาเอลีและให้อาศัยอยู่ที่ชิโลห์วิหารของพระเจ้า เอลีได้สอนซามูเอลเกี่ยวกับการรับใช้พระเจ้า แต่เอลีมีบุตรชายสองคนเป็นปุโรหิตที่ชั่วร้าย ดังนั้นพระเจ้าจึงหยุดให้นิมิตแก่ชาวอิสราเอลผ่านทางปุโรหิตของพระองค์ คืนวันหนึ่งขณะที่ซามูเอลกำลังหลับอยู่ในวิหารของพระเจ้า ทันใดนั้นพระเจ้าได้เรียกชื่อของซามูเอล เขาจึงวิ่งไปหาเอลีและพูดว่า “ผมอยู่นี่ ท่านเรียกผมหรือ” แต่เอลีตอบไปว่า “ลูกเอ๋ยเราไม่ได้เรียกเจ้าหรอกกลับไปนอนเสียเถิด” เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นติดต่อกันสามครั้งในคืนนั้น จึงทำให้เอลีเข้าใจว่าพระเจ้ากำลังเรียก ซามูเอล ดังนั้นเขาจึงบอกให้ซามูเอลตอบกับพระเจ้าว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอพระองค์ตรัสเถิด เพราะผู้รับใช้ของพระองค์คอยฟังอยู่” พระเจ้าพูดคุยกับซามูเอลหลายครั้ง ต่อมาซามูเอลจึงกลายเป็นผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า(ผู้พูดแทนพระเจ้า) และเป็นผู้นำของอิสราเอล
รูปภาพที่ 9 ซามูเอลอธิษฐานเผื่อชาวอิสราเอล
1 ซามูเอล 4:10-11, 7:2-14
พระเจ้าได้ลงโทษบุตรที่ชั่วร้ายทั้งสองของเอลี พวกเขาถูกฆ่าตายเมื่อครั้งที่ชาวอิสราเอลรบพ่ายแพ้ชาวฟิลิสเตีย ชาวฟิลิสเตียได้ปกครองชนชาติอิสราเอลเป็นเวลากว่า 20 ปี ซามูเอลกล่าวแก่ประชาชนว่า “หากท่านทั้งหลายจะหันกลับมาหาพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจของท่าน ละทิ้งรูปเคารพเหล่านั้นเสียและกลับมาปรนนิบัติพระเจ้าเท่านั้น แล้วพระเจ้าจะช่วยกู้ท่านให้พ้นจากมือของชาวฟิลิสเตีย”
ชาวอิสราเอลต่างก็เชื่อฟังคำของซามูเอล พวกเขาได้รวมตัวกันในที่แห่งหนึ่ง และที่นั่นซามูเอลได้ถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้าแล้วอธิษฐานเผื่อชาวอิสราเอล เมื่อชาวฟิลิสเตียรู้ข่าวจึงได้รวบรวมกำลังเข้าโจมตีอิสราเอล แต่พระเจ้าได้ทำให้เกิดฟ้าร้องเสียงดังมาก ทำให้ชาวฟิลิสเตียสับสนอลหม่านและแตกหนีไปด้วยความกลัว ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงได้รับชัยชนะ
รูปภาพที่ 10 ซามูเอลแต่งตั้งและเจิมซาอูลด้วยน้ำมัน
1 ซามูเอล 8:1-9, 9:15-10:1
พระเจ้าเป็นกษัตริย์ผู้เที่ยงแท้ของอิสราเอล และซามูเอลเป็นตัวแทนของพระเจ้าในการนำประชาชนของพระองค์ แต่บรรดาประชาชนก็อยากมีกษัตริย์ของพวกเขาเอง เพราะพวกเขาเห็นชนชาติอื่นๆ ต่างก็มีกษัตริย์ ซามูเอลไม่สบายใจเมื่อรู้เรื่องนี้ แต่พระเจ้าพูดกับเขาว่า “ไม่ใช่เพราะเขาไม่ยอมรับเจ้าเป็นกษัตริย์ แต่เราต่างหากที่พวกเขาไม่ยอมรับและละทิ้งเราไป ขอให้ฟังเสียงของประชาชน และจงตั้งกษัตริย์ให้พวกเขา” มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อซาอูล เขามีรูปร่างสูงใหญ่สง่างาม วันหนึ่งซาอูลมาหาซามูเอล เมื่อซามูเอลเห็นเขาเดินมาพระเจ้าก็ได้พูดกับซามูเอลว่า “ชายผู้นี้แหละจะมาเป็นผู้ปกครองเหนือประชากรของเรา” ดังนั้นซามูเอลจึงนำขวดน้ำมันเทลงบนหัวของซาอูล ซึ่งเป็นเครื่องหมายว่าซาอูลได้ถูกเลือกให้เป็นกษัตริย์แล้ว ซาอูลเป็นกษัตริย์ปกครองเหนือชาวอิสราเอลเป็นเวลา 40 ปี
รูปภาพที่ 11 ซาอูลดึงชายเสื้อของซามูเอลจนขาด
1 ซามูเอล 15:1-29
ชาวอามาเลขเป็นชนชาติที่ชั่วร้ายมาก พวกเขาได้มาสู้รบกับชาวอิสราเอล ซามูเอลจึงพูดกับซาอูลว่า “ขอท่านจงฟังคำสั่งของพระเจ้า จงไปฆ่าชาวอามาเลขให้หมดทุกคนและทำลายทุกสิ่งที่เป็นของพวกเขา” พระเจ้าได้ช่วยซาอูลและทหารของเขาให้มีชัยชนะต่อชาวอามาเลข แต่ชาวอิสราเอลกลับไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าทั้งหมด พวกเขาได้เก็บสัตว์ตัวอ้วนๆ ของชาวอามาเลขไว้เพื่อจะนำมาถวายบูชาแด่พระเจ้า และยังไว้ชีวิตกษัตริย์ชาวอามาเลขด้วย ซามูเอลจึงพูดกับซาอูลว่า “เพราะท่านไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าทั้งหมด ดังนั้นพระเจ้าจึงถอดเขาออกจากตำแหน่งของกษัตริย์เสีย” เมื่อซามูเอลหันหลังให้กษัตริย์ซาอูล กษัตริย์ซาอูลก็ได้ดึงชายเสื้อคลุมของเขาจนขาดติดมือ ซามูเอลจึงพูดว่า “พระเจ้าได้ฉีกอาณาจักรอิสราเอลไปจากท่านแล้ว และจะมอบให้กับผู้อื่นที่ดีกว่าท่าน”
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ซาอูลได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า แต่เขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ ส่วนซามูเอลเชื่อฟังคำสั่งและปรนนิบัติพระเจ้าตลอดชีวิตของเขา การเชื่อฟังเป็นสิ่งที่พระเจ้าพอใจมากกว่าการถวายเครื่องบูชาใดๆ
รูปภาพที่ 12 พระเยซูในพระวิหารของพระเจ้า
ลูกา 2:41-50
หลังจากสมัยของซามูเอลหลายชั่วอายุคน เวลานั้นพระเยซูเป็นเด็กอยู่ในแผ่นดินอิสราเอล มารดาของพระองค์คือนางมารีย์และพระเจ้าคือพระบิดาของพระองค์ เมื่อพระเยซูอายุ 12 ปี พระองค์ได้ไปยังกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับมารีย์และโยเซฟ และในขณะเดินทางกลับพระเยซูได้แยกตัวออกจากมารีย์กับโยเซฟ ดังนั้นพวกเขาจึงตามหาพระองค์ด้วยความเป็นห่วง ผ่านไปสามวันพวกเขาก็ได้พบพระเยซูอยู่ในวิหารที่เยรูซาเล็ม กำลังพูดคุยอยู่กับพวกอาจารย์ชาวยิวถึงเรื่องของพระเจ้า นางมารีย์จึงพูดกับพระองค์ว่า “พวกเราต่างก็เป็นห่วงเจ้าอย่างยิ่งและได้ค้นหาเจ้าทุกหนทุกแห่ง” แต่พระเยซูพูดว่า “เราต้องอยู่ในพระวิหารของพระบิดาของเรา”
เมื่อพระเยซูยังเด็กเหมือนตอนที่ซามูเอลเป็นเด็ก พระองค์ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพระองค์ได้มาในโลกนี้เพื่อรับใช้พระเจ้า พระเยซูเสด็จมาเพื่อนำประชาชาติทั้งหลายให้กลับไปหาพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นกษัตริย์ผู้เที่ยงแท้และเป็นผู้นำชีวิตของเราทุกคน (ดนตรี)
บทนำ 2
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่มากมายมีชีวิตอยู่เพื่อรับใช้พระเจ้า เรื่องราวของพวกเขาจะเปิดเผยถึงความลี้ลับของพละกำลังซึ่งพวกเขาได้รับจากพระเจ้า (พระเจ้าทำให้พวกเขายิ่งใหญ่อย่างไร) โปรดดูภาพถัดไปเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ
รูปภาพที่ 13 ดาวิดเด็กเลี้ยงแกะผู้กล้าหาญ
1 ซามูเอล 16:1-13, 17:34, 35
ซาอูลเป็นกษัตริย์องค์แรกของชาวอิสราเอลแต่เขาไม่ยอมเชื่อฟังพระเจ้า แล้วพระเจ้าจึงไม่สถิตอยู่กับเขาและไม่ช่วยเหลือเขาอีกต่อไป มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อดาวิด เขาเป็นคนเลี้ยงแกะให้พ่อ เขามีความเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้าผู้พระชนม์อยู่และไม่เกรงกลัวต่ออันตรายใดๆ วันหนึ่งมีสิงโตมาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไปจากฝูง ดาวิดไล่ตามฆ่าสิงโตแล้วช่วยลูกแกะตัวนั้นมาได้อย่างปลอดภัย ดาวิดยังชอบแต่งเพลงและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ดาวิดได้กลายเป็นผู้ชายที่มีลักษณะที่พระเจ้าต้องการให้ทุกคนเอาเป็นแบบอย่าง ต่อมาพระเจ้าได้เลือกดาวิดให้เป็นกษัตริย์ต่อจากซาอูล
รูปภาพที่ 14 ดาวิดกับยักษ์โกลิอัท
1 ซามูเอล 17:1 - 54
มีสงครามเกิดขึ้นระหว่างชาวฟิลิสเตียกับชาวอิสราเอล ฝ่ายฟิลิสเตียนั้นมีทหารกล้าคนหนึ่งชื่อโกลิอัท มีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์ โกลิอัทได้เข้ามาใกล้กองทัพอิสราเอลแล้วตะโกนว่า “พวกเจ้าจงเลือกตัวแทนออกมาคนหนึ่ง ถ้าเขาสามารถฆ่าตัวข้าได้ พวกเรายินดีจะเป็นทาสรับใช้ของพวกเจ้า แต่ถ้าข้าชนะและฆ่าเขาตาย พวกเจ้าก็ต้องมาเป็นทาสรับใช้ฝ่ายของข้าตกลงไหม” ชาวอิสราเอลต่างพากันกลัวโกลิอัทและไม่มีผู้ใดกล้าออกไปต่อสู้กับเขา แล้วเด็กหนุ่มดาวิดก็ได้พูดขึ้นว่า “ชาวฟิลิสเตียผู้นี้เป็นใครถึงไม่รู้จักพระเจ้า เขาไม่ควรจะดูหมิ่นท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้พระชนม์อยู่” ดาวิดไม่เกรงกลัวโกลิอัท พระเจ้าสามารถช่วยเขาฆ่ายักษ์ตนนี้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นดาวิดจึงใช้สายสลิงเหวี่ยงก้อนหินไปถูกที่หน้าผากของโกลิอัทอย่างแม่นยำ แล้วเขาก็ล้มลงกับพื้น ดาวิดวิ่งตรงเข้าไปยึดเอาดาบของโกลิอัทและตัดหัวของเขาด้วยดาบนั้น ในที่สุดกองทัพอิสราเอลก็ได้ชัยชนะต่อชาวฟิลิสเตีย
รูปภาพที่ 15 ซาอูลพยายามฆ่าดาวิด
1 ซามูเอล 18:6-23:29
ช่วงแรกซาอูลชื่นชมดาวิด เพราะเขาช่วยให้ชาวอิสราเอลรอดพ้นอันตราย ประชา ชนต่างรักและยกย่องดาวิด ดาวิดจึงกลายเป็นทหารและผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ทำให้กษัตริย์ซาอูลเกิดความอิจฉาต่อดาวิดมาก ซาอูลจึงหาทางที่จะฆ่าดาวิด วันหนึ่งขณะที่ดาวิดกำลังดีดพิณถวายซาอูล ก็มีวิญญาณชั่วเข้าสิงซาอูล เขาคว้าหอกพุ่งไปยังดาวิด แต่หอกนั้นพลาดเป้าไปปักติดข้างฝา ภายหลังซาอูลก็พยายามหาทางฆ่าดาวิดอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ลูกชายของซาอูลชื่อโยนาธานและชาวอิสราเอลหลายคนได้ช่วยเหลือดาวิด แต่ดาวิดก็ยังต้องหนีการปองร้ายของซาอูลโดยไปหลบซ่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร
รูปภาพที่ 16 ดาวิดไว้ชีวิตซาอูล
1 ซามูเอล 26:1-25
ซาอูลและทหารได้ออกตามจับดาวิดในถ้ำบริเวณถิ่นทุรกันดาร คืนหนึ่งขณะที่ซาอูลและทหารของเขากำลังหลับอยู่ในค่ายที่พัก ดาวิดกับเพื่อนชื่ออาบีชัยคลานเข้าไปหาซาอูลในค่ายที่พัก อาบีชัยตั้งใจจะฆ่าซาอูลเสียในขณะที่เขานอน แต่ดาวิดห้ามเขาไว้ ดาวิดพูดว่า “พระเจ้าจะลงโทษผู้ที่ทำร้ายกษัตริย์ที่พระองค์ได้เลือกไว้นั้น” ดาวิดหยิบหอกและเหยือกน้ำที่อยู่ข้างหัวนอนของซาอูลไป เมื่อพวกเขาออกไปจากค่ายไกลพอสมควรดาวิดก็ส่งเสียงตะโกนปลุกทหารให้รู้ตัวว่า “พวกเจ้าไม่ได้ปกป้องพระราชาของพวกเจ้าเลย เห็นไหมว่าในมือของข้ามีหอกของพระราชา” ดาวิดตะโกนพูดให้ซาอูลได้ยินว่า “ข้าได้ไว้ชีวิตพระองค์ในวันนี้ ขอพระเจ้าโปรดไว้ชีวิตของข้าด้วยเถิด” หลังจากนั้นมาซาอูลก็เลิกปองร้ายดาวิด
รูปภาพที่ 17 แต่งตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์
1 ซามูเอล 31:1- 6, 2 ซามูเอล 5: 1-25, 7:8-9, 8: 1-15
ต่อมาชาวฟิลิสเตียก็ได้มาต่อสู้กับชาวอิสราเอลอีก กษัตริย์ซาอูลกับโยนาธานถูกฆ่าตายในสนามรบ ต่อมาประชาชนได้แต่งตั้งดาวิดให้เป็นกษัตริย์ของพวกเขา ดาวิดได้สร้างพระราชวังในกรุงเยรู ซาเล็ม พระเจ้าพูดกับดาวิดว่า “เราได้นำเจ้ามาจากเด็กเลี้ยงแกะและได้ตั้งเจ้าให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองชาวอิสราเอล เราจะทำให้เจ้าเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เหมือนกับคนสำคัญๆ ของโลก” พระเจ้าแต่งตั้งดาวิดให้เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่และยังมอบฤทธิ์อำนาจให้เขาสามารถเอาชนะศัตรูทั้งหลายของชาวอิสราเอลได้
รูปภาพที่ 18 ดาวิดกับนางบัทเชบา
2 ซามูเอล 11:1 - 12:20
วันหนึ่งขณะที่กษัตริย์ดาวิดกำลังเดินอยู่บนดาดฟ้าในพระราชวัง เขาเห็นหญิงสาวที่สวยคนหนึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ ดาวิดเกิดอยากได้หญิงผู้นี้มาเป็นของตน หญิงผู้นี้ชื่อบัทเชบา นางเป็นภรรยาของอุรีอาห์ทหารในกองทัพของดาวิด ในเวลานั้นอุรีอาห์ออกไปสู้รบกับศัตรูของอิสราเอล ดังนั้นดาวิดจึงส่งข่าวไปยังแม่ทัพเพื่อวางแผนให้อุรีอาห์ถูกฆ่าตายในสนามรบ หลังจากนั้นดาวิดก็เอานางบัทเชบามาเป็นภรรยาของตน แต่เรื่องราวต่างๆ ที่ดาวิดวางแผนและทำลงไปนั้นไม่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ลูกชายคนแรกของดาวิดกับนางบัทเชบาจึงเสียชีวิต กษัตริย์ดาวิดทูลขอพระเจ้าให้ยกโทษต่อการกระทำอันชั่วร้ายที่ตนได้กระทำลงไป
รูปภาพที่ 19 พระนิเวศของพระเจ้า
2 ซามูเอล 7: 1-29, 1 พงศาวดาร 22: 1-19
ดาวิดได้ทำบาปต่อพระเจ้า อย่างไรก็ตามเขายังรักและอยากรับใช้พระเจ้า ดาวิดอยากจะสร้างพระวิหารที่ยิ่งใหญ่ เพื่อให้ประชาชนเข้ามานมัสการบูชาพระเจ้า แต่พระเจ้าพูดว่า "เจ้าจะไม่เป็นผู้สร้างวิหารให้แก่เรา เพราะเจ้าได้ฆ่าคนเป็นจำนวนมาก ต่อไปเจ้าจะมีบุตรชายชื่อซาโลมอน เขาจะเป็นผู้สร้างพระนิเวศเพื่อนามของเรา และเราจะสถาปนาราชบัลลังก์ของเขาเป็นนิตย์" ดาวิดได้จัดเตรียมสิ่งต่างๆ มากมายที่จำเป็นในการก่อสร้างพระวิหารไว้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต แต่ซาโลมอนเป็นผู้ที่สร้างวิหารนี้ ซึ่งใช้เวลาเจ็ดปีในการก่อสร้าง พระวิหารหลังนี้มีความงดงามอย่างยิ่ง ประชาชนชาวอิสราเอลได้นมัสการพระเจ้าที่วิหารใหญ่ในกรุงเยรูซาเล็มนี้ติดต่อกันมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี พวกเขาไม่เคยลืมเลยว่าดาวิดคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวอิสราเอล
รูปภาพที่ 20 พระเยซูเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม
มัทธิว 21: 1-11
พระเยซูมาบังเกิดหลังจากสมัยของกษัตริย์ดาวิดประมาณ 1,000 ปี พระองค์เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด มารดาของพระองค์เป็นหญิงพรหมจารีย์ชื่อมารีย์ พระบิดาของพระองค์ก็คือพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระเยซูเป็นผู้รับใช้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้า พระองค์ได้สั่งสอนประชาชนถึงความจริงของพระเจ้า และได้ทำการอัศจรรย์โดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ซาอูลและดาวิดรวมถึงพวกเราทุกๆ คนได้เคยทำบาปต่อพระเจ้า แต่พระเยซูไม่เคยกระทำความผิดบาปใดๆ เลย วันหนึ่งพระองค์ขี่ลาเข้ามายังประตูเมืองเยรูซาเล็ม มีประชาชนตะโกนร้องสรรเสริญพระองค์ว่า “โฮซันนา (แด่องค์ผู้สูงสุด) ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ” เพราะประชาชนเห็นว่าพระเยซูนั้นยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ดาวิดเสียอีก พระองค์เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวงในโลกนี้
รูปภาพที่ 21 การเลี้ยงดูเอลียาห์
1 พงศ์กษัตริย์ 16:29-17:6
หลังจากยุคสมัยของกษัตริย์ดาวิดและซาโลมอน ยังมีกษัตริย์องค์อื่นๆ ที่ปกครองชาวอิสราเอล กษัตริย์องค์หนึ่งชื่ออาหับปกครองชาวอิสราเอลอยู่สมัยหนึ่ง เขามีมเหสีที่ชั่วร้ายชื่อเยเซเบล นางได้ฆ่าผู้ที่ติดตามพระเจ้าเป็นจำนวนมาก และยังบังคับให้ประชาชนนับถือบูชาพระบาอัล เอลียาห์เป็นผู้เผยพระวจนะ (ผู้พูดแทนพระเจ้า) ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง เขาได้เข้าไปหาอาหับและพูดว่า “ในนามของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ของอิสราเอล หลังจากนี้ตลอดสามปีครึ่งฝนจะไม่ตก” พระเจ้าได้ส่งความแห้งแล้งและการกันดารอาหารมายังแผ่น ดินอิสราเอลตามคำทำนาย อย่างไรก็ตามพระเจ้าก็ยังห่วงใยเอลียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์จึงนำเอลียาห์ไปยังที่แห่งหนึ่งชื่อเครีท ที่ซึ่งมีลำธารน้ำให้เขาดื่ม และทุกๆ วันพระเจ้าก็ส่งฝูงนกนำอาหารมาให้เอลียาห์กิน
รูปภาพที่ 22 เอลียาห์กับไฟของพระเจ้า
1 พงศ์กษัตริย์ 18:16-39
ในปีที่สามของการกันดารอาหาร เอลียาห์ได้เรียกร้องให้กษัตริย์อาหับและประชา ชนอิสราเอลมาประชุมกันที่ภูเขาคารเมล เขาได้พูดกับประชาชนว่า “ถ้าพระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าก็จงติดตามพระองค์เถิด แต่หากพระบาอัลเป็นพระเจ้าแท้ก็จงตามพระบาอัลนั้นไป” ประชาชนได้ฆ่าวัวเพื่อเผาบูชาถวายต่อพระบาอัล แล้วเอลียาห์พูดกับปุโรหิตของพระบาอัลว่า “จงเรียกหาพระของพวกเจ้าและเราจะเรียกหาพระเจ้าของเรา ถ้าหากพระของฝ่ายใดส่งไฟลงมา พระของฝ่ายนั้นแหละคือพระเจ้าองค์เที่ยงแท้” ตลอดทั้งวันปุโรหิตของพระบาอัลได้ร้องขอต่อพระบาอัล พวกเขาได้ร่ายรำไปรอบๆ แท่นบูชานั้นและใช้มีดเชือดตัวเอง แต่ก็ไม่มีไฟลงมาบนเครื่องบูชานั้นแต่อย่างใด ครั้นถึงเวลาเย็นเอลียาห์ก็เตรียมเครื่องสัตวบูชาของตนสำหรับพระเจ้า เอลียาห์ได้ราดน้ำลงบนเครื่องบูชานั้นจนเปียกชุ่มแล้วก็เริ่มอธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์ ทันใดนั้นเองไฟจากเบื้องบนก็ลงมาเผาผลาญเครื่องสัตวบูชารวมทั้งน้ำนั้นด้วย แล้วประชาชนทั้งหลายร้องขึ้นว่า “พระเยโฮวาห์ พระองค์เป็นพระเจ้าองค์เที่ยงแท้”
รูปภาพที่ 23 เอลียาห์ถูกรับขึ้นไปบนสวรค์
1 พงศ์กษัตริย์19:1-21,2 พงศ์กษัตริย์ 2:1-14
เอลียาห์ได้ฆ่าพวกปุโรหิตของพระบาอัลเพราะความชั่วร้ายของพวกเขา เมื่อนางเยเซเบลได้ยินข่าวนี้จึงข่มขู่จะฆ่าเอลียาห์ เอลียาห์กลัวจึงหลบหนีไปอยู่ในเขตทะเลทรายถิ่นทุรกันดาร พระเจ้าได้มาปรากฎแก่เอลียาห์ทำให้เขาไม่กลัวการข่มขู่อีก เขาจึงสั่งสอนบรรดาประชาชนให้นมัสการพระเจ้าผู้เที่ยงแท้แต่องค์เดียวต่อไป เอลียาห์ได้เลือกเอลีชามาเป็นผู้ช่วยของเขา วันหนึ่งขณะที่เอลียาห์กับเอลีชากำลังเดินด้วยกัน ทันใดนั้นก็มีรถม้าเพลิงวิ่งมาแยกทั้งสองออกจากกัน และพระเจ้าก็ได้รับเอลียาห์ขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ด้วยลมพายุหมุน แล้วเอลีชาก็ไม่เห็นเอลียาห์อีกเลย
รูปภาพที่ 24 เอลียาห์อยู่กับพระเยซูและโมเสส
ลูกา 9:28-36
หลังจากนั้น 700 ปี ในสมัยของพระเยซู เอลียาห์ก็ได้กลับลงมายังโลกอีกครั้ง วันหนึ่งเอลียาห์ได้ปรากฏตัวต่อพระเยซูบนภูเขา และโมเสสผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าซึ่งมีชีวิตอยู่ก่อนเอลียาห์ก็ได้ปรากฏตัวด้วยเช่นกัน เวลานั้นสาวกสามคนของพระเยซูอยู่ที่นั่นและได้เห็นเหตุการณ์นั้นด้วย พวกเขาเห็นทั้งสามเต็มไปด้วยสง่าราศีเปล่งประกายรอบตัว แล้วพระเจ้าพูดมาจากสวรรค์ว่า "นี่คือบุตรที่รักของเรา จงเชื่อฟังท่านเถิด"
พี่น้องที่รักทั้งหลาย พระเจ้าและบุคคลสำคัญๆ ของชนชาติอิสราเอลต่างได้บอกเราถึงพระเยซูคริสต์ พระเยซูได้ลงมาเพื่อให้ชีวิตและเป็นผู้รับใช้คนทั้งหลาย การตายของพระองค์เป็นเสมือนเครื่องเผาบูชาเพื่อไถ่โทษความผิดบาปของพวกเรา พระเจ้าได้ให้พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย เพื่อจะมอบชีวิตฝ่ายวิญญาณนิรันดร์แก่พวกเรา ดังนั้นขอให้เราเชื่อฟังพระองค์และรับชีวิตนิรันดร์ (ดนตรี)