ดู ฟัง แล้วรับชีวิต เล่มที่ 5 เรื่อง "การทดสอบเพื่อพระเจ้า"
रुपरेषा: Elisha, Daniel, Jonah, Nehemiah, Esther. 24 sections. It has a picture book to go along with the recording.
स्क्रिप्ट क्रमांक: 422
इंग्रजी: Thai
थीम: Sin and Satan (Deliverance, Sin, disobedience); Christ (Life of Christ, Authority); Character of God (Word of God (the Bible)); Living as a Christian (Worship, Obedience, No other gods, idols, Victory, Faith, trust, believe in Jesus); Bible timeline (Gospel, Good News, People of God); Problems (Problems, troubles, worries)
प्रेक्षक: General
उद्देश: Teaching
Features: Monolog; Bible Stories; Extensive Scripture
स्थिती: Approved
स्क्रिप्ट हे इतर भाषांमध्ये भाषांतर आणि रेकॉर्डिंगसाठी मूलभूत मार्गदर्शक तत्त्वे आहेत. प्रत्येक भिन्न संस्कृती आणि भाषेसाठी त्यांना समजण्यायोग्य आणि संबंधित बनविण्यासाठी ते आवश्यकतेनुसार स्वीकारले जावे. वापरलेल्या काही संज्ञा आणि संकल्पनांना अधिक स्पष्टीकरणाची आवश्यकता असू शकते किंवा अगदी बदलली किंवा पूर्णपणे वगळली जाऊ शकते.
स्क्रिप्ट मजकूर
บทนำ
สวัสดี…พี่น้องที่รัก เรื่องต่างๆ ในหนังสือรูปภาพเล่มสีเขียวนี้ มาจากหนังสือของพระเจ้าคือพระคัมภีร์ อันเป็นเรื่องราวของบุคคลสำคัญในสมัยต่างๆ ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้าในยามทุกข์ยากลำบาก เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณโปรดดูรูปภาพถัดไป
รูปภาพที่ 1 นาอามานมาหาเอลีชาที่บ้าน
2 พงศ์กษัตริย์ 5:1-12
เอลีชาเป็นผู้เผยพระวจนะ(ผู้พูดแทนพระเจ้า)และผู้นำที่สำคัญอีกคนหนึ่งของพระเจ้าในประเทศอิสราเอล วันหนึ่งนาอามานมาหาเขาที่บ้าน นาอามานเป็นแม่ทัพของทหารซีเรีย ในเวลานั้นซีเรียเป็นศัตรูกับอิสราเอล นาอามานเป็นคนกล้าหาญและมีอำนาจมาก แต่เขาเป็นโรคเรื้อนซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่ง นาอามานเดินทางมาที่ประเทศอิสราเอลเพราะได้ยินว่าเอลีชาสามารถรักษาโรคเรื้อนของเขาได้ แต่เอลีชาไม่ได้ออกมาต้อนรับนาอามาน เพียงแต่ให้คนรับใช้ไปบอกเขาว่า “จงไปชำระตัวในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้งแล้วท่านจะหายจากโรคเรื้อน” นาอามานรู้สึกโกรธมากจึงพูดขึ้นว่า “เราคิดว่าเขาจะออกมาต้อนรับเราและออกพระนามของพระเจ้าเพื่อรักษาโรคเรื้อนของเรา” ด้วยเหตุนี้เองนาอามานจึงจากไปด้วยความโกรธ
รูปภาพที่ 2 นาอามานในแม่น้ำ
2 พงศ์กษัตริย์ 5:13-19
คนรับใช้ของนาอามานขอร้องให้เขาเลิกโกรธและหันจากความเย่อหยิ่งของตน พวกเขาพยายามชักชวนให้นาอามานทำตามคำสั่งง่ายๆ ของเอลีชา ดังนั้นนาอามานจึงไปที่แม่น้ำจอร์แดนอาบน้ำล้างตัวเจ็ดครั้งตามคำสั่งของเอลีชา โปรดดูในรูปภาพ นาอามานดีใจมากเพราะ เขาได้หายจากโรคเรื้อนแล้ว
เอลีชาไม่ได้เกรงกลัวมนุษย์ เพราะเขาเชื่อวางใจในพระจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เขารู้ว่าพระเจ้าสามารถทำได้ทุกอย่าง และรู้ดีว่ามนุษย์จำเป็นต้องเชื่อฟังพระเจ้าเพื่อให้พระองค์ช่วยพวกเขาจากปัญหาต่างๆ
รูปภาพที่ 3 เอลีชากับกองทัพของพระเจ้า
2 พงศ์กษัตริย์ 6:8 -17
พระเจ้าบอกให้เอลีชารู้ล่วงหน้าทุกๆ ครั้งก่อนที่กองทัพซีเรียจะเข้าโจมตีอิสราเอล และเอลีชาก็ได้บอกให้กษัตริย์ของอิสราเอลรู้เพื่อเตรียมการป้องกัน ด้วยเหตุนี้ชาวซีเรียจึงเอาชนะชาวอิสราเอลไม่ได้ กษัตริย์ของซีเรียจึงสั่งทหารว่า “จงไปค้นหาดูว่าเอลีชาอยู่ที่ไหนเพื่อเราจะได้ไปจับตัวเขามาฆ่าเสีย” เช้าวันหนึ่งเมื่อเอลีชาและคนใช้ของเขาออกไปข้างนอกก็เห็นทหารซีเรียกำลังเดินทางมาจับกุมเขา คนใช้ของเขาร้องขึ้นว่า “นายท่าน เราจะทำอย่างไรดี” เอลีชาตอบไปว่า “ไม่ต้องตกใจกลัวเพราะฝ่ายเรามีมากกว่าฝ่ายเขา” แล้วตาของคนรับใช้นั้นก็เปิดออกเห็นม้าและรถรบเพลิงมากมายอยู่รอบๆ พวกเขา ซึ่งเป็นกองทัพของพระเจ้าที่ถูกส่งมาปกป้องคุ้มครองเอลีชากับพวกของเขา
รูปภาพที่ 4 เอลีชากับเหล่าทหารตาบอด
2 พงศ์กษัตริย์ 6:18-23
เมื่อทหารซีเรียตรงเข้ามาจะจับตัวเอลีชา เอลีชาได้อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า “ขอโปรดให้ทหารเหล่านี้ตาบอดไปเสียเถิด” ในทันใดนั้นทหารเหล่านั้นก็ตาบอดมองอะไรไม่เห็น เอลีชาเข้าไปหาทหารซีเรียเหล่านั้นแล้วพูดว่า “จงตามข้ามาเถิด ข้าจะพาเจ้าไปหาคนที่พวกเจ้ากำลังตามหาอยู่” เอลีชาพาทหารตาบอดเหล่านั้นไปยังกรุงสะมาเรียเมืองหลวงของอิสราเอล ที่นั่นเอลีชาอธิษฐานต่อพระเจ้าอีกครั้งว่า “ขอพระเจ้าเปิดตาคนเหล่านี้เถิด” แล้วทหารซีเรียก็พบว่าพวกตนได้เข้ามาอยู่ในเมืองของศัตรูเสียแล้ว กษัตริย์ของอิสราเอลต้อง การฆ่าทหารเหล่านั้นเสีย แต่เอลีชากล่าวว่า “ขอให้จัดอาหารและเครื่องดื่มให้พวกเขากินและดื่ม แล้วจงปล่อยพวกเขากลับไปเถิด”
พี่น้องที่รัก พระเจ้าของเอลีชานั้นยิ่งใหญ่กว่าศัตรูทั้งหลายของเรา เราไม่ต้องแสวงหาการแก้แค้นถ้าเราเชื่อมั่นในพระองค์
รูปภาพที่ 5 กรุงสะมาเรียถูกปิดล้อม
2 พงศ์กษัตริย์ 6 :24 - 7:2
ต่อมาซีเรียยกทัพมาต่อสู้กับอิสราเอล พวกเขาปิดล้อมกรุงสะมาเรียเป็นเวลานาน ทำให้ชาวอิสราเอลอดอยากไม่มีอาหารกิน
ในรูปภาพนี้ กษัตริย์ของอิสราเอลกำลังเดินอยู่บนกำแพงเมืองและมีผู้หญิงสองคนมาหาพระองค์เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากความหิวโหยทำให้พวกเธอกินลูกของตัวเอง แต่กษัตริย์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงโกรธพระเจ้า เพราะพระเจ้าไม่ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากการขู่เข็ญของชาวซีเรีย กษัตริย์จึงตัดสินใจที่จะฆ่าเอลีชาคนของพระเจ้าเสีย แต่เอลีชาส่งข่าวให้กษัตริย์ว่า “พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า พรุ่งนี้เวลาประมาณนี้จะมีแป้งและข้าวบาร์เลย์ขายที่ประตูเมืองสะมาเรีย”
รูปภาพที่ 6 คนโรคเรื้อนสี่คน
2 พงศ์กษัตริย์ 7:3-20
ขณะนั้นมีคนโรคเรื้อนสี่คนอาศัยอยู่ที่ประตูเมืองสะมาเรีย พวกเขาพูดกันว่า “เราจะนั่งรอความตายอยู่ที่นี่ทำไมเล่า ให้เราเข้าไปในค่ายของทหารซีเรียกันเถอะ” ขณะเดียว กันพระเจ้าทำให้ทหารซีเรียได้ยินเสียงเหมือนกองทัพใหญ่กำลังเข้ามา พวกเขาต่างตกใจกลัวอย่างยิ่งจึงได้ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในค่ายและหนีไปตัวเปล่า เมื่อคนโรคเรื้อนสี่คนเดินทางมาถึงค่ายของทหารซีเรีย จึงเห็นว่าไม่มีใครเหลืออยู่ในค่ายเลย พวกเขาจึงกิน ดื่ม และเอาสิ่งของต่างๆ ตามที่ต้องการ แล้วพวกเขาก็พูดกันว่า “เราทำอย่างนี้ไม่ถูกต้องเสียแล้ว วันนี้มีข่าวดีสำหรับชาวอิสราเอล แต่เรากลับไม่แบ่งปันกับพวกเขาเลย” ดังนั้นคนโรคเรื้อนทั้งสี่จึงได้กลับไปยังกรุงสะมาเรียและแจ้งข่าวดีนั้นให้กษัตริย์รู้ จากนั้นไม่นานประชาชนก็ได้นำข้าวของจากค่ายทหารซีเรียมาซื้อขายกันที่ประตูเมืองสะมาเรียเหมือนอย่างที่เอลีชาได้ทำนายไว้ก่อนแล้วทุกประการ พระเจ้าได้ช่วยเหลือชาวอิสราเอลและเอลีชาผู้รับใช้ของพระองค์ให้รอด
พี่น้องที่รักทั้งหลาย พระเจ้าได้ส่งพระเยซูมาช่วยไถ่เราให้รอดพ้นจากความพินาศชั่วนิรันดร์ และนี่ก็เป็นข่าวดี ซึ่งเราสมควรแบ่งปันให้กับผู้อื่นด้วยเช่นกัน
รูปภาพที่ 7 โยนาห์หลบหนีพระเจ้า
โยนาห์ 1: 1-7
เมื่อเอลีชาเสียชีวิตแล้ว มีผู้เผยพระวจนะ(ผู้พูดแทนพระเจ้า) ของพระเจ้าอีกคนหนึ่งเกิดขึ้นในหมู่ชาวอิสราเอลชื่อโยนาห์ พระเจ้าพูดกับโยนาห์ว่า “เจ้าจงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์เมืองใหญ่และเทศนาตักเตือนชาวเมืองนี้เพราะเรารู้ถึงความชั่วร้ายของเขา” ชาวนีนะเวห์เป็นศัตรูกับชาวอิสราเอล ด้วยเหตุนี้โยนาห์จึงไม่ต้องการไปหาพวกเขา ดังนั้นโยนาห์จึงพยายามหนีจากพระเจ้า เขาได้พบเรือสำเภาซึ่งกำลังจะออกเดินทางไปอีกทางหนึ่ง เขาจ่ายค่าโดยสารแล้วเดินทางไปกับเรือนั้น เรือแล่นไปไม่นานก็ได้เกิดพายุใหญ่ในทะเล ผู้คนในเรือต่างก็หวาดกลัว พวกเขาพูดกันว่า “เรามาจับฉลากกันดู เพื่อจะได้รู้ว่าใครเป็นต้นเหตุของภัยพิบัตินี้" แล้วฉลากก็ตกแก่โยนาห์ พวกเขาจึงลงความเห็นกันว่า โยนาห์คือต้นเหตุของพายุใหญ่นี้
รูปภาพที่ 8 โยนาห์กับปลาตัวใหญ่
โยนาห์ 1:8 - 2:10
พวกลูกเรือถามโยนาห์ว่า “ท่านทำอะไรผิดหรือ” โยนาห์จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมด พวกเขาจึงรู้ว่าท่านกำลังหลบหนีพระเจ้าอยู่ พวกเขาพูดกับโยนาห์ว่า “เราควรจะทำอย่างไรกับท่านเพื่อทะเลจะได้สงบลง” โยนาห์ตอบว่า “จับเราโยนลงทะเลก็แล้วกัน เรารู้ว่าพายุใหญ่เกิดขึ้นเพราะความผิดของเราเอง” พวกเขาไม่อยากฆ่าโยนาห์แต่ลมพายุก็แรงขึ้นทุกที ดังนั้นพวกเขาจึงโยนโยนาห์ลงทะเล แต่โยนาห์กลับไม่ตาย
โปรดดูรูปภาพนี้ ปลาใหญ่ตัวหนึ่งได้กลืนโยนาห์เข้าไป โยนาห์อยู่ในท้องปลาตัวใหญ่นั้นสามวัน แล้วปลาก็สำรอกโยนาห์ออกมาเกยอยู่ที่ริมฝั่ง
รูปภาพที่ 9 โยนาห์ที่กรุงนีนะเวห์
โยนาห์ 3 : 1-10
หลังจากนั้นพระเจ้าสั่งโยนาห์อีกครั้งว่า “จงเข้าไปยังกรุงนีนะเวห์และประกาศข่าวแก่เมืองนั้นตามที่เราได้บอกเจ้า” ดังนั้นโยนาห์จึงเชื่อฟังพระเจ้าและไปยังนีนะเวห์ โยนาห์ประกาศเตือนชาวเมืองว่า “ภายใน 40 วันเมืองนีนะเวห์จะถูกทำลาย” กษัตริย์และประชาชนต่างพากันร้องขอพระเจ้าช่วยพวกเขาให้รอดจากการถูกลงโทษ แล้วพวกเขาก็เลิกทำสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ดังนั้นพระเจ้าจึงเปลี่ยนใจไม่ทำลายเมืองนีนะเวห์
พี่น้องที่รักทั้งหลาย พวกเราต่างก็เหมือนกับโยนาห์และชาวเมืองนีนะเวห์ พวกเราต่างไม่เชื่อฟังพระเจ้าและทำผิดบาปเสมอ พวกเราต่างสมควรได้รับการลงโทษ แต่พระเจ้ายังรักเราพระองค์จึงส่งพระเยซูมาตักเตือนเราเพื่อเราจะได้หันกลับจากสิ่งชั่วร้าย พระเยซูได้ตายเพื่อไถ่บาปของเรา พระองค์อยู่ในอุโมงค์ฝังศพสามวันเหมือนกับโยนาห์ที่อยู่ในท้องปลาสามวัน แล้วพระเยซูก็ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์จะมอบชีวิตนิรันดร์ให้แก่คนที่กลับใจจากความผิดบาปและความชั่ว แล้วหันมาติดตามทางของพระองค์
รูปภาพที่ 10 นางเอสเธอร์และกษัตริย์
เอสเธอร์ 1:1 - 2: 18
เอสเธอร์เป็นหญิงสาวชาวยิวจากแผ่นดินอิสราเอล พ่อแม่ของนางเสียชีวิต โมรเดคัยผู้เป็นญาติจึงรับนางมาเลี้ยงดู เอสเธอร์และโมรเดคัยถูกกวาดไปเป็นเชลยยังอาณาจักรเปอร์เซียพร้อมกับชาวอิสราเอลคนอื่นๆ ขณะนั้นกษัตริย์ของเปอร์เซียมีอำนาจมาก ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของพระองค์ เมื่อพระราชินีทำให้พระองค์โกรธมากและอับอาย พระองค์จึงตัดสินใจปลดนางออกแล้วประกาศให้บรรดาหญิงงามทั้งหมดในอาณาจักรของพระองค์มาหาพระองค์ เพื่อจะเลือกพระราชินีองค์ใหม่ กษัตริย์ได้เลือกเอสเธอร์เป็นราชินีองค์ใหม่ของพระองค์ เอสเธอร์ไม่ได้บอกให้ใครรู้ว่านางเป็นชาวยิว (ชาวยิวคือชนชาติหนึ่งที่พระเจ้าทรงเลือก)
รูปภาพที่ 11 โมรเดคัยไม่ยอมก้มกราบ
เอสเธอร์ 3:1 - 4:17
ฮามานเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในประเทศเปอร์เซีย เมื่อเขาเดินผ่านไปที่ไหนทุกคนก็ต้องก้มกราบเขา แต่โมรเดคัยนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียวเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมก้มกราบฮามาน ฮามานโกธแค้นมากจึงหาทางที่จะแก้แค้นโมรเดคัย ฉะนั้นวันหนึ่งฮามานบอกกษัตริย์ว่า “ชาวยิวไม่ยอมทำตามกฎหมายของพระองค์ ขอพระองค์ออกกฎหมายให้ทำลายพวกเขาเสีย” และเขาสัญญาจะถวายเงินให้กษัตริย์เป็นจำนวนมาก กษัตริย์ได้อนุญาตตามคำขอของฮามาน ฮามานบอกกับประชาชนว่าเมื่อถึงวันที่กำหนดไว้ในกฏหมาย ก็ให้ชาวเมืองทั้งหลายฆ่าชาวยิวเสีย ฮามานยังได้สร้างตะแลงแกงไว้เพื่อใช้แขวนคอโมรเดคัย ดังนั้นโมรเดคัยจึงบอกนางเอสเธอร์ให้ไปหากษัตริย์และขอร้องพระองค์ให้ช่วยเหลือชนชาติของนาง นางเอสเธอร์พูดว่า “ใครก็ตามที่เข้าเฝ้ากษัตริย์โดยที่พระองค์ไม่ได้เรียกแล้วจะมีโทษถึงตาย” แล้วนางเอสเธอร์ก็ได้ขอให้ชาวยิวอธิษฐานเผื่อ นางพูดว่า “ฉันจะเข้าเฝ้ากษัตริย์ ถ้าจะต้องตายฉันก็ยอม”
รูปภาพที่ 12 งานเลี้ยงของนางเอสเธอร์
เอสเธอร์ 5:1 - 7 :10
พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของชาวยิว กษัตริย์ได้ต้อนรับนางเอสเธอร์ นางจึงเชิญกษัตริย์ไปงานเลี้ยงพิเศษและได้เชิญฮามานไปด้วย ในระหว่างงานเลี้ยงนั้นกษัตริย์เอ่ยขึ้นว่า “พระราชินีเอสเธอร์เธอต้องการอะไร” นางเอสเธอร์จึงตอบว่า “หม่อมฉันหวังว่าจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปเพราะว่าหม่อมฉันและชนชาติของหม่อมฉันถูกขายเพื่อเอาไปฆ่า” กษัตริย์พูดว่า “ใครเล่าที่จะกล้าทำเช่นนั้น” นางเอสเธอร์จึงพูดว่า “ศัตรูของพวกเราคือฮามานผู้ชั่วร้ายคนนี้” เมื่อกษัตริย์รู้แผนการอันชั่วร้ายของฮามานแล้วก็โกรธยิ่งนัก พระองค์จึงสั่งให้แขวนคอฮามานที่ตะแลงแกง ซึ่งฮามานได้เตรียมไว้เพื่อจัดการกับโมรเดคัย ด้วยเหตุนี้ชาวยิวทั้งหมดจึงปลอดภัย
พี่น้องที่รักทั้งหลาย นางเอสเธอร์ยอมสละแม้แต่ชีวิตเพื่อช่วยเหลือชนชาติของนางให้รอด พระเยซูก็เช่นเดียวกันพระองค์รักเรามาก ฉะนั้นพระองค์จึงยอมตายเพื่อไถ่โทษบาปของเราทั้งหลายจากความพินาศชั่วนิรันดร์ (ดนตรี)
บทนำ 2
ดาเนียลและเนหะมีย์ถูกบังคับให้ไปอยู่ในแผ่นดินของข้าศึก แต่พวกเขาก็ยังนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียวอยู่ ในเวลาต่อมาพวกเขาได้กลายเป็นวีรบุรุษของชาวยิว เมื่อได้ยินเสียง ขอให้ดูรูปภาพถัดไป
รูปภาพที่ 13 ดาเนียลกับเพื่อน ๆ
ดาเนียล 1:1 - 20
ในรูปเป็นภาพของดาเนียลกับเพื่อนอีกสามคน พวกเขาเป็นคนยิว ซึ่งถูกข้าศึกกวาดต้อนไปยังกรุงบาบิโลน กษัตริย์ของบาบิโลนต้องการให้พวกเขาอยู่รับใช้พระองค์ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเรียนภาษาและธรรมเนียมประเพณีของชาวบาบิโลน ดาเนียลและเพื่อนๆ ปฏิเสธ ไม่ยอมกินอาหารอย่างดีที่กษัตริย์เตรียมไว้ให้เพราะขัดต่อธรรมเนียมของชาวยิว พวกเขาต้องการรักษากฏบัญญัติของพระเจ้าและยกย่องให้เกียรติพระองค์ ดังนั้นพวกเขาจึงขอเพียงผัก ผลไม้และน้ำดื่มเท่านั้น พวกผู้ดูแลต่างกลัวว่าพวกเขาจะซูบผอมและเจ็บป่วย แต่พระเจ้าได้ดูแลรักษาพวกเขา ฉะนั้นพวกเขาจึงมีร่างกายสมบูรณ์และมีสติปัญญาดีกว่าบรรดาคนหนุ่มชาวบาบิโลนเสียอีก
รูปภาพที่ 14 ดาเนียลและกษัตริย์บาบิโลน
ดาเนียล 2:1-49
ในครั้งนั้นกษัตริย์บาบิโลนทรงฝัน แล้วใจของพระองค์ก็เป็นทุกข์และนอนไม่หลับ พระองค์จึงสั่งให้พวกปราชญ์มาทำนายความฝัน แต่ไม่มีใครทำนายความฝันนั้นได้เลย ดังนั้นพระองค์จึงตัดสินใจจะประหารชีวิตพวกปราชญ์ทั้งหมด ดาเนียลและเพื่อนๆ ทั้งสามจึงอธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้า และพระเจ้าได้เปิดเผยความฝันนั้นให้แก่ดาเนียล ดาเนียลจึงเข้าเฝ้ากษัตริย์แล้วทูลว่า “พระเจ้าสูงสุดในฟ้าสวรรค์ผู้ซึ่งเปิดเผยสิ่งเร้นลับ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้บอกให้กษัตริย์รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต” ในความฝันนั้นกษัตริย์ได้เห็นอาณาจักรทั้งหลายในโลก แล้วเห็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่าลงมาทำลายอาณาจักรทั้งหลายนั้นเสีย อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่นั้นคืออาณาจักรของพระเจ้าซึ่งจะตั้งอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ ดาเนียลได้บอกสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแก่กษัตริย์ กษัตริย์จึงพอใจในตัวดาเนียลมาก พวกนักปราชญ์ทั้งหมดจึงไม่ถูกประหารชีวิต ดาเนียลได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้านายปกครองทั่วกรุงบาบิโลน
รูปภาพที่ 15 รูปปั้นทองคำ
ดาเนียล 3:1 - 12
กษัตริย์บาบิโลนได้สร้างรูปปั้นขนาดใหญ่ทำด้วยทองคำ พระองค์เรียกข้าราชการทั้งหมดให้มาดูรูปปั้นนั้น แล้วคนรับใช้ของกษัตริย์จึงสั่งว่า “เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงดนตรีบรรเลง ทุกคนจงก้มกราบลงนมัสการรูปปั้นทองคำนี้ หากผู้ใดไม่ทำตามคำสั่งจะถูกจับโยนลงในเตาไฟ” เพื่อนๆ ของดาเนียลคือชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกปฏิเสธไม่ยอมก้มกราบนมัสการรูปปั้นนั้น เพราะพวกเขาจะกราบนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียวเท่านั้น มีผู้ชายบางคนมารายงานเรื่องนี้แก่กษัตริย์ว่า “มีชาวยิวบางคนขัดขืนคำสั่งของพระองค์ พวกเขาไม่ยอมนมัสการบูชาหรือก้มกราบรูปปั้นทองคำของพระองค์”
รูปภาพที่ 16 เตาไฟที่ลุกไหม้อยู่
ดาเนียล 3:13 - 30
กษัตริย์จึงเรียกชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโกมาเข้าเฝ้าแล้วพูดว่า “ถ้าหากพวกเจ้าไม่นมัสการรูปปั้นทองคำของเรา พวกเจ้าจะถูกจับโยนเข้าไปในเตาไฟที่ลุกไหม้อยู่นั้น แล้วพระองค์ไหนจะช่วยพวกเจ้าให้รอดตายได้” พวกเขาตอบกษัตริย์ว่า “พระเจ้าซึ่งพวกเรารับใช้อยู่สามารถช่วยเราได้ แต่ถึงแม้พระเจ้าไม่ช่วย พวกเราก็จะไม่ก้มกราบนมัสการรูปปั้นทองคำนั้นอย่างแน่นอน” ดังนั้นชัดรัค เมชาคและเอเบดเนโก จึงถูกจับโยนเข้าไปในเตาไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ หลังจากนั้นกษัตริย์ก็ได้ร้องขึ้นว่า “ดูนั่นสิ! เราเห็นมีชายสี่คนกำลังเดินอยู่ในกองไฟนั้นและคนที่สี่มีลักษณะคล้ายกับพระบุตรของพระเจ้า” ชายทั้งสามได้เดินออกมาจากเตาไฟ พวกเขาไม่ได้ถูกไฟเผาแม้แต่เส้นผม กษัตริย์จึงพูดอีกว่า “พระเจ้าของชัดรัค เมชาคและเอเบดเนโกได้ส่งทูตสวรรค์มาช่วยเหลือผู้รับใช้ของพระองค์ ไม่มีพระอื่นใดสามารถช่วยได้เช่นนี้”
รูปภาพที่ 17 ดาเนียลอธิษฐานต่อพระเจ้า
ดาเนียล 6:1 - 13
ในกรุงบาบิโลนดาเนียลมีอำนาจมาก ทำให้ข้าราชการคนอื่นๆ อิจฉายิ่งนัก แต่พวกเขาก็หาความผิดที่จะกล่าวหาดาเนียลไม่ได้เลย เพราะเขาเป็นคนซื่อสัตย์ต่อกษัตริย์มาก ดังนั้นพวกศัตรูของเขาจึงวางแผนเข้าเฝ้ากษัตริย์แล้วรายงานว่า “กษัตริย์สมควรจะตั้งกฎหมายใหม่ดังนี้ หากผู้ใดอธิษฐานต่อพระอื่นหรือมนุษย์นอกเหนือจากกษัตริย์ จะต้องถูกจับโยนลงในถ้ำสิงโต” กษัตริย์เห็นด้วยกับคำแนะนำนี้ ดังนั้นกฎหมายจึงถูกร่างขึ้นมาใหม่ ส่วนดาเนียลแม้รู้ว่าได้มีการร่างกฎหมายใหม่ขึ้นแต่เขาก็ยังคงอธิษฐานต่อพระเจ้าทุกๆ วัน เมื่อพวกศัตรูเห็นเขากำลังอธิษฐาน พวกเขาจึงพากันไปฟ้องกษัตริย์ว่า “ดาเนียลไม่ยอมเชื่อฟังกฎหมายใหม่ที่พระองค์ร่างขึ้นมา”
รูปภาพที่ 18 ดาเนียลในถ้ำสิงโต
ดาเนียล 6:14 - 24
กษัตริย์ไม่อยากลงโทษให้ดาเนียลต้องตายในถ้ำสิงโต แต่พระองค์ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงกฎหมายได้ ด้วยเหตุนี้ดาเนียลจึงถูกจับโยนเข้าไปในถ้ำสิงโต เช้าวันต่อมากษัตริย์ได้วิ่งไปยังถ้ำสิงโต และร้องออกไปว่า “ดาเนียล พระเจ้าที่ท่านรับใช้นั้นสามารถช่วยท่านให้รอดพ้นจากปากของสิงโตได้รึเปล่า” ดาเนียลตอบออกมาว่า “พระเจ้าได้ส่งทูตของพระองค์มาปิดปากสิงโตไว้” กษัตริย์มีความยินดีมาก แล้วดาเนียลก็ถูกนำออกมาจากถ้ำสิงโต และโดยคำสั่งของกษัตริย์พวกศัตรูของดาเนียลจึงถูกจับโยนเข้าไปในถ้ำสิงโตแทน ทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกฝูงสิงโตฟัดและหักกระดูกเป็นชิ้นๆ
พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราไม่ต้องกลัวว่ามนุษย์จะทำอะไรเราได้ถ้าเราเชื่อและวางใจในพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ของดาเนียลและเพื่อนๆ (เพราะพระเยซูคริสต์มาจากพระเจ้าเพื่อมอบชีวิตนิรันดร์ให้แก่เรา) ถึงแม้ว่ามนุษย์จะฆ่าเราได้ แต่เราก็ยังมีความหวังที่จะได้ไปอยู่กับพระเจ้าชั่วนิรันดร์
รูปภาพที่ 19 เนหะมีย์เข้าเฝ้ากษัตริย์เปอร์เซีย
เนหะมีย์ 1:1-2:7
เนหะมีย์เป็นชาวยิวที่เชื่อและวางใจในพระเจ้า เขาอาศัยอยู่ในเมืองสุสาซึ่งเป็นเมืองหลวงของเปอร์เซียหลังจากสมัยของดาเนียล เขาได้ข่าวว่ากรุงเยรูซาเล็มบ้านเกิดเมืองนอนของเขาถูกทิ้งร้างและ พังทลายเพราะสงคราม และชาวยิวที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็ถูกคุกคามอย่างหนัก ตอนนั้นเนหะมีย์เป็นข้าราชการรับใช้กษัตริย์ผู้มีอำนาจ(ในยุคนั้น) อยู่มาวันหนึ่งเนหะมีย์ได้นำเครื่องดื่มมาถวายแด่กษัตริย์ กษัตริย์ได้พูดกับท่านว่า “เหตุใดหน้าตาของเจ้าจึงดูเศร้าหมองไป” เนหะมีย์เล่าให้กษัตริย์ฟังถึงเรื่องกรุงเยรูซาเล็มและชาวยิวที่อาศัยอยู่ที่นั่น แล้วกษัตริย์จึงถามว่า “เจ้าอยากจะขออะไรจากเรา” เนหะมีย์จึงสงบใจอธิษฐานกับพระเจ้าแล้วทูลกษัตริย์ว่า “ขอได้โปรดส่งข้าพระองค์กลับไปยังบ้านเกิดของข้าพระองค์เถิด เพื่อว่าข้าพระองค์จะได้สร้างเมืองนั้นขึ้นใหม่” พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของเนหะมีย์ ทำให้กษัตริย์อนุญาตตามคำทูลขอของเขา
รูปภาพที่ 20 เนหะมีย์สำรวจซากปรักหักพังของเมือง
เนหะมีย์ 2:7-20
กษัตริย์ได้มอบวัสดุก่อสร้างและคนงานเพื่อช่วยเหลือเนหะมีย์ พวกเขาเดินทางมาถึงกรุงเยรูซาเล็มพร้อมด้วยวัสดุต่างๆ เมื่อศัตรูของพวกยิวรู้เรื่องของเนหะมีย์ก็โกรธแค้นมากเพราะพวกเขาไม่อยากให้ใครมาช่วยเหลือคนยิว แต่เนหะมีย์ก็ไม่กลัวพวกเขา เนหะมีย์ต้องการสำรวจดูสภาพของกรุงเยรูซาเล็ม ดังนั้นเขาจึงขี่ลาสำรวจซากปรักหักพังรอบๆ กำแพงเมือง ซึ่งเขาไปสำรวจในเวลากลางคืนจึงไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ในวันรุ่งขึ้นเนหะมีย์เรียกประชุมชาวยิวในกรุงเยรูซาเล็ม เขากล่าวว่า “มาเถิด ขอให้พวกเราร่วมมือกันสร้างกำแพงเยรูซาเล็มขึ้นมาใหม่ เพื่อเราจะไม่ต้องอับอายใครอีกต่อไป” เนหะมีย์บอกพวกเขาว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องกลัวศัตรู ด้วยเหตุนี้ชาวยิวทั้งหลายในเยรูซาเล็มจึงตกลงร่วมมือกับ เนหะมีย์
รูปภาพที่ 21 การสร้างกำแพงเมือง
เนหะมีย์ 3:1 - 6:19
โปรดดูในรูปนี้ ชาวยิวได้เริ่มงานก่อสร้าง บางกลุ่มกำลังขนย้ายซากปรักหักพัง ในขณะที่บางกลุ่มก่อสร้างกำแพงและประตูเมือง พวกศัตรูโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่งและข่มขู่จะฆ่าชาวยิวขณะที่พวกเขาทำงานอยู่ ดังนั้นเนหะมีย์จึงอธิษฐานขอต่อพระเจ้าอีกครั้ง เขาขอให้พระเจ้าสำแดงให้รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างต่อไป จากนั้นเนหะมีย์ได้จัดกำลังคนถืออาวุธมาคุ้มครองคนงานและการก่อสร้าง ทุกคนต่างมีอาวุธพร้อมที่จะต่อสู้ พวกศัตรูจึงไม่มีโอกาสฆ่าเนหะมีย์และชาวยิว ดังนั้นการก่อสร้างได้ดำเนินต่อไปและเพียง 52 วันการก่อสร้างกำแพงเมืองก็สำเร็จ
รูปภาพที่ 22 เอสราอ่านหนังสือธรรมบัญญัติ
เนหะมีย์ 8 :1 - 13 :31
หลังจากการก่อสร้างกำแพงเสร็จ พวกชาวยิวได้ประชุมปรึกษากันในกรุงเยรูซาเล็ม เอสราปุโรหิตของพระเจ้าก็อ่านหนังสือธรรมบัญญัติให้แก่พวกเขาฟัง ประชาชนบางส่วนเริ่มร้องไห้เมื่อได้ยินถ้อยคำของหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้า เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่ได้เชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระเจ้า และนี่เป็นสาเหตุที่พระเจ้าอนุญาตให้ศัตรูสามารถโจมตีทำลายเมืองของพวกเขา ชาวยิวต่างต้องการเลิกจากทางชั่วแล้วหันกลับมาหาพระเจ้าอีก เนหะมีย์กล่าวกับประชาชนว่า “อย่าโศกเศร้าเลย เพราะความชื่นบานในพระเจ้าเป็นกำลังของท่าน”
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ท่านมีความชื่นชมยินดีแล้วหรือยัง พระเจ้าได้มอบความชื่นชมยินดีและกำลังแก่เราเมื่อเรารู้จักกับพระเจ้าและเชื่อฟังพระคำของพระองค์ เราอยากให้ท่านรู้ว่าท่านจะรู้จักพระเจ้าของเนหะมีย์ได้อย่างไร
รูปภาพที่ 23 พระเยซูบนไม้กางเขน
ยอห์น 19:17 - 30 , โรม 5:8
มีทางเดียวเท่านั้นที่จะนำเราให้รู้จักพระเจ้า นั่นคือพระเจ้าได้ส่งพระเยซูพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ผู้เป็นทางนั้นให้แก่พวกเรา พระเยซูเคยอยู่ในโลกเมื่อนานมาแล้ว พระองค์ได้ทำสิ่งดีมากมายเพื่อช่วยเหลือประชาชน พระองค์ยังสำแดงให้เรารู้ว่าเราควรทำอย่างไรจึงจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า แต่เราก็ไม่ทำตามทางของพระองค์ เราทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระเจ้า โทษของบาปนั้นคือการที่วิญญาณของเราจะต้องพินาศชั่วนิรันดร์ พระเจ้าได้ช่วยเหลือเอลีชา ดาเนียลและคนอื่นๆ ให้รอดจากความตายมาแล้ว แต่พระเจ้าไม่ได้ช่วยให้พระเยซูรอดพ้นจากความตาย พระเจ้าได้อนุญาตให้คนชั่วฆ่าพระเยซู พวกเขาตรึงพระองค์ตายบนไม้กางเขน พระเยซูต้องการรับโทษแทนความบาปชั่วต่างๆ ของเราเพราะพระองค์รักเรา ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงสามารถยกโทษความบาปของเราและเราสามารถกลับมาหาพระเจ้าได้ พระองค์ทำให้จิตวิญญาณของเรารอดพ้นจากความพินาศชั่วนิรันดร์ และทำให้เราสามารถรู้จัก รักและรับใช้พระองค์
รูปภาพที่ 24 พระเยซูเป็นทางแห่งชีวิตนิรันดร์
มัทธิว 7:13 , ยอห์น 14:6
พี่น้องที่รักทั้งหลาย บนเส้นทางแห่งชีวิตนั้น เราเปรียบเสมือนคนที่กำลังเดินอยู่บนทางที่กว้างใหญ่แต่นำเราไปสู่ความตาย เราทั้งหลายต่างก็ทำให้พระเจ้าเสียใจและอยู่ในทางของมารร้าย ซึ่งมันจะนำเราไปสู่การรับโทษชั่วนิรันดร์หลังความตาย แต่พระเยซูได้ทนทุกข์ทรมานและตายเพื่อไถ่เราให้พ้นจากการรับโทษใหญ่นี้ พระเยซูได้เป็นขึ้นจากความตายและเดี๋ยวนี้พระองค์เป็นทางที่จะนำเราไปหาพระเจ้า ดังนั้นเราต้องเดินในทางของพระเยซูตั้งแต่วันนี้ ซึ่งอาจเป็นทางที่คับแคบและยากลำบาก บางครั้งเราอาจต้องพบกับความทุกข์ยากลำบากเหมือนกับดาเนียลและเพื่อนๆ แต่ทางของพระเยซูจะนำเราไปสู่สวรรค์อยู่กับพระเจ้า ณ ที่นั่นจะไม่มีความทุกข์ยากลำบากอีกเลย ที่นั่นเป็นสถานที่แห่งสันติสุขและความชื่นชมยินดีนิรันดร์ พระเยซูได้บอกเราไว้ว่า "เราเป็นทางนั้น ไม่มีใครที่จะมาถึงพระเจ้าได้นอกจากมาทางเรา” ฉะนั้นขอให้ท่านเชื่อในพระเยซู แล้วท่านจะได้รับชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์กับพระเจ้า (ดนตรี)