ดู ฟัง แล้วรับชีวิต เล่มที่ 8 เรื่อง "การงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์"
Đề cương: The Young Church and Paul. 24 sections. It has a picture book to go along with the recording.
Số kịch bản: 425
ngôn ngữ: Thai
Chủ đề: Sin and Satan (Spiritual Warfare, Deliverance); Christ (Ascension); Eternal life (Salvation); Character of God (Holy Spirit, Word of God (the Bible), Power of God / Jesus); Living as a Christian (Worship, Church, Christianity, No other gods, idols, Repentance, Faith, trust, believe in Jesus, Children of God, Spiritual Life, Christian values); Bible timeline (Gospel, Good News); Problems (Problems, troubles, worries)
Khán giả: General
Kiểu dáng: Monolog
Thể loại: Bible Stories & Teac
Mục đích: Teaching
Trạng thái: Translation
Kịch bản
บทนำ
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ท่านรู้หรือไม่ว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้ลงมาสถิตอยู่กับมนุษย์แล้ว ข้าพเจ้าอยากจะอธิบายให้ท่านรู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร โปรดฟังจากเทปหรือซีดีและดูหนังสือรูปภาพเล่มสีม่วงประกอบ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณโปรดพลิกดูรูปภาพถัดไป
รูปภาพที่ 1 พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
กิจการ 1:1-11
พระเยซูลงมายังโลกนี้เมื่อ 2,000 กว่าปีมาแล้ว พระเจ้าใช้พระองค์มาเพื่อแสดงให้เราเห็นว่าแท้จริงแล้วพระเจ้าเป็นอย่างไร และพระองค์มาเพื่อประทานความรอดฝ่ายจิตวิญญาณให้แก่เราทั้งหลาย ถ้าไม่มีพระเยซูจิตวิญญาณของเราจะต้องพินาศ เราทุกคนต่างได้หลงไปจากทางของพระเจ้า พระเยซูมาเพื่อนำเรากลับไปหาพระเจ้า แต่คนชั่วได้จับพระเยซูไปตรึงบนไม้กางเขนและฆ่าพระองค์เสีย แต่ในวันที่สามพระองค์ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย มีผู้คนจำนวนมาก (บรรดาผู้ติดตามและสาวกของพระเยซู) ได้เห็นพระองค์ พระเยซูพูดกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายจะได้รับฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน” และกล่าวต่ออีกว่า “ท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” จากนั้นพระเยซูถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ดังที่ท่านเห็นในภาพนี้ สักวันหนึ่งพระองค์จะกลับมาเหมือนอย่างที่พระองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์
รูปภาพที่ 2 พระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาเหมือนอย่างเปลวไฟ
กิจการ 2:1-12
หลังจากที่พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ได้สิบวัน สาวกของพระองค์ได้รวมตัวกันอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง (ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าลงมาสถิตอยู่กับพวกเขาอย่างไร) ทันใดนั้นก็มีเสียงจากฟ้าเหมือนเสียงพายุดังก้อง พวกเขาเห็นบางสิ่งเหมือนกับเปลวไฟ มันกระจายออกไปสัมผัสพวกเขาแต่ละคน ทำให้พวกเขาประกอบไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเหมือนดังที่พระเยซูได้สัญญาไว้ พวกเขาได้รับฤทธิ์เดชจึงทำให้สามารถพูดภาษาอื่นๆ ได้
รูปภาพที่ 3 เปโตรเทศนาให้ประชาชนฟัง
กิจการ 2:14-41
เหล่าสาวกของพระเยซูอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม (ประเทศอิสราเอล) เวลานั้นมีผู้คนมากมายจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม และเมื่อเหล่าสาวกของพระเยซูได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าแล้ว พวกเขาก็สามารถพูดภาษาต่างๆ ของคนต่างชาติได้ สาวกได้ประกาศเรื่องการตายและเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู เปโตรได้ลุกขึ้นและประกาศว่า “สิ่งที่ท่านทั้งหลายได้เห็นและได้ยินนี้ เป็นของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านแต่ละคนจะต้องหันจากบาปของตนเอง (รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่ทำให้พระเจ้าเสียใจ) แล้วรับบัพติศมาในนามของพระเยซูคริสต์ เพื่อพระเจ้าจะยกความผิดบาปของท่าน แล้วท่านจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน” มีคนจำนวนมากเชื่อฟังคำของ เปโตร ดังนั้นพวกเขาจึงรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ พวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยและเริ่มต้นดำเนินชีวิตตามทางของพระเยซู
รูปภาพที่ 4 ครอบครัวของพระเจ้า
กิจการ 2:42-47
ผู้คนที่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าอยู่ด้วยกันเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า “คริสตจักร” พวกเขานำทรัพย์สินเงินทองของตนมาแบ่งปันและช่วยเหลือผู้ที่มีความจำเป็นและขัดสน ทุกๆ วันพวกเขาสรรเสริญพระเจ้าและอธิษฐานร่วมกัน พวกสาวกได้สอนพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องของพระเยซู บางครั้งพวกเขาร่วมกันหักขนมปังและดื่มน้ำองุ่น พระเยซูสั่งให้ผู้ที่เชื่อในพระองค์ปฏิบัติตามสิ่งเหล่านี้เพื่อระลึกถึงพระองค์ ถ้าเราเชื่อในพระเยซูเราก็ควรปฏิบัติด้วยเช่นกัน
การหักขนมปังเพื่อให้เราระลึกถึงร่างกายของพระเยซู ที่แตกหักลงจนถึงความตาย เพื่อรับโทษแทนความผิดบาปของเรา การร่วมดื่มน้ำองุ่นก็เพื่อเตือนให้เราระลึกถึงเลือดของพระเยซู ซึ่งไหลออกมาเพื่อชำระล้างเราจากความบาปทั้งสิ้น
รูปภาพที่ 5 ขอทานง่อยหายโรค
กิจการ 3:1-16
วันหนึ่งเปโตรและยอห์นกำลังเดินเข้าไปในวิหารของพระเจ้าเพื่ออธิษฐาน ที่ประตูทางเข้าวิหารมีคนง่อยคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ เขาเดินไม่ได้มาตั้งแต่เกิด เขาขอเงินจากเปโตรและยอห์น แต่เปโตรพูดกับเขาว่า “เงินและทองเราไม่มี แต่ที่เรามีเราจะให้ท่าน คือในนามของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงลุกขึ้นและเดินเถิด” แล้วเปโตรก็จับมือของเขาพยุงขึ้น ทันใดนั้นเท้าและข้อเท้าของเขาก็มีกำลังขึ้น ชายง่อยได้รับการรักษาโดยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์และได้รับของขวัญที่มีค่ามากกว่าเงินทอง เขาจึงเข้าไปในวิหารของพระเจ้าด้วยความดีใจ ทั้งเดิน ทั้งกระโดดและร้องสรรเสริญพระเจ้า
รูปภาพที่ 6 เปโตรและหญิงมุสา
กิจการ 5:1-11
อานาเนียและภรรยาชื่อสัปฟีราได้ขายที่ดินของตน ซึ่งพวกเขาได้ตกลงกันว่าจะถวายเงินที่ได้รับทั้งหมดให้พระเจ้าเพื่อคริสตจักรของพระองค์ แต่เมื่อขายที่ดินได้เงินแล้วพวกเขากลับยักยอกเงินของพระเจ้าบางส่วนไว้เป็นของตน อานาเนียนำเงินเพียงบางส่วนมามอบให้กับ เปโตร แต่เขากลับบอกเปโตรว่าเป็นเงินทั้งหมดที่เขาได้รับจากการขายที่ดิน เปโตรรู้ว่า อานาเนียกำลังพูดโกหก เปโตรจึงพูดกับอานาเนียว่า “ท่านไม่ได้มุสาต่อมนุษย์ แต่ได้มุสาต่อพระเจ้า” ทันใดนั้นอานาเนียก็ล้มลงตาย และมีพวกคนหนุ่มได้หามศพของอานาเนียออกไปฝัง หลังจากนั้นสัปฟีราได้เดินเข้ามา นางยังไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น สัปฟีราก็ได้โกหกเรื่องเงินของพวกตนต่อเปโตรด้วยเหมือนกัน ดังนั้นนางก็ล้มลงตาย และศพของนางถูกนำไปฝังอยู่ข้างสามี พี่น้องที่รักทั้งหลาย อย่ารักเงินทองจนทำให้เราต้องเป็นคนคดโกง เราต้องไม่โกหกต่อผู้อื่นและต่อพระเจ้าด้วย
รูปภาพที่ 7 สเทเฟนถูกฆ่า
กิจการ 6:1-8:3
สเทเฟนเป็นผู้นำคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็ม เขาเป็นผู้ที่ช่วยเหลือคนยากจน เขาพูดเรื่องของพระเยซูอย่างกล้าหาญ ทำให้พวกยิวโกรธเขามาก พวกยิวจึงจับสเทเฟนนำไปยังศาลและใส่ร้ายว่าเขาทำผิด สเทเฟนไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างไร เขารู้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าอยู่กับเขา สเทเฟนเตือนความจำพวกยิวเหล่านั้นว่าพวกเขาได้ฆ่าพระเยซูผู้ซึ่งมาจากพระเจ้า (เพื่อประทานชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ) ดังนั้นพวกยิวยิ่งโกรธแค้นมาก พวกเขาจึงลากสเทเฟน ออกไปนอกเมืองและเอาหินขว้าง ชาวยิวพวกนั้นได้ฝากเสื้อผ้าของตนวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อเซาโล ในวินาทีสุดท้ายสเทเฟนอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเยซูเจ้า ขอโปรดรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์ด้วย ขอโปรดอย่าถือโทษพวกเขาเพราะบาปนี้” ถึงแม้จะ ต้องพบกับความตาย แต่พระวิญญาณบริสุทธ์ของพระเจ้าก็จะไม่ทอดทิ้งผู้เชื่อในพระเยซู
รูปภาพที่ 8 ขุนนางชาวเอทิโอเปีย
กิจการ 8:4-8, 26-40
ในเมืองสะมาเรีย ฟีลิปได้ประกาศเรื่องของพระเยซูและมีหลายคนรับเชื่อ แล้วพระเจ้าบอกให้ฟีลิปไปยังถิ่นทุรกันดารแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีขุนนางจากเอธิโอเปียคนหนึ่งกำลังเดินทางกลับบ้าน เขานั่งอยู่บนรถม้าและกำลังอ่านพระคำของพระเจ้าไปด้วย ซึ่งพระธรรมตอนนั้นกล่าวไว้ว่า จะมีผู้หนึ่งเข้ามาทนทุกข์ทรมานเพื่อคนทั้งปวง แต่ชาวเอธิโอเปียผู้นี้ไม่เข้าใจความหมาย พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงบอกให้ฟีลิปไปหาชายผู้นี้ เมื่อฟีลิปได้ยินเขาอ่านพระคำตอนนี้อยู่ ฟีลิปจึงบอกเขาไปว่า พระธรรมตอนนี้กำลังพูดถึงพระเยซูผู้ซึ่งพระเจ้าได้ส่งมายังโลกนี้ ชาวเอธิโอเปียผู้นี้ต้องการติดตามพระเยซูด้วย ขณะที่ทั้งสองเดินทางต่อด้วยกัน เขาถาม ฟีลิปว่า “ที่นี่มีน้ำอยู่ มีอะไรขัดข้องไหมถ้าข้าพเจ้าจะรับบัพติศมา” ฟีลิปจึงทำพิธีบัพติศมาให้แก่ขุนนางชาวเอธิโอเปีย แล้วเขาก็เดินทางกลับไปยังบ้านเมืองของตนด้วยความชื่นชมยินดี จากนั้นมาข่าวประเสริฐของพระเยซูก็ได้เริ่มแผ่ขยายไปยังที่ต่างๆ
รูปภาพที่ 9 นิมิตของเปโตรเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ
กิจการ 10:9-16
วันหนึ่งเปโตรขึ้นไปอธิษฐานบนดาดฟ้า และเวลานั้นเขาได้เห็นนิมิตจากพระเจ้า เหมือนผ้าผืนใหญ่หย่อนลงมาจากสวรรค์ ในนั้นมีสัตว์มากมายหลายชนิด ขณะนั้นเปโตรรู้สึกหิวและมีเสียงพูดกับเขาว่า “เปโตรเอ๋ย จงลุกขึ้นฆ่าสัตว์เหล่านั้นกินเถิด” สัตว์ต่างๆ ที่เปโตรเห็นเป็นสัตว์ที่มีมลทิน ตามธรรมเนียมของชาวยิวจะห้ามไม่ให้กินสัตว์พวกนี้ เปโตรจึงตอบพระเจ้าไปว่า “มิได้ พระเจ้าข้า เพราะว่าสิ่งซึ่งเป็นของต้องห้าม หรือเป็นของมลทินนั้น ข้าพระองค์ไม่เคยกินเลย” แต่เสียงนั้นพูดว่า “ซึ่งพระเจ้าได้ชำระแล้วอย่าว่าเป็นของต้องห้ามเลย” นิมิตนี้เกิดขึ้นถึงสามครั้งติดต่อกัน แล้วผ้าผืนใหญ่นั้นก็ถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์ตามเดิม
รูปภาพที่ 10 เปโตรกับชาวโรมัน
กิจการ 10:1-8, 17-48
ในขณะที่เปโตรกำลังอธิษฐานอยู่นั้นมีชายสามคนมาตามหาเขา พวกเขาเดินทางมาจากเมืองอื่น ซึ่งผู้ที่ส่งพวกเขามาชื่อโครเนลิอัส เขาเป็นทหารชาวโรมันที่ยำเกรงพระเจ้า เขาเห็นนิมิตจากทูตสวรรค์บอกให้เขาไปหาเปโตร ในความคิดของชาวยิวพวกเขาคิดว่าชาวโรมันเป็นผู้มีมลทิน แต่พระเจ้าได้สำแดงนิมิตให้เปโตรรู้ว่าไม่มีชนชาติใดเป็นมลทิน ฉะนั้นเปโตรจึงออกเดินทางไปกับพวกเขา ไปยังบ้านของนายทหารชาวโรมันผู้นั้น
โครเนลิอัสก้มลงกราบเปโตร แต่เปโตรได้พูดกับเขาว่า “จงลุกขึ้นเถิด เราก็เป็นเพียงมนุษย์เหมือนกัน ทำไมท่านจึงส่งคนไปหาเรา” โครเนลิอัสจึงเล่าเรื่องทูตสวรรค์ให้ เปโตรฟัง เปโตรจึงสนทนากับโครเนลิอัสถึงเรื่องของพระเยซู ผู้ซึ่งสำแดงพระเจ้าแก่มนุษย์ทั้งหลาย โครเนลิอัสและครอบครัวของเขาได้เชื่อในพระเยซูคริสต์ และได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า
พระเจ้ารักมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าคนนั้นจะใช้ภาษาอะไร หรือมีผิวสีอะไร พระเจ้าปรารถนาให้ทุกคนเชื่อวางใจ และรับใช้พระบุตรองค์เดียวของพระองค์
รูปภาพที่ 11 เปโตรถูกจำคุก
กิจการ 12:1-11
กษัตริย์เฮโรดเริ่มข่มเหงคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็ม เขาได้ฆ่าสาวกที่ชื่อยากอบและจับเปโตรขังไว้ในคุก คืนหนึ่งขณะที่เปโตรกำลังหลับอยู่ในคุก เขานอนอยู่ระหว่างทหารสองคนและมีโซ่ล่ามอยู่ ทันใดนั้นมีทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้ามาปรากฎ และมีแสงสว่างส่องเข้ามาในห้องขัง ทูตของพระเจ้าได้ปลุกเปโตรและกล่าวว่า “ลุกขึ้นเร็ว และตามเรามาเถิด” ทันใดนั้นโซ่ก็ได้หลุดออกจากข้อมือของเปโตร แล้วเปโตรก็ตามทูตสวรรค์องค์นั้นออกไป ประตูเหล็กได้เปิดออกเองและไม่มีใครมาขัดขวางเลย หลังจากที่ออกจากคุกแล้วทูตสวรรค์ก็หายตัวไป
รูปภาพที่ 12 เปโตรและเพื่อน ๆ ของเขา
กิจการ 12:12-19
เพื่อนๆ ของเปโตรได้ร่วมใจกันอธิษฐานเผื่อเปโตรขณะถูกขังอยู่ในคุก และเมื่อเขาออกจากคุกก็ได้ไปหาพวกเพื่อนๆ ที่บ้านทันที ขณะที่เปโตรยืนเคาะประตูอยู่นั้น สาวใช้คนหนึ่งมาฟังที่ประตู เมื่อได้ยินเสียงเธอจำได้ว่าเป็นเสียงของเปโตร เธอจึงวิ่งไปบอกคนอื่นๆ ที่กำลังประชุมกันว่า เปโตรยืนอยู่หน้าประตู พวกเขาจึงพูดว่า “เธอบ้าไปแล้วหรือ” เปโตรยังคงยืนเคาะอยู่ที่ประตู เมื่อพวกเขาเปิดประตูแล้วเห็นว่าเป็นเปโตร ต่างก็พากันประหลาดใจยิ่งนัก เปโตรได้เล่าให้พวกเขาฟังถึงเรื่องที่พระเจ้าช่วยเขาให้รอดจากเฮโรด
พระเจ้าฟังคำอธิษฐานของคริสตจักรของพระองค์ (ประชากรของพระองค์) พระเยซูพูดไว้ว่า “หากมีสองสามคนประชุมกันที่ใดๆ ในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น” พระวิญญาณของพระเจ้าได้สถิตอยู่กับคริสตจักรสมัยก่อน เช่นเดียวกันพระองค์ก็จะสถิตอยู่กับผู้ที่เชื่อพระเยซูในทุกวันนี้ด้วย (ดนตรี)
บทนำ
ชาวโลกจะสามารถได้ยินเรื่องราวการเสด็จมาของพระเยซู เพื่อช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากความตายและความบาปได้อย่างไร เรื่องราวของอาจารย์เปาโลจะแสดงให้เราเห็นว่าเราจะสามารถทำได้อย่างไร โปรดพลิกดูรูปภาพถัดไปเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ
รูปภาพที่ 13 แสงสว่างและเสียงจากสวรรค์
กิจการ 9:1-9
เซาโลเป็นผู้นำชาวยิวที่ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้า เขาเป็นคนที่ยืนมองดูสเทเฟนถูกประชาชนเอาหินขว้างจนตาย และเขายังได้ข่มขู่จะเอาชีวิตของผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ด้วย วันหนึ่งขณะที่เขากำลังเดินทางไปยังเมืองดามัสกัส เขาตั้งใจจะไปข่มเหงและจับกุมผู้เชื่อที่นั่น เมื่อเซาโลเดินทางใกล้จะถึงเมืองนั้น ในทันใดนั้นก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นกับเขา แสงสว่างเจิดจ้าส่องลงมาจากท้องฟ้าทำให้เซาโลล้มลง และมีเสียงดังจากท้องฟ้าว่า “เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม” เซาโลจึงถามว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์เป็นผู้ใด” แล้วมีเสียงตอบมาว่า “เราคือเยซู ที่เจ้ากำลังข่มเหง” เพื่อนที่ร่วมเดินทางมากับเซาโลต่างก็ได้ยินเสียงนั้นด้วย แต่พวกเขามองไม่เห็นใครเลย เซาโลได้ลุกขึ้นเมื่อลืมตาแล้วก็มองอะไรไม่เห็น เพื่อนร่วมทางของเขาจึงจูงมือนำทางเขาเข้าไปยังเมืองดามัสกัส
รูปภาพที่ 14 เซาโลผู้ตาบอดกับอานาเนีย
กิจการ 9:10-20
เซาโลตาบอดอยู่สามวัน เขาไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย จากนั้นพระเจ้าได้ส่งชายคนหนึ่งมาหาเซาโล เขาเป็นศิษย์คนหนึ่งของพระเยซูชื่ออานาเนีย อานาเนียรู้ว่าเซาโลเป็นผู้ที่ข่มเหงผู้เชื่อในพระเยซู แต่เขาก็ยังไปหาเซาโลและกล่าวว่า “พี่เซาโลเอ๋ย องค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระเยซูผู้ปรากฎแก่ท่านระหว่างทางที่ท่านมานั้น ได้ใช้ข้าพเจ้ามาเพื่อท่านจะเห็นได้อีก และเพื่อท่านจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างเต็มบริบูรณ์” อานาเนียวางมือบนเซาโล ทันใดนั้นเซาโลก็มองเห็นได้อีกครั้งและได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างเต็มเปี่ยม เขายังได้รับบัพติศมาเพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นว่าบัดนี้เขาเป็นผู้ที่ติดตามพระเยซูแล้ว แทนที่เซาโลจะข่มเหงคริสตจักร แต่เขากลับเริ่มประกาศแก่ทุกๆ คนถึงเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า”
รูปภาพที่ 15 คริสตจักรอธิษฐานเผื่อเซาโลและบารนาบัส
กิจการ 13:1-3
ภายหลังเซาโลและเพื่อนของเขาชื่อบารนาบัส ได้ไปเทศนาสั่งสอนคริสตจักรที่อยู่ในเมืองอันทิโอก วันหนึ่งพวกผู้นำคริสตจักรได้อดอาหารอธิษฐาน พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กล่าวกับพวกเขาว่า “จงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับงานที่จะมอบให้เขาทำ” พระเจ้าต้องการให้เขาทั้งสองออกไปประกาศกับคนที่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องของพระเยซู ผู้นำคริสตจักรจึงวางมืออธิษฐานเผื่อเซาโลกับบารนาบัส จากนั้นพวกเขาจึงส่งทั้งสองไปยังแดนไกลเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ
คริสตจักรของพระเจ้าในปัจจุบันนี้ก็ควรส่งผู้ประกาศข่าวประเสริฐออกไปยังที่ต่างๆ ด้วยเช่นกัน พระเยซูพูดไว้ว่า “จงออกไปทั่วโลกประกาศข่าวประเสริฐแก่คนทั้งปวง”
รูปภาพที่ 16 เปาโลประกาศเรื่องพระเยซู
กิจการ 13:4-52
ภายหลังเซาโลเปลี่ยนชื่อเป็นเปาโล เปาโลกับบารนาบัสเดินทางไปยังเมืองต่างๆ พวกเขาได้พบชาวยิวในธรรมศาลา ทั้งสองได้สั่งสอนพวกเขาว่า “พระเจ้าของชาวยิวได้เลือกบรรพบุรุษของพวกเรา ให้เป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ พระองค์ได้ประทานผู้นำและครูบาอาจารย์แก่พวกเรา และคนเหล่านั้นได้ทำนายไว้ล่วงหน้าถึงผู้หนึ่งที่จะลงมาเพื่อไถ่บาปของพวกเรา ท่านผู้นั้นก็คือพระเยซูคริสต์เจ้า แต่ชาวยิวไม่เข้าใจในสิ่งที่ครูของพวกเขาได้กล่าวไว้ พวกเขาจึงไม่รู้ว่าพระเยซูคือผู้ใด พระเยซูไม่ได้ทำความผิดใดๆ เลย แต่พวกเขาก็ได้ฆ่าพระองค์เสีย อย่างไรก็ตามพระเจ้าได้ชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นมาจากความตาย และพระองค์จะไม่มีวันตายอีก เหตุฉะนั้นทุกคนที่เชื่อวางใจในพระเยซู พระองค์จะชำระบาปของเขาให้ขาวบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์ พระเจ้า ส่วนผู้ที่สงสัยและดูหมิ่นต่อความจริงนี้ จะต้องพบกับความตาย”
มีคนยิวบางคนและคนต่างชาติอื่นๆ ได้เชื่อในสิ่งที่เปาโลประกาศ และมีคริสตจักรเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ยังไม่เชื่อ (ดนตรีและสัญญาณ)
รูปภาพที่ 17 นิมิตของเปาโลเกี่ยวกับชายผู้หนึ่ง
กิจการ 16:6-10
หลายปีต่อมาเปาโลเดินทางไปเยี่ยมเยียนคริสตจักรต่างๆ เขาและเพื่อนๆ ตั้งใจจะไปประกาศที่แคว้นบิธีเนียด้วย แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ห้ามพวกเขาไว้ พวกเขาจึงไม่รู้ว่าควรจะเดินทางไปที่ไหนต่อ คืนหนึ่งเปาโลได้เห็นนิมิต มีชายชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งมายืนอ้อนวอนว่า “ขอโปรดมาช่วยพวกข้าพเจ้าในแคว้นมาซิโดเนียด้วยเถิด” เมื่อเปาโลเห็นนิมิตนั้นเขาก็รู้ทันทีว่า พระเจ้าเปิดเผยให้พวกเขาเดินทางไปยังแคว้นมาซิโดเนีย
พระเจ้าจะนำผู้ที่ต้องการติดตามพระเยซู บางครั้งพระองค์เปิดเผยทางความฝัน แต่ปกติแล้วพระเจ้าจะนำพวกเราผ่านทางพระคำของพระเจ้า คือพระคัมภีร์
รูปภาพที่ 18 เปาโลและสิลาสกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว
กิจการ 16:16-35
เปาโลพาเพื่อนชื่อสิลาสร่วมเดินทางข้ามทะเลไปยังแคว้นมาซิโดเนีย ณ ที่นั่นพวกเขาได้ประกาศสั่งสอนประชาชนถึงเรื่องของพระเยซู มีประชาชนบางคนเชื่อ แต่บางคนเมื่อฟังแล้วกลับโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาจับเปาโลกับสิลาสไปเฆี่ยนตีแล้วนำไปขังคุกไว้ ในคืนนั้นเปาโลกับสิลาสได้อธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าในคุก ทันใดนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทำให้ประตูคุกเปิดออก และโซ่ที่ใช้ล่ามนักโทษก็หลุดออกจากทุกคน ฝ่ายผู้คุมห้องขังคิดว่านักโทษได้หลบหนีกันไปหมดแล้ว เขากลัวความผิดจึงคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะเขารู้ว่าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เวลานั้นเปาโลร้องเสียงดังว่า “อย่าทำร้ายตัวเองเลย เราทุกคนยังอยู่ที่นี่” ผู้คุมห้องขังจึงสั่งให้จุดไฟ แล้วรีบวิ่งเข้าไปและพูดว่า “ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะต้องทำอย่างไรจึงจะรอด” เปาโลจึงพูดว่า “จงเชื่อและวางใจในพระเยซูเจ้า แล้วท่านจะได้รับความรอด” ผู้คุมห้องขังมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทั้งตัวเขาและทุกคนในครอบครัวจึงเชื่อในพระเยซู
รูปภาพที่ 19 เปาโลและแท่นบูชาแด่พระเจ้าที่ไม่รู้จัก
กิจการ 17:16-34
ในกรุงเอเธนส์ประชาชนนมัสการรูปเคารพต่างๆ มากมาย ชาวเมืองเอเธนส์อยากรู้ว่าเปาโลสอนเรื่องอะไร ดังนั้นเปาโลจึงพูดกับพวกเขาว่า “ชาวกรุงเอเธนส์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าเห็นว่า ท่านทั้งหลายเคร่งครัดในศาสนามาก เพราะว่าเมื่อข้าพเจ้าเดินทางมาและสังเกตเห็นสิ่งที่ท่านนมัสการนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นแท่นบูชาที่มีคำจารึกไว้ว่า ‘แด่พระเจ้าที่ไม่รู้จัก’ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงมาประกาศและบอกให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงพระเจ้าที่ท่านไม่รู้จัก” เปาโลได้พูดให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ที่เป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง เปาโลสอนพวกเขาว่าพระเจ้าองค์นี้มีชีวิตอยู่ พระองค์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากเงิน ทองคำ หรือจากหิน เปาโลยังได้สอนเรื่องที่พระเจ้าให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย มีบางคนเมื่อได้ฟังเรื่องนี้ก็หัวเราะเยาะ แต่ก็มีบางคนที่เชื่อคำของเขาและได้พบทางซึ่งจะนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์
พระเจ้าองค์เที่ยงแท้มีเพียงองค์เดียว เป็นผู้ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เราสามารถรู้จักกับพระองค์ได้โดยผ่านทางพระเยซู
รูปภาพที่ 20 เปาโลถูกนำตัวไปขึ้นศาล
กิจการ 18:1-17
เปาโลได้เดินทางไปยังเมืองโครินธ์ ประชาชนของเมืองโครินธ์เป็นคนชั่วร้ายมาก และชาวยิวที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ได้สร้างปัญหาให้เขาเป็นอย่างมาก ในคืนหนึ่งพระเยซูได้มาปรากฏแก่เปาโลและพูดกับเขาว่า “อย่ากลัวเลย จงประกาศต่อไปอย่านิ่งเสีย เพราะว่าเราอยู่กับเจ้าและจะไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดจะต่อสู้หรือทำร้ายเจ้าได้” ดังนั้นเปาโลจึงอยู่ที่เมืองโครินธ์ต่อ และได้มีคนจำนวนมากเชื่อในถ้อยคำของเขา วันหนึ่งผู้นำชาวยิวได้จับตัวเปาโลและนำเขาไปขึ้นศาล พวกเขาตั้งข้อกล่าวหาว่าเปาโลสั่งสอนสิ่งที่เหลวไหลและไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตามผู้ปกครองของเมืองนี้ไม่รับฟังข้อกล่าวหาและไล่พวกเขาทั้งหมดออกไปจากศาลเสีย แล้วชาวโครินธ์จึงจับพวกผู้นำชาวยิวนั้นมาเฆี่ยนตี ส่วนเปาโลก็หลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อันตราย พระเจ้าสามารถช่วยให้เรามีใจกล้าหาญในการประกาศข่าวประเสริฐ
รูปภาพที่ 21 ทหารช่วยเปาโลให้รอดจากพวกยิว
กิจการ 21:1-22:24
เปาโลได้ไปเยี่ยมคริสตจักรต่างๆ ในหลายเมืองอย่างต่อเนื่อง มีผู้เชื่อบางคนเตือนเปาโลไม่ให้เดินทางเข้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพราะได้ข่าวว่าพวกยิวต้องการจะฆ่าเขา แต่เปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเต็มใจพร้อมที่จะตายที่นั่น เพราะเห็นแก่นามของพระเยซูคริสตเจ้า” ดังนั้นเปาโลจึงเดินทางกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อพวกยิวเห็นก็ได้ยุยงชาวเมืองให้ต่อต้านเขา และพวกเขาพยายามจะฆ่าเปาโลจนทหารโรมันต้องเข้ามาช่วยเหลือเขาไว้ เปาโลได้ขึ้นไปยืนบนบันไดนอกกรมทหารโรมัน และได้เป็นพยานเรื่องที่เขาได้มาเชื่อและติดตามพระเยซูคริสต์ให้ประชาชนฟัง
แต่ประชาชนก็ตะโกนขึ้นว่า “จงเอาเขาไปฆ่าเสีย” พวกทหารจึงนำเขาไปคุมขังไว้เพื่อคุ้มครองเขาให้รอดพ้นจากการปองร้ายของพวกยิว
รูปภาพที่ 22 เปาโลเทศนาต่อหน้ากษัตริย์
กิจการ 25:1-26:32
ขณะที่เปาโลอยู่ในคุกสองปีพวกยิวก็ยังคงหาทางที่จะฆ่าเขา แต่พระเยซูได้มาปรากฎ ต่อเปาโลและพูดว่า “อย่ากลัวเลย ต่อไปท่านจะประกาศเรื่องของเราในกรุงโรม” หลังจากนั้นเปาโลถูกนำตัวไปอยู่ต่อหน้าอากริปปากษัตริย์ของชาวยิว แต่เปาโลก็ไม่ได้เกรงกลัวกลับมีใจกล้าเล่าให้กษัตริย์และพระราชินีฟังเกี่ยวกับเรื่องที่พระเยซูได้เรียกเขา ให้เป็นผู้ประกาศเรื่องราวของพระเยซูคริสต์แก่ประชาชนในทุกๆ แห่ง เปาโลยังชักชวนกษัตริย์อากริปปาให้เชื่อในพระเยซูด้วย กษัตริย์อากริปปารู้ว่าเปาโลไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่ก็ไม่มีอำนาจพอที่จะปล่อยตัวเขา กษัตริย์อากริปปาจึงบอกกับเปาโลว่าเขาจะต้องเดินทางไปต่อสู้ข้อกล่าวหานี้ที่กรุงโรมต่อหน้าจักรพรรดิซีซาร์ ผู้ซึ่งมีอำนาจปกครองสูงสุด
รูปภาพที่ 23 เรืออับปาง
กิจการ 27:1-44
พวกทหารนำเปาโลเดินทางพร้อมกับนักโทษคนอื่นๆ ไปยังกรุงโรม พวกเขาต้องเดินทางโดยเรือเพื่อข้ามทะเล เรือถูกลมพายุพัดอย่างรุนแรง ทุกคนที่อยู่ในเรือคิดว่าจะต้องตายแน่ เวลานั้นทูตสวรรค์ได้มาแจ้งแก่เปาโลว่า “เปาโลเอ๋ย อย่ากลัวเลย เจ้าจะได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิซีซาร์ ส่วนคนทั้งปวงที่อยู่ในเรือกับเจ้านั้น พระเจ้าจะโปรดให้รอดตาย” ในไม่ช้าเรือก็ได้แล่นมาใกล้เกาะแห่งหนึ่ง และถูกคลื่นใหญ่พัดจนแตก คนที่อยู่ในเรือได้กระโดดลงทะเล และพวกเขาทั้งหมดได้ขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย
พระเจ้ามีเป้าหมาย(แผนการ)สำหรับเปาโล ดังนั้นจึงไม่มีอันตรายใดๆ สามารถทำร้ายเขาได้
รูปภาพที่ 24 เปาโลถูกจองจำอยู่ในกรุงโรม
กิจการ 28:16-31
เปาโลถูกจองจำในกรุงโรมต่ออีกสองปี ในระหว่างนั้นมีประชาชนจำนวนมากมาเยี่ยมเขา และเขาได้สั่งสอนพวกประชาชนถึงเรื่องราวของพระเยซู เปาโลได้เขียนจดหมายถึงคริสตจักรต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งข้อความในจดหมายเป็นคำสอนที่พบได้ในพระคัมภีร์ และมีความสำคัญสำหรับเราในทุกวันนี้ เปาโลได้ทนทุกข์ทรมานเพื่อการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า เขาถูกเฆี่ยนตีและถูกหินขว้าง เขาหิวและไร้ที่อยู่อาศัย ในที่สุดเขาถูกประหารชีวิตในกรุงโรม หลังจากนั้นพระเจ้าได้มอบรางวัลที่ยิ่งใหญ่แก่เขาบนแผ่นดินสวรรค์
ถ้อยคำของเปาโลล้วนเป็นความจริง “ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ว่าความตายหรือการมีชีวิตอยู่หรือสิ่งใดๆ ที่ได้ถูกสร้างขึ้นแล้วนั้น จะไม่สามารถแยกเราออกจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์เจ้าของเราได้”
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอให้เราร่วมมือกันเผยแพร่ข่าวประเสริฐนี้ออกไปแก่คนทั่วโลก เพื่อให้ทุกคนได้รู้และเข้าใจว่า พระเยซูเป็นผู้มอบชีวิตนิรันดร์ให้แก่ผู้ที่เชื่อในพระองค์ (ดนตรี)