ข่าวประเสริฐ
Đề cương: Short Bible stories from Genesis through the ascension. How to become a follower of Jesus. 40 sections. It has a picture book to go along with the recording.
Số kịch bản: 395
ngôn ngữ: Thai
Chủ đề: Sin and Satan (Temptation, Deliverance, Light/Darkness, Sin, disobedience, Satan (the devil)); Christ (Jesus, Our Substitute, Resurrection of Jesus, Son of God, Saviour of Sinful Men, Birth of Christ, Ascension, Sacrifice / Atonement, Death of Christ, Life of Christ); Eternal life (Salvation, Eternal / everlasting life, Broad & Narrow Ways); Character of God (Love of God, Holy Spirit, Grace and Mercy, Nature, character of God, Word of God (the Bible), Power of God / Jesus); Living as a Christian (Fruit of the Spirit, Prayer, petition, New Nature, Worship, Witnessing, Church, Christianity, Second Birth, Obedience, No other gods, idols, Peace with God, Leaving old way, begin new way, Forgiveness, Faith, trust, believe in Jesus, Peace (between men), Children of God, Family, relationships, Spiritual Life, Christian values); Life event (Death); Bible timeline (Creation, Law of God, End Time, Second Coming, Gospel, Good News, People of God); Problems (Materialism, Evil Spirits, demons, Fear, Problems, troubles, worries)
Khán giả: General
Kiểu dáng: Monolog
Thể loại: Bible Stories & Teac
Mục đích: Evangelism
Trích dẫn Kinh Thánh: Extensive
Trạng thái: Publishable
Kịch bản
อารัมภบท
สวัสดี...ทุกท่าน เรื่องที่ท่านจะได้ยินต่อไปนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ท่านเคยได้ยินมา เป็นข่าวประเสริฐสำหรับทุกคน โปรดฟังข่าวประเสริฐนี้และดูรูปภาพประกอบ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ (ตามความเหมาะสมของวัฒนธรรมนั้นๆ) โปรดดูรูปภาพถัดไป ท่านสามารถหยุดเสียงได้ทุกเวลาเพื่อคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องราวที่ได้ยิน เริ่มต้นที่ภาพแรก
รูปภาพที่ 1: ปฐมกาล
ปฐมกาล 1:1-5; สดุดี 90:2
ตั้งแต่แรกเริ่มมีเพียงพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น พระเจ้าได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก โลกนั้นก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ พระเจ้าจึงสั่งให้เกิดความสว่าง ให้แผ่นดินแยกออกจากน้ำ สร้างดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวทุกดวง พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำหนดและควบคุมโดยพระองค์
รูปภาพที่ 2: พระคำของพระเจ้า
อิสยาห์ 45:18-19, ฮีบรู 4:12, สดุดี 19:7-10
หนังสือในรูปนี้คือ พระคัมภีร์ เป็นพระคำของพระเจ้า ซึ่งจะบอกเราเกี่ยวกับเรื่องราวและหนทางของพระองค์ พระเจ้ารักมนุษย์ทุกคน และสิ่งที่เราอยากจะบอกกับท่านทั้งหลายต่อไปนี้ก็ล้วนมาจาก พระคัมภีร์ เล่มนี้
รูปภาพที่ 3: การเนรมิตสร้าง
ปฐมกาล 1:1-25
พระเจ้าเนรมิตสร้างสรรพสิ่งทั้งปวง พระเจ้าพูดว่า "จงเกิดขึ้น" ทุกสิ่งก็เกิดขึ้นตามที่พระองค์สั่ง พระองค์สร้างท้องฟ้าและท้องทะเล พระองค์พูดแล้วแผ่นดินก็เกิดขึ้น จากนั้นพระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิต ให้ปลาอาศัยอยู่ในน้ำ ให้นกบินในอากาศและสร้างสัตว์ชนิดต่างๆ พระเจ้าสร้างทุกสิ่งโดยคำพูดของพระองค์ และทรงพอใจในสิ่งที่พระองค์ได้สร้าง ทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างนั้นล้วนเป็นสิ่งดี
รูปภาพที่ 4: อาดัมและเอวา
ปฐมกาล 1:26-31, 2:7 - 3:24
พระเจ้าสร้างมนุษย์ชายหญิงคู่แรก ทรงเรียกทั้งสองว่าอาดัมและเอวา พระเจ้าให้พวกเขามีอำนาจในการดูแลทุกสิ่งที่พระองค์สร้าง และพระเจ้าได้สร้างสวนที่อุดมสมบูรณ์ให้ทั้งสองอยู่อาศัย ที่สวนนั้นพระเจ้าทรงดำเนินและสนทนาร่วมกับพวกเขา ทั้งสองเป็นมิตรสหายของพระองค์
พระเจ้าอนุญาตให้อาดัมและเอวากินผลไม้ในสวนได้ทุกต้น ยกเว้นต้นเดียวที่พระองค์ไม่อนุญาตให้กิน ฝ่ายมารซาตานซึ่งเป็นศัตรูของพระเจ้าได้มาหาพวกเขาในสวน มันพูดชักชวนอาดัมกับเอวาไม่ให้เชื่อฟังพระเจ้า ทั้งสองหลงเชื่อคำของมารซาตานและกินผลไม้จากต้นที่พระเจ้าสั่งห้าม พวกเขาได้ทำบาปต่อพระเจ้าและทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพระองค์ พระเจ้าขับไล่อาดัมและเอวาออกจากสวนที่สวยงามและอุดมสม บูรณ์ของพระองค์
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มนุษย์ทุกคนจึงเป็นคนบาปที่ต่อต้านพระเจ้าและถูกแยกจากพระองค์ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้มนุษย์ทุกคนต้องประสบกับความทุกข์ยากลำบากในชีวิต พบกับความเจ็บป่วยและความตาย
รูปภาพที่ 5: คาอินกับอาแบล
ปฐมกาล 4:1-16; โรม 3:23
อาดัมและเอวามีบุตรชายสองคนชื่อคาอินกับอาแบล อาแบลเป็นคนที่เชื่อฟังและเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า แต่คาอินไม่เป็นเช่นนั้น เขามีใจอิจฉาริษยาอาแบล วันหนึ่งเขาได้ฆ่าอาแบลผู้เป็นน้องชาย พระเจ้าจึงลงโทษคาอินในสิ่งชั่วร้ายที่เขาได้กระทำ
พระเจ้าพิโรธเมื่อมนุษย์ทำความผิดบาป พระองค์ปรารถนาเป็นมิตรสหายกับมนุษย์ทุกคน แต่ความบาปได้แยกเราทุกคนออกจากพระองค์
รูปภาพที่ 6: เรือของโนอาห์
ปฐมกาล 6:1-22; 2 เปโตร 3:9
ผ่านไปหลายชั่วอายุคน ลูกหลานของอาดัมและเอวาได้เพิ่มทวีมากขึ้น พวกเขาทุกคนล้วนเป็นคนบาปที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ความบาปได้ทวีมากขึ้น พระเจ้าจึงตัดสินใจที่จะทำลายพวกเขาโดยให้เกิดน้ำท่วมโลก แต่เวลานั้นยังมีชายผู้หนึ่งที่รักและเชื่อฟังพระเจ้า ชายผู้นั้นมีชื่อว่าโนอาห์ พระเจ้าสั่งโนอาห์ให้สร้างเรือลำใหญ่ที่สามารถช่วยเขาให้รอดจากน้ำท่วม โนอาห์ได้ใช้เวลาหลายปีในการสร้างเรือ ช่วงเวลาที่โนอาห์สร้างเรืออยู่นั้น เขาได้กล่าวเตือนผู้คนถึงการพิพากษาลงโทษของพระเจ้าและภัยน้ำท่วมที่กำลังจะมาถึง แต่ผู้คนเหล่านั้นไม่เชื่อคำเตือนของโนอาห์ และยังคงดำเนินชีวิตอยู่ในทางของความผิดบาป
รูปภาพที่ 7: น้ำท่วมโลก
ปฐมกาล 7:1-24
พระเจ้านำสัตว์ทุกชนิดอย่างละคู่มาหาโนอาห์ และโนอาห์ได้นำสัตว์เหล่านั้นเข้าไปในเรือ จากนั้นโนอาห์กับภรรยา บุตรชายทั้งสามและลูกสะใภ้ก็เข้าไปอยู่ในเรือด้วย ในเรือมีคนเพียงแปดคนกับสัตว์ชนิดต่างๆ พระเจ้าได้ปิดประตูเรือ หลังจากนั้นเจ็ดวันพระเจ้าให้ฝนตกอย่างหนักและให้น้ำพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินเป็นเวลา 40 วัน น้ำได้ท่วมโลกทั้ง หมด สายเกินไปสำหรับผู้คนที่อยู่นอกเรือ พวกเขาทั้งหมดจมน้ำตาย มีเพียงโนอาห์และครอบครัวของเขาเท่านั้นที่มีชีวิตรอด เพราะพวกเขามีความเชื่อและทำตามสิ่งที่พระเจ้าพูด
รูปภาพที่ 8: อับราฮัม ซาราห์ และอิสอัค
ปฐมกาล 9:7-19; 17:1-8; 21:1-7, มัทธิว 1:1-16
หลายปีต่อมา ลูกหลานของโนอาห์ได้เพิ่มทวีเป็นคนหลายเผ่าพันธุ์ อับราฮัมก็เป็นหนึ่งในลูกหลานของคนเหล่านั้น เขาเป็นชายที่รักและเชื่อฟังพระเจ้า พระเจ้าเลือกอับราฮัมและบอกให้เขาเดินทางออกจากบ้านเกิดของตน เพื่อไปยังแผ่นดินแห่งใหม่ พระองค์สัญญากับอับราฮัมว่า ลูกหลานของเขาจะกลายเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่และมีกำลังมาก ประชาชาติทั้งหลายในโลกจะได้รับพรเพราะเขา ในเวลานั้นอับราฮัมและซาราห์ภรรยาของเขาอายุมากแล้วแต่ยังไม่มีบุตร ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงเชื่อในคำสัญญาของพระเจ้า ไม่มีสิ่งใดอัศจรรย์เกินฤทธิ์ที่พระเจ้าจะทำได้ เมื่ออับราฮัมอายุหนึ่งร้อยปี และซาราห์อายุเก้าสิบปี ทั้งสองก็ได้มีบุตรชายคนหนึ่งตามที่พระเจ้าสัญญาไว้ อับราฮัมตั้งชื่อบุตรคนนี้ว่าอิสอัค พระเจ้าสัญญาจะอวยพรมนุษย์ทุกคนผ่านอิสอัคและลูกหลานของเขา
รูปภาพที่ 9: โมเสสและพระบัญญัติของพระเจ้า
อพยพ 19:1-25, 34:27-32
ลูกหลานของอิสอัคกลายเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่เรียกว่า ชนชาติอิสราเอล โมเสสก็เป็นลูกหลานของอิสอัคคนหนึ่ง เขาวางใจและเชื่อฟังพระเจ้า วันหนึ่งพระเจ้าเรียกโมเสส ให้ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อพระองค์จะพูดกับเขา แล้วพระเจ้าได้ให้พระบัญญัติแก่โมเสสเพื่อสอนประชาชน โมเสสลงจากภูเขาพร้อมด้วยพระบัญญัติซึ่งพระเจ้าได้เขียนไว้บนแผ่นหิน พระเจ้าปรารถนาให้ทุกคนเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์
รูปภาพที่ 10: พระบัญญัติสิบประการ
อพยพ 20:1-17
พระบัญญัติของพระเจ้าที่มอบไว้กับโมเสสนั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐ บุคคลผู้ใดที่ปฏิบัติตามข้อบัญญัติก็จะได้รับพระพรจากพระเจ้า พระบัญญัติของพระเจ้ามีดังนี้คือ ให้เรารัก นมัสการและเชื่อฟังพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงพระองค์เดียว อย่าสร้างหรือกราบไหว้บูชารูปเคารพ อย่าออกพระนามของพระเจ้าอย่างไม่สมควร จงถือวันที่เจ็ดเป็นวันบริสุทธิ์ของพระเจ้า บุตรจงเชื่อฟังและให้เกียรติบิดามารดาของตน อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าลักทรัพย์ อย่าพูดโกหกหรือหลอกลวงผู้อื่น และอย่าโลภเอาของผู้อื่นมาเป็นของตน
รูปภาพที่ 11: การถวายเครื่องบูชาไถ่บาป
เลวีนิติ 4:27-35, ยอห์น 1:29
ในสมัยของโมเสสถ้าผู้ใดทำผิดพระบัญญัติของพระเจ้า ผู้นั้นจะต้องนำแกะไปฆ่าถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้า แกะนั้นต้องตายเพื่อรับความผิดบาปแทนผู้ที่ทำผิดพระบัญญัติ นี่เป็นการเตือนให้เรารู้ว่าการไม่เชื่อฟังและไม่ทำตามพระบัญญัติของพระเจ้าเป็นความผิดบาปต่อพระเจ้า แกะจึงเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งซึ่งชี้ให้เห็นว่าการไถ่บาปครั้งใหญ่กำลังจะมาในภายหน้า พระเจ้ามีแผนการส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์คือพระเยซูคริสต์ลงมายังโลกนี้ เพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของมนุษย์ทุกคน
รูปภาพที่ 12: พระผู้ช่วยให้รอดที่พระเจ้าสัญญาไว้
ลูกา 1:26-38, มัทธิว 1:18-25
หลายชั่วอายุคนต่อมา พระเจ้าได้ใช้ทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาปรากฏแก่หญิงพรหมจารีชื่อมารีย์ ซึ่งมารีย์ได้หมั้นกับชายคนหนึ่งชื่อโยเซฟ ทูตสวรรค์กล่าวกับมารีย์ว่า "เธอเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ดูเถิดเธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู" มารีย์พูดว่า "เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อข้าพระองค์เป็นหญิงพรหมจารี" ทูตสวรรค์ตอบว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าจะเสด็จลงมาบนเธอ เหตุฉะนั้นบุตรที่เกิดมาจะถูกเรียกว่า บุตรของพระเจ้า" แล้วทูตสวรรค์ยังได้ปรากฏแก่โยเซฟในฝัน กล่าวว่า "โยเซฟเอ๋ย อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของเจ้าเลย เพราะผู้ที่ปฏิสนธิในครรภ์ของเธอมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เธอจะคลอดบุตรชาย จงเรียกนามท่านว่า เยซู" (เยซู หมายถึงผู้ช่วยให้รอด) หลังจากนั้นโยเซฟก็ได้รับมารีย์มาเป็นภรรยา แต่มิได้สมสู่กับเธอจนพระกุมารเยซูถือกำเนิด
รูปภาพที่ 13: กำเนิดพระเยซู
ลูกา 2:1-20
ในเวลานั้นกษัตริย์มีคำสั่งให้ประชาชนทุกคนไปจดทะเบียนสำมะโนครัวที่บ้านเกิดของตน โยเซฟและมารีย์จึงเดินทางกลับไปจดทะเบียนที่เบธเลเฮมซึ่งเป็นบ้านเกิดของพวกเขา เมื่อไปถึงที่นั่นไม่มีที่พักสำหรับพวกเขานอกเสียจากคอกสัตว์ และที่คอกสัตว์แห่งนี้มารีย์ได้ให้กำเนิดพระกุมารเยซู ในคืนนั้นทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ปรากฏแก่คนเลี้ยงแกะที่กำลังเลี้ยงแกะอยู่ในทุ่งนาบริเวณนั้น ทูตสวรรค์กล่าวว่า "เรานำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย เพราะวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย คือพระเยซูคริสต์เจ้าได้มาบังเกิดแล้ว" ในทันใดนั้นมีทูตสวรรค์หลายองค์ปรากฏกายขึ้นบนท้องฟ้าและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า คนเลี้ยงแกะพูดกันว่า "เราไปเบธเลเฮมดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันเถิด" เมื่อพวกเขาได้ไปพบพระกุมารเยซูแล้ว พวกเขาก็ได้ไปบอกให้คนอื่นๆ ฟังเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยินและได้เห็นเกี่ยวกับพระกุมารเยซู คนทั้งปวงที่ได้ฟังก็ประหลาดใจยิ่งนัก
รูปภาพที่ 14: พระเยซูเป็นพระอาจารย์
ลูกา 2:41-52, มาระโก 6:30-34
พระเยซูเติบโตในบ้านของมารีย์และโยเซฟ เมื่อพระองค์อายุ 12 ปี มารีย์และ โยเซฟได้พาพระองค์ไปกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ได้สนทนาเรื่องราวของพระเจ้ากับพวกอาจารย์และพวกผู้นำของประชาชน พระองค์รับฟังและถามคำถามพวกเขา ทุกคนที่ได้ยินก็พากันประหลาดใจมากที่พระองค์รู้เรื่องราวของพระเจ้าเป็นอย่างดี และเมื่อพระเยซูอายุ 30 ปี พระองค์เริ่มสั่งสอนประชาชนเกี่ยวกับเรื่องของพระเจ้า มีผู้คนจำนวนมากเชื่อในคำสอนและได้ติดตามพระองค์ แต่ก็มีหลายคนที่ไม่เชื่อและคอยขัดขวางงานของพระองค์
รูปภาพที่ 15: พระเยซูทำการอัศจรรย์
มาระโก 8:22-26, 5:35-43, 6:45-52
พระเยซูมีฤทธิ์อำนาจที่มาจากพระเจ้า พระองค์ทำการอัศจรรย์หลายอย่าง ทรงรักษาผู้ที่เจ็บป่วย ทำให้คนตาบอดกลับมองเห็นได้ ทำให้คนที่ตายแล้วกลับมีชีวิตขึ้นมาอีก ทำให้พายุสงบและเดินบนผิวน้ำ เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นการอัศจรรย์เหล่านี้ พวกเขาเชื่อว่าพระองค์มาจากพระเจ้า พวกเขาประหลาดใจในคำพูดและการกระทำของพระองค์
พี่น้องทั้งหลาย พระเยซูมีฤทธิ์อำนาจสามารถช่วยเหลือเราได้เช่นกัน
รูปภาพที่ 16: พระเยซูทนทุกข์
มัทธิว 27:11-31
พระเยซูทำการอัศจรรย์หลายอย่างและมีคนจำนวนมากติดตามพระองค์ พระองค์ช่วยเหลือและสอนคนเหล่านั้นถึงหนทางของพระเจ้า พระเยซูเสด็จมาเพื่อสำแดงความรักของพระเจ้า และนำมนุษย์ทุกคนกลับไปหาพระเจ้า ถึงอย่างนั้นก็ตามพวกผู้นำศาสนาเกิดความอิจฉาและมีจิตใจแข็งกระด้าง พวกเขาไม่เชื่อว่าพระเยซูคือผู้ที่พระเจ้าส่งมายังโลกนี้ พวกเขาได้ฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระเจ้าและไม่ยอมรับว่าเขาเองเป็นคนบาป พวกผู้นำเหล่านี้ยังพูดใส่ร้ายพระเยซู พระองค์จึงถูกจับ ทหารได้เฆี่ยนตีและทำมงกุฎหนามสวมบนศีรษะของพระองค์และเยาะเย้ยพระองค์ พระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า พระองค์มีฤทธิ์อำนาจที่จะทำลายคนเหล่านั้นได้ แต่พระองค์ไม่ได้ขัดขืนพวกเขาเลย เพราะพระองค์รู้ดีว่านี่เป็นแผนการของพระเจ้า
รูปภาพที่ 17: พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขน
มาระโก 15:22-39; 1 เปโตร 2:21-24
พวกทหารนำพระเยซูไปตรึงบนไม้กางเขน และพระองค์ได้สิ้นพระชนม์ที่นั่น สมัยนั้นการตรึงบนไม้กางเขนเป็นการประหารชีวิตอย่างทารุณสำหรับคนที่ทำผิดกฏหมาย มีนักโทษอาชญากรสองคนถูกตรึงพร้อมกับพระองค์ด้วย แต่พระเยซูไม่ใช่นักโทษอาชญากรเพราะพระองค์ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย
เราทุกคนเป็นคนบาปและสมควรตายในความผิดบาปของตนเอง แต่พระเยซูรับโทษแทนเรา พระองค์เสด็จลงมาเพื่อเป็นค่าไถ่บาปของเราทุกคน ถ้าเรายอมรับว่าเราเป็นคนบาปและกลับมาหาพระเจ้า พระองค์ก็จะอภัยให้เรา จงเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า แล้วท่านจะได้รับความรอด
รูปภาพที่ 18: พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย
ลูกา 23:50-24:9
ฝ่ายศัตรูของพระเยซูคิดว่าพวกเขาได้กำจัดพระองค์สำเร็จแล้ว แต่เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน สหายของพระองค์ได้นำศพของพระองค์ไปไว้ในอุโมงค์และปิดทางเข้าอุโมงค์ด้วยหินก้อนใหญ่ สองวันผ่านไปและในวันที่สามพระเยซูก็ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย เวลานั้นมีผู้หญิงบางคนได้ไปที่อุโมงค์ เพื่อนำเครื่องหอมไปไว้ตามประเพณีงานศพ เมื่อไปถึงที่นั่นพวกเธอกลับเห็นก้อนหินถูกกลิ้งออกจากปากอุโมงค์ฝังศพแล้ว และศพของพระเยซูก็ได้หายไปด้วย แล้วมีทูตสวรรค์สององค์มาปรากฏและบอกพวกเธอว่าพระเยซูยังทรงพระชนม์อยู่ ทูตสวรรค์พูดว่า "พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว"
ใช่แล้ว! พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์สำแดงให้เรารู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ พระเยซูคริสต์ยังทรงพระชนม์อยู่จนถึงทุกวันนี้ พระองค์มีชัยชนะเหนือมารซาตานและความตายชั่วนิรันดร์
รูปภาพที่ 19: โธมัสเชื่อ
ยอห์น 20:19-31
หลังจากพระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์ได้ปรากฏกายแก่เหล่าสาวกพระองค์สนทนาและรับประทานอาหารร่วมกับพวกเขา มีสาวกคนหนึ่งชื่อโธมัสไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น เขาจึงไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นขึ้นมาอีกครั้ง เขาพูดว่า "ถ้าข้าไม่ได้เห็นและสัมผัสรอยตะปูที่มือของพระองค์ข้าจะไม่เชื่อ" หลังจากนั้นแปดวันพระเยซูปรากฏกายอีกครั้ง และครั้งนี้โธมัสอยู่ในเหตุการณ์ด้วย อย่างที่ท่านเห็นในรูปภาพ โธมัสได้คุกเข่าลงต่อหน้าพระเยซูแล้วพูดว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเจ้าของข้าพระองค์" โธมัสไม่มีความสงสัยอีกแล้ว พระเยซูพูดว่า "เพราะว่าท่านเห็นเราท่านจึงเชื่อ ส่วนผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข"
รูปภาพที่ 20: การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
กิจการ 1:1-11
หลังจากพระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์ใช้ชีวิตร่วมกับสาวกของพระองค์อีกสี่สิบวัน พระองค์ปรากฏกายให้คนเป็นอันมากได้เห็น คนเหล่านั้นจึงรู้แน่ว่าพระองค์ยังมีชีวิตอยู่ พระองค์พูดสั่งสาวกของพระองค์ว่า "เจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเรา สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้" เมื่อถึงเวลาที่พระเยซูจะเสด็จกลับสู่สวรรค์ พระองค์ได้ทำพระราชกิจของพระองค์ในโลกนี้สำเร็จแล้วทุกประการ ขณะที่เหล่าสาวกมองดูพระองค์อยู่นั้น พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นไปและมีเมฆคลุมพระองค์ให้พ้นสายตาของเขา จากนั้นมีทูตสวรรค์สององค์มาปรากฏและพูดกับเหล่าสาวกว่า พระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกครั้งเหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จขึ้นไปยังสวรรค์
พระเยซูสัญญาว่าพระองค์จะขึ้นไปจัดเตรียมที่ที่พิเศษ ไว้สำหรับผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์ ที่นั่นคือแผ่นดินสวรรค์ เราไม่รู้ว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะในวันนั้นคนที่เชื่อในพระเยซูจะถูกรับขึ้นไปอยู่กับพระองค์ในแผ่นดินสวรรค์ ท่านทั้งหลายจะเชื่อและติดตามพระเยซูคริสต์เจ้าไหม? ท่านทั้งหลายพร้อมที่จะพบกับพระองค์ ในวันที่พระองค์เสด็จกลับมาไหม?
รูปภาพที่ 21: ไม้กางเขนที่ว่างเปล่า
1 เปโตร 3:18, กาลาเทีย 2:20
ทำไมพระเยซูต้องยอมตายบนไม้กางเขน? พระเยซูไม่ได้เป็นคนบาป แต่สละพระองค์เอง เพื่อช่วยคนบาปให้พ้นจากการถูกลงโทษเพราะบาปนั้น ไม้กางเขนเตือนให้เรารู้ว่าพระเยซูยอมตายเพื่อไถ่บาปของเรา ความบาปนั้นได้แยกเราออกจากพระเจ้า พระเยซูบริสุทธิ์ปราศจากความบาป พระองค์เป็นเหมือนลูกแกะของพระเจ้าและเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของเรา เมื่อเราเชื่อในพระเยซูและหันกลับมาหาพระเจ้า พระองค์จะอภัยให้เรา และทำให้เราเป็นบุตรของพระเจ้า ในรูปภาพต่อไปจะช่วยให้ท่านเข้าใจชีวิตของผู้ที่ติด ตามพระเยซูคริสต์เจ้า
รูปภาพที่ 22: สองทางเลือก
มัทธิว 7:13-14, ยอห์น 3:16, 1 ยอห์น 1:9
เราทุกคนเริ่มต้นดำเนินชีวิตบนเส้นทางที่กว้าง ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นทางแห่งความบาป เพราะเราทุกคนมีธรรมชาติบาปที่ได้รับมาจากอาดัมบรรพบุรุษของมนุษย์ พระเยซูสอนถึงทางที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดร์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่คับแคบแต่นำไปถึงพระเจ้าและชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินสวรรค์ พระเยซูปรารถนาให้เราเดินบนทางแคบนี้ ในรูปภาพเราจะเห็นไม้กางเขนตั้งอยู่ที่ปากทางแคบ เราจะเข้าไปในทางแคบนี้ได้ก็ต่อเมื่อเราสารภาพบาปของเรา และเชื่อว่าพระเยซูตายบนไม้กางเขนเพื่อเรา มีผู้คนมากมายที่ไม่ต้องการหันหลังจากทางของความบาป ทางที่จะนำไปแผ่นดินสวรรค์นั้นคับแคบเกินไปสำหรับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงดำเนินชีวิตในทางที่กว้าง แต่ทางนั้นจะนำพวกเขาไปสู่ความพินาศในนรก
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ท่านจะเดินทางไหน? ท่านสามารถทูลกับพระองค์ดังนี้ว่า "ข้าแต่พระบิดาเจ้า พระองค์ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ ข้าพระองค์ขอสารภาพว่าข้าพระองค์เป็นคนบาป ข้าพระองค์เชื่อว่าพระเยซูตายบนไม้กางเขนเพื่อรับการลงโทษแทนข้าพระองค์ ขอทรงยกโทษให้ข้าพระองค์ ขอชำระข้าพระองค์จากความบาปและให้ข้าพระองค์เป็นบุตรของพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะเดินตามทางของพระเยซูและมีชีวิตกับพระองค์ ข้าพระองค์เชื่อว่าเมื่อจากโลกนี้ไปข้าพระองค์จะได้อยู่กับพระองค์บนแผ่นดินสวรรค์ ขอบพระคุณพระเจ้า อธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน"
รูปภาพที่ 23: บุตรของพระเจ้า
ยอห์น 6:37-40, 14:6; วิวรณ์ 7:9
รูปภาพนี้พระเยซูกำลังต้อนรับมนุษย์ทุกชาติพันธุ์ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นชนชาติใด ภาษาไหน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ ชาย หรือหญิง คนเหล่านี้เชื่อในพระเยซูและได้รับสิทธิเป็นบุตรของพระเจ้า พวกเขาเดินอยู่บนทางแคบที่นำไปสู่แผ่นดินสวรรค์ บุตรของพระเจ้าทุกคนเปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง ที่มีสมาชิกครอบครัวทั้งร่ำรวย ยากจน ผิวขาว ผิวเหลือง หรือผิวดำ ทุกคนล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระเยซูคริสต์เจ้า
รูปภาพที่ 24: การบังเกิดใหม่
ยอห์น 3:1-18; ทิตัส 3:4-7; 1 เปโตร 1:22-23
ตอนที่พระเยซูยังอยู่ในโลกนี้มีครูสอนศาสนาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งชื่อนิโคเดมัส คืนหนึ่งเขาไปหาพระเยซูเพื่อซักถามพระองค์ และพระเยซูได้ตอบบางอย่างที่ทำให้เขาประหลาดใจมาก พระองค์พูดว่า ถ้าผู้ใดต้องการเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้าผู้นั้นจะต้องบังเกิดใหม่ก่อน
เราทุกคนเข้าเป็นสมาชิกในครอบครัวของเรา ด้วยการถือกำเนิดจากบิดามารดา ส่วนการเข้าเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้าจะต้องเกิดครั้งที่สอง การเกิดครั้งแรกเป็นการเกิดฝ่ายร่างกาย ส่วนการเกิดครั้งที่สองหรือการบังเกิดใหม่เป็นการเกิดฝ่ายจิตวิญญาณ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าจะประทานชีวิตใหม่แก่เรา ซึ่งเป็นชีวิตในพระเยซูคริสต์ที่เราได้รับเมื่อเราเชื่อและติดตามพระองค์ เราจึงกลายเป็นคนใหม่และเป็นคนของพระเจ้า
รูปภาพที่ 25: การเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ยอห์น14:15-18, กิจการ 2:1-39
ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ได้สัญญากับเหล่าสาวกว่าพระองค์จะส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมา หลังจากที่พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์สิบวัน เหล่าสาวกของพระองค์ได้อยู่รวมกันในที่แห่งหนึ่ง (ท่านจะเห็นได้จากรูปนี้) ในทันใดนั้นมีเสียงดังเหมือนเสียงพายุ มีเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นปรากฏอยู่เหนือสาวกแต่ละคน พระวิญญาณ บริสุทธิ์ได้เสด็จลงมา และสาวกทุกคนก็เต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เหตุการณ์นี้เป็นไปดังที่พระเยซูได้สัญญาไว้ ในวันนั้นมีผู้คนหลายชนชาติอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อเหล่าสาวกประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาก็สามารถพูดภาษาของชนชาติต่างๆพวกเขาประกาศกับคนเหล่านั้นถึงการอัศจรรย์ที่พระเจ้าได้กระทำ วันนั้นมีสามพันคนต้อนรับพระเยซูคริสต์ ทุกวันนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในผู้เชื่อทุกคน พระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยเราให้เชื่อฟังพระเยซู และช่วยเราในการประกาศพระนามของพระองค์แก่ผู้อื่น
รูปภาพที่ 26: เดินในความสว่าง
ยอห์น 3:19-21, 8:12; 1ยอห์น 1:5-7
ผู้ที่ไม่เชื่อพระเยซูก็เป็นเหมือนชายในรูปแรกที่เดินในความมืด เขาเดินสะดุดและหกล้มบ่อยครั้งเพราะไม่มีแสงสว่างนำทาง แต่ถ้าเราวางใจในพระเยซูคริสต์เจ้า เราจะเป็นเหมือนชายในรูปที่เดินบนถนนที่มีแสงสว่าง ซึ่งเขาสามารถมองเห็นทางที่กำลังเดิน เขาจะไม่หกล้มแม้ว่าทางนั้นขรุขระ พระเยซูพูดว่า "เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืดแต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต" พระองค์ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อนำทางผู้เชื่อให้เดินในทางของพระองค์
รูปภาพที่ 27: คนใหม่
กาลาเทีย 5:16-26, เอเฟซัส 4:22-32, 2โครินธ์ 5:17
ผู้ใดติดตามพระเยซูคริสต์ผู้นั้นจะเป็นคนใหม่ที่มีใจปรารถนาเชื่อฟังพระคำของพระเจ้า เขาจะขอบคุณพระเจ้าที่อภัยความผิดบาปและให้ชีวิตใหม่แก่เขา เขาจะไม่ทำสิ่งที่ทำให้พระเจ้าเสียใจ ดังนั้นผู้เชื่อในพระเยซูจะไม่มีส่วนร่วมในการล่วงประเวณี การทะเลาะวิวาท การลักทรัพย์ การนับถือรูปเคารพและนมัสการพระอื่นๆ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานอำนาจแก่ผู้เชื่อให้สามารถปฏิเสธสิ่งชั่วร้ายและทำสิ่งดี
รูปภาพที่ 28: ครอบครัวคริสเตียน
เอเฟซัส 5:21-6:4, 1 เปโตร 3:1-9
เมื่อครอบครัวใดดำเนินชีวิตในทางของพระเยซูอย่างแท้จริงแล้วนั้น ผู้เป็นสามีจะรักภรรยาของตน ส่วนผู้เป็นภรรยาก็จะให้เกียรติแก่สามีของเธอ นี่เป็นพระคำของพระเจ้าที่สอนสามีภรรยาให้ช่วยเหลือและเสริมสร้างซึ่งกันและกัน พวกเขาอบรมสั่งสอนบุตรให้รักพระเจ้าและเชื่อฟังพระคำของพระองค์
ครอบครัวที่อธิษฐานและทำงานร่วมกันด้วยความสามัคคีปรองดองนั้นเป็นครอบครัวที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า
รูปภาพที่ 29: จงรักศัตรูของท่าน
มัทธิว 5:43-48, ลูกา 10:25-37
พระเยซูสั่งสอนผู้ที่ติดตามพระองค์ให้รักทุกคน เราควรจะรักทุกคนแม้แต่ศัตรูของเรา พระเยซูเล่าเรื่องชายคนหนึ่งที่เดินทางเพียงลำพัง เขาถูกโจรปล้นและทุบตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส มีชายคนหนึ่งจากเผ่าที่คนทั่วไปดูหมิ่นผ่านมาพบเข้า เขาช่วยพันแผลและแบกชายที่บาดเจ็บขึ้นบนหลังลาของตนแล้วนำไปส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เขาจ่ายเงินให้เจ้าของโรงแรมเพื่อเป็นค่าดูแลและค่าใช้จ่ายจนกว่าชายผู้บาดเจ็บจะหายดี พระเยซูพูดว่า เราควรรักและช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนเชื้อชาติใดหรือศาสนาไหนก็ตาม
รูปภาพที่ 30: พระเยซูเป็นผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
กิจการ 19:18-20, สดุดี 115:1-8, 1 ยอห์น 3:8, 4:4
ชายในภาพนี้กำลังเผาเครื่องบูชาและเครื่องลางของขลังที่เมื่อก่อนพวกเขาเคารพและนับถือ แต่เดี๋ยวนี้พวกเขาได้ติดตามพระเยซูแล้ว
ผู้ติดตามพระเยซูจะไม่เคารพและบูชาวิญญาณชั่ว เราไม่ต้องกลัวและรับใช้มันอีก เพราะพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจเหนือมารซาตาน ผู้ที่เชื่อในพระองค์ต้องทำลายสิ่งที่ผูกมัดตนเองกับมารซาตานและวิญญาณชั่วให้หมด พระเยซูจะปกป้องเราจากมารซาตานเมื่อเราทูลขอต่อพระองค์
รูปภาพที่ 31: ขับไล่วิญญาณชั่ว
มาระโก 5:1-20; ยากอบ 4:7
มีชายคนหนึ่งถูกวิญญาณชั่วเข้าสิงอยู่จำนวนมาก วิญญาณชั่วที่อยู่ในตัวชายผู้นี้มีกำลังมากจนเชือกและโซ่มัดเขาไว้ไม่อยู่ พระเยซูสั่งให้เหล่าวิญญาณชั่วออกจากชายผู้นี้ แล้วพวกมันก็ทำตาม ! ชายคนนี้จึงได้รับเสรีภาพจากวิญญาณชั่ว หลังจากนั้นเขาได้ไปเล่าเรื่องที่พระเยซูช่วยเขาพ้นจากวิญญาณชั่วให้เพื่อนทุกคนฟัง
พระเยซูขับไล่วิญญาณชั่วออกจากผู้คนเป็นจำนวนมาก แม้แต่มารซาตานและวิญญาณชั่วยังต้องเชื่อฟังพระองค์ (เพิ่มเติมตามความเหมาะสมของแต่ละวัฒนธรรม) บางครั้งผู้เชื่อยังถูกวิญญาณชั่วรบกวน แต่จงจำไว้ว่าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า มารซาตานไม่มีส่วนในชีวิตของท่าน จงทูลขอฤทธิ์อำนาจจากพระเยซูคริสต์ให้ขับไล่วิญญาณชั่วนั้นออกไปจากชีวิตของท่าน และขอพี่น้องที่เชื่อในพระเยซูอธิษฐานร่วมกับท่าน เมื่อเชื่อในพระเยซูฤทธิ์อำนาจของพระองค์จะปกป้องท่าน และมารซาตานจะไม่สามารถทำร้ายท่านได้
รูปภาพที่ 32: สิ่งล่อใจ
มัทธิว 6:24, 1 ทิโมธี 6:6-10, 1โครินธ์ 10:13-14
บ่อยครั้งมารซาตานพยายามยั่วยวนหรือล่อลวงลูกของพระเจ้า มันต้องการให้เราเลิกติดตามพระเยซู มารซาตานพยายามล่อลวงผู้เชื่อโดยสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง เสื้อผ้า สิ่งมึนเมา และชีวิตที่ผิดศีลธรรม มันต้องการหลอกให้เราคิดว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำให้เรามีความสุข มารซาตานเป็นผู้หลอกลวง มันต้องการที่จะล่อลวงเราและทำให้เราหันหลังให้กับพระเจ้า
จงร้องทูลขอต่อพระเจ้าให้ช่วยเหลือท่านในการต้านทานการล่อลวงต่างๆ จงวางใจในพระเยซูคริสต์และติดตามพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น
รูปภาพที่ 33: ถ้าเราทำบาป
ลูกา 15:11-32, 1 ยอห์น 1:7-9
ถ้าผู้เชื่อทำบาปจะเกิดอะไรขึ้น? พระเยซูเล่าเรื่องหนึ่งว่า มีชายหนุ่มคนหนึ่งออกจากบ้านไปเมืองไกลและทำสิ่งชั่วร้ายมากมาย ความบาปของเขาเพิ่มมากขึ้นโดยการล่วงประเวณี และผลาญเงินทองของพ่อจนหมดสิ้น เมื่อเกิดการกันดารอาหารอย่างรุนแรง เขากลายเป็นคนยากจนไม่มีอะไรจะกิน เขารู้ตัวว่าได้ทำผิดต่อพระเจ้าและต่อพ่อของเขา เขาสำนึกผิดในสิ่งที่ได้ทำลงไปและตัดสินใจเดินทางกลับไปหาพ่อ ฝ่ายผู้เป็นพ่อรักลูกชายมาก แม้เขาจะทำความผิดบาปอย่างใหญ่หลวง แต่พ่อก็ยกโทษให้และมีความชื่นชมยินดีที่ได้ลูกชายคนเล็กกลับมาอีกครั้ง
ถ้าเราทำบาป เราต้องสำนึกผิด สารภาพความบาป และหันจากบาปนั้น พระเจ้าจะยกโทษและต้อนรับเราอีกครั้งดังผู้เป็นพ่อในเรื่องนี้ พระองค์รักเรามาก พระเยซูพูดว่า "มีความสุขเปรมปรีดิ์ในสวรรค์ เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ"
รูปภาพที่ 34: ความเจ็บป่วย
ฟีลิปปี 4:6-7, ยากอบ 5:13-16
ผู้ที่เชื่อในพระเจ้าควรทำอย่างไรเมื่อเจ็บป่วย? สิ่งแรกที่ควรทำคืออธิษฐานกับพระเจ้า และเชื่อว่าพระองค์จะนำในสิ่งที่ดีที่สุด พระเจ้าสามารถรักษาเราได้ถ้าเป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระเจ้ารักเรา และควบคุมทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับเรา พระเยซูอยู่กับเรา ให้เรามีสันติสุข และช่วยเหลือเราในยามเจ็บป่วย
รูปภาพที่ 35: ความตาย
1 เธสะโลนิกา 4:13-18, 5:9-11; ฮีบรู 2:14-15; วิวรณ์ 14:13
คนสองกลุ่มในภาพนี้กำลังฝังศพตามประเพณี เราทุกคนก็เช่นกันสักวันหนึ่งเราก็ต้องจากโลกนี้ไป หลังจากนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเรา? พระวจนะของพระเจ้าคือพระคัมภีร์กล่าวว่าผู้เชื่อที่ตายแล้วจิตวิญญาณจะได้อยู่กับพระเยซูคริสต์ในแผ่นดินสวรรค์
ในภาพครอบครัวและเพื่อนๆ ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์มีความเสียใจแต่พวกเขาก็มีความหวังที่จะได้พบกับผู้ตายบนแผ่นดินสวรรค์อีก ดังนั้นเราจึงไม่ต้องกลัวความตาย เพราะพระเจ้ารักและได้ช่วยเราให้รอดพ้นจากความบาปและความพินาศชั่วนิรันดร์แล้ว ส่วนผู้ที่ไม่มีความเชื่อนั้นโศกเศร้าเพราะไม่มีความหวังถึงชีวิตนิรันดร์ในพระเจ้า พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่าพวกเขาจะต้องไปยังที่ที่ถูกลงโทษชั่วนิรันดร์ เมื่อท่านจากโลกนี้ไปท่านจะไปที่ไหน?
รูปภาพที่ 36: ร่างกายของพระคริสต์
ฮีบรู 10:24-25; 1 โครินธ์ 11:23-34 ,โคโลสี 3:15-17
อวัยวะในร่างกายแต่ละส่วนมีหน้าที่ต่างกัน ตามีไว้ดู หูมีไว้ฟัง และปากมีไว้พูด อวัยวะทุกส่วนในร่างกายของเราทำงานร่วมกัน ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งเจ็บป่วยหรือถูกทำร้ายส่วนอื่นๆ.ก็จะเจ็บไปด้วย พระเจ้าพูดว่าผู้เชื่อก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเรียกว่าคริสตจักร พระเยซูเป็นศีรษะของร่างกายนั้น พระเจ้ามีงานให้ผู้เชื่อทุกคนทำ เช่นการเทศนา การร้องเพลง การให้ การสั่งสอน การต้อนรับ การช่วยเหลือผู้อื่น ถ้าผู้เชื่อคนใดบกพร่องในหน้าที่ของตนก็จะส่งผลกระทบส่วนอื่นๆ ในคริสตจักรทั้งหมด ผู้เชื่อทุกคนต้องทำงานร่วมกันเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และรับใช้ซึ่งกันและกัน
รูปภาพที่ 37: การนมัสการพระเจ้า
ฮีบรู 10:24-25; 1 โครินธ์ 11:23-34, โคโลสี 3:15-17
ผู้เชื่อทุกคนควรมีส่วนร่วมในการนมัสการพระเจ้า อธิษฐาน ศึกษาพระคัมภีร์ ร้องเพลงสรรเสริญและถวายทรัพย์เพื่อใช้ในงานของพระองค์อย่างสม่ำเสมอ พระเยซูสั่งสอนผู้ที่ติดตามพระองค์ให้ระลึกถึงการตายของพระองค์ ในรูปภาพนี้เราจะเห็นผู้เชื่อกำลังกินและดื่มร่วมกัน ขนมปังที่พวกเขากำลังกินนั้น เพื่อให้พวกเขาระลึกถึงร่างกายของพระเยซูที่ได้ตายบนไม้กางเขน และน้ำองุ่นที่พวกเขาดื่มนั้นเพื่อระลึกถึงโลหิตของพระองค์ที่ไหลออกเพื่อชำระความผิดบาปของพวกเขา เราทุกคนก็เช่นกันควรมีส่วนร่วมในการนมัสการพระเจ้า และระลึกถึงการตายของพระเยซู จนกว่าพระองค์จะเสด็จมาอีกครั้ง
รูปภาพที่ 38: พระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกครั้ง
ยอห์น 14:1-3; 1 เธสะโลนิกา 4:13 - 5:4
พระเยซูคริสต์เจ้าสัญญาว่าวันหนึ่งพระองค์จะเสด็จจากแผ่นดินสวรรค์มายังโลกนี้อีกครั้ง พระองค์จะมาในวันที่ทุกคนไม่คาดคิด เพื่อรับผู้เชื่อทุกคนไปอยู่กับพระองค์ในแผ่นดินสวรรค์ ผู้เชื่อที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อไปพบพระองค์ ส่วนผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะถูกรับขึ้นไปในฟ้าอากาศเพื่อพบพระองค์ พวกเขาจะไปอยู่กับพระองค์ร่วมกันในแผ่นดินสวรรค์ชั่วนิรันดร์ ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อก็จะถูกทอดทิ้งและถูกพิพากษาลงโทษจากพระเจ้า เราไม่รู้ว่าพระเยซูจะเสด็จมาเมื่อไหร่ ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอและรอคอยพระองค์เสด็จมา ท่านพร้อมที่จะพบกับพระองค์หรือยังถ้าพระองค์เสด็จมาในวันนี้?
รูปภาพที่ 39: ชีวิตที่เกิดผล
มัทธิว 7:15-20, ยอห์น 15:1-8, กาลาเทีย 5:22-23
ต้นไม้ในรูปนี้มีผลดกมาก เมื่อเราดำเนินชีวิตตามพระเยซูคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าจะทำงานในเราเพื่อจะได้เกิดผล ในพระคัมภีร์บอกกับเราไว้ว่า "ฝ่ายผลของพระวิญญาณของพระเจ้านั้นคือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปราณี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน" พระเยซูพูดว่า "เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก" แขนงที่ตายแล้วจะไม่เกิดผล แขนงนั้นก็จะต้องถูกตัดทิ้งเสีย แล้วนำไปเผาทิ้งในเตาไฟ
พระเยซูต้องการให้ผู้ที่ติดตามพระองค์เกิดผลมาก เพื่อสิ่งเหล่านี้จะเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้
รูปภาพที่ 40: การเป็นพยาน
มัทธิว 28:16-20, กิจการ 1:8, มาระโก 16:15-20
พระเยซูพูดกับสาวกของพระองค์ว่า "จงออกไปและสั่งสอนผู้คนให้รู้เรื่องของเรา" ผู้ใดก็ตามที่เชื่อในพระองค์จะได้รับความรอดจากบาป พ้นจากการพิพากษาลงโทษ และความพินาศชั่วนิรันดร์ ถ้าท่านเป็นผู้เชื่อท่านจะต้องช่วยคนอื่นๆ ให้เข้าใจข่าวประเสริฐนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าจะประทานความกล้าหาญให้แก่ท่านในการมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์และในการพูดเรื่องราวของพระองค์ ใช้หนังสือเล่มนี้เพื่อบอกกับคนอื่นในสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้ เพื่อพวกเขาจะได้รู้ความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าและพระเยซูคริสต์องค์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา