บทที่ 8: พันธกิจที่มีอยู่ข้างหน้า

บทที่ 8: พันธกิจที่มีอยู่ข้างหน้า

"ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า จะได้ประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคาพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง" (มัทธิว 24:14)

ในช่วงที่สานักงานสาขาในออสเตรเลียกาลังพัฒนาอยู่นั้นจอย ริดเดอร์ฮอฟ เดินทางข้ามไปถึงสี่ทวีปกับพันธกิจที่ยิ่งใหญ่เกินความเข้าใจของเธอเอง การสืบ สวนหาข้อเท็จจริงกับการศึกษาค้นคว้า ทาให้ได้ข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับเผ่าต่างๆ และผู้คนที่ยังไม่ได้ยินเรื่องข่าวประเสริฐ ซึ่งทาให้จอยรู้สึกหนีความรับผิดชอบไปไม่ได้ มีภาษาจานวนมากมายในประเทศที่เพิ่งก่อตั้งใหม่อย่างสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และอีกจานวนมากในหมู่เกาะโซโลมอน และเกาะเล็กเกาะน้อยอื่นๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิค หลายร้อยภาษากระจัดกระจายแถบเอเซีย หลายร้อยในแอฟริกา และยังมีอีกหลายภาษาในอเมริกาใต้ เธอมีชื่อภาษาเหล่านั้นหลายชื่อเป็นชื่อที่ไม่อาจออกเสียงได้ แปลกและไม่มีความหมายในตัวมันเองสาหรับเธอ แต่ภาษาทุกภาษาบ่งบอกการมีตัวตนของเจ้าของภาษา เป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติที่พระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาวายพระชนม์ เพื่อจะทรงช่วยกู้ให้พ้นจากอานาจแห่งความตายและผู้ชั่วช้า คนเหล่านั้นไม่มีใครนาข่าวมหัศจรรย์นี้ไปบอกเป็นภาษาของพวกเขา พวกเขาจึงล่วงหลับจากโลกนี้ไปโดยไม่เคยได้ยิน และกุญแจดอกนี้อยู่ในมือของเธอ เป็นกุญแจที่สามารถไขประตูปลดปล่อยข่าวมหัศจรรย์ให้ไปถึงเขาทั้งหลาย

จอยกับทีมงานเล็กๆ.ของเธอที่ไปบันทึกเสียง ได้ออกไปสืบเสาะค้นหาภาษา เหล่านี้เพื่อบันทึกเสียงบอกเล่าเรื่องข่าวประเสริฐของพระเจ้า ในปี 1952 เธอเดิน ทางร่วมกับแอน เชอร์วูด และแซนนา บาร์โลว์ มุ่งหน้าสู่ออสเตรเลีย ในขณะที่ คุณวอน คอลลินส์ มุ่งหน้าไปอินโดนีเซีย และไม่กี่เดือนหลังจากนั้นคุณดอน ริกเตอร์ ก็มุ่งหน้าไปทางซีกโลกใต้ ในระหว่างนั้นพัสดุไปรษณีย์ขนาดเล็กประทับตรา "ด่วน" ติดแสตมป์สวยแปลกตาจากประเทศต่างๆ ที่น้อยคนนักจะรู้จักได้หลั่งไหลมาถึงสา นักงานจีอาร์ ลอสแองเจลิส

"ได้รับเทปอีก" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในทีมงานประกาศและหลังจากที่อ่านราย ละเอียดแล้วเขาได้พูดอีกว่า

"จากคุณวอน ที่เกาะบอร์เนียว"

"จากจอย แอน และแซนนา ที่ออสเตรเลีย"

"จากคุณดอน ที่หมู่เกาะโซโลมอน"

ปลายปี 1952 จีอาร์ในลอสแองเจลิสได้รับบันทึกเสียงเพิ่มเป็น 125 ภาษา และผู้บันทึกเสียงก็ยังคงเดินทางออกไปบันทึกเสียง ในปี 1953 เป็นปีที่ยอดเขาเอฟเวอเรสถูกพิชิต ผู้คนได้พบเห็นทีมงานจีอาร์ในประเทศมาเลเซีย ไทย อินเดีย ปากีสถาน นิวกีนี ....ก่อนสิ้นปี 1954 อานาจฝรั่งเศสในอินโดจีนเสื่อมลง ชายหนุ่มนามวอน คอลลินส์ ได้เดินทางไปหาชนเผ่าชาวเขาที่ยังไม่เคยได้ยินข่าวประเสริฐตามแถบเขาของประเทศลาวและประเทศกัมพูชา ในขณะที่สามสาวกาลังเดินทางครั้งแรกในประเทศเคนยา ถิ่นของเผ่าเมาเมา

ปี 1955 เป็นปีที่สาคัญเป็นพิเศษ เพราะเป็นปีที่จานวนแผ่นเสียงที่ส่งออกไปทะลุยอด 1,000,000 แผ่นและส่งออกไปกว่า 140 ประเทศนับตั้งแต่เริ่มทาพันธ-กิจจีอาร์ในปี 1939 และมีจานวนภาษาที่บันทึกแล้ว 1,401 ภาษา

หนึ่งพันสี่ร้อยกับอีกหนึ่งภาษา! มีสิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจเกี่ยวกับเลขหนึ่งที่ห้อยท้ายมาด้วย ในปี 1955 จานวนภาษาที่ได้บันทึกอาจครบ 1,400 ภาษาพอดี แต่ในระหว่างเดินทางไปบันทึกเสียงที่แทนกันยิกาบังเอิญสามสาวนักบันทึกเสียงได้ยินเรื่องราวของชนเผ่าตัวเล็กที่กาลังจะสาบสูญ คือชนเผ่าวากินดิกา พวกเธอได้ยินว่าชนเผ่านี้เหลือน้อยกว่า 2,000 คน หรืออาจจะเหลือเพียง 500 คนเท่านั้น ชนเผ่าขนาดเล็กอย่างนี้คงไม่มีใครที่จะเรียนภาษาของพวกเขาอย่างแน่นอน ชนเผ่านี้อาศัยอยู่แถบลุ่มน้าไยดา ชอบโยกย้ายที่อยู่อาศัยไปเรื่อยๆ ไม่แน่นอน และเล่าขานกันว่าชนเผ่านี้กลัวคนผิวขาว พวกเขาเป็นกลุ่มที่หาตัวยาก ดูเหมือนไม่มีเหตุ- ผลเลยที่จะเปลี่ยนไปบันทึกเสียงกลุ่มวากินดิกาที่อยู่กระจัดกระจายและมีจานวน น้อยมากแทนแผนเดิมที่ได้เตรียมไว้อย่างรอบคอบกับเผ่าที่เข้าถึงง่ายกว่า

แต่ "ในพวกท่านมีคนใดที่มีแกะร้อยตัว และตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละเก้าสิบ เก้าตัวนั้นไว้ที่กลางทุ่งหญ้า และไปเที่ยวหาตัวที่หายไปนั้นจนกว่าจะได้พบหรือ?" (มัทธิว 15:4)

พระเจ้าทางานในจิตใจของจอย ภาระใจหนักอึ้งนี้ไม่ยอมให้เธอมองข้ามชนเผ่าวากินดิกาไปได้เลย ถึงแม้พวกเธอจะได้ยินว่าชนเผ่านี้เป็นคนขี้อาย ตามหาพวกเขาได้ยากลาบากและอีกทั้งความยากลาบากในการสื่อสารกับชนเผ่านี้ พวกเธอยิ่งมั่นใจว่าถ้าไม่ใช้เครื่องบันทึกเสียงและแผ่นเสียงชนเผ่านี้จะไม่มีโอกาสได้ยินเรื่องพระผู้เลี้ยงที่แสนดีแน่นอน จอยกับเพื่อนๆ ไม่ปล่อยให้พลาดโอกาสที่จะบันทึก เสียงข่าวดีของพระเจ้าเป็นภาษาชนเผ่านี้แน่ ในเมื่อโอกาสมาใกล้พวกเธอแล้วและมีเครื่องมือในการบันทึกเสียงพร้อม จอยเล่าความรู้สึกของพวกเธอว่า

"เราต้องทาทุกวิถีทางเพื่อจะได้บันทึกเสียงภาษานี้ และเพื่อไปหาพวกเขาเราอาจต้องเดินทางไกลมากแต่เราก็ต้องทา ชนกลุ่มเล็กๆ ที่โดดเดี่ยวห่างไกลความ เจริญเช่นนี้อาจถูกมองข้าม นอกเสียจากว่าจะมีใครนาข่าวดีของพระเจ้าไปถึงพวกเขาโดยภาษาของเขาเอง ไม่มีชนเผ่าใดเล็กน้อยเกินไปเพราะเป้าหมายของเราคือนาข่าวดีไปถึงคนกลุ่มน้อย แม้ชีวิตคนเพียงคนเดียว ชนเผ่านี้จาเป็นต้องได้รับแผ่นเสียง เพราะการประกาศด้วยวิธีปกติจะไปไม่ถึงพวกเขา เราจะไม่ออกไปจากดินแดนแถบนี้จนกว่าเราจะบันทึกเสียงภาษานี้สาเร็จ"

คนที่รู้จักจอย ริดเดอร์ฮอฟไม่แปลกใจที่เห็นเธอให้ความสาคัญต่อแผนการ ที่เธออุตส่าห์เตรียมไว้อย่างพิถีพิถันเป็นอันดับสอง และไม่ประหลาดใจในคาอธิษฐานร้อนรนอย่างสม่าเสมอของจอย ในระหว่างที่ทั้งทีมกาลังบันทึกเสียงภาษาอื่นๆ ถึงเก้าภาษา เธออธิษฐานขอให้ทีมงานสามารถติดต่อกับเผ่าวากินดิกาได้

ในที่สุดพวกเธอสามารถติดต่อกับเผ่าวากินดิกา คนเดินหนังสือส่งข่าวไปถึงมิชชันนารีที่อยู่ทางชายแดนตะวันตกของที่ราบลุ่มไยดา มิชชันนารีท่านนี้ให้ความ ช่วยเหลือ ในที่สุดจอยได้รับทราบว่าในเช้าวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ชาววากินดิกาสามคนจะเดินทางมาที่ทางานของเขาและพร้อมที่จะบันทึกเสียง มิชชันนารีท่านนี้เดิน ทางไปรับชาววากินดิกาทั้งสามคนด้วยตนเองและทั้งสามก็พร้อมอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาชายร่างเล็กผิวดาแดงสามคน ท่าทางขี้อายแต่เป็นมิตร ใส่เสื้อผ้าขาดๆ สะพายสายธนูพร้อมลูกดอกไว้ด้านหลัง ที่น่าประหลาดใจที่สุดไม่เพียงแค่การมาของพวกเขา แต่พวกเขายังค้างแรมอยู่ถึงสองวันครึ่ง ทั้งๆ ที่การบันทึกเสียงเป็นสิ่งแปลกใหม่สาหรับพวกเขามาก หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบเดินทางกลับไปที่กระโจมของพวกเขาที่ตั้งอยู่กระจัดกระจายตามโขดหินไหล่เขา เพื่อไปส่งข่าวกับพวกพ้องว่าจะมีคน ผิวขาวเดินทางตามมาพร้อมกับกล่องลึกลับ ที่สามารถส่งเสียงเป็นภาษาวากินดิกาของพวกเขา ในคืนวันนั้นเองภายใต้แสงดาวในท้องฟ้าแอฟริกา ชาวป่าตัวเล็กๆ.ได้ฟังเสียงหัวหน้าเผ่าของพวกเขาเล่าถึงพระเยซูผู้เสด็จจากสวรรค์ ทรงรักเขาและสัญญาจะประทานสันติสุขและความปิติยินดีให้กับพวกเขา ถ้าพวกเขาไว้วางใจในพระองค์

มิชชันนารีสามสาวที่กาลังควบคุมเครื่องเล่นแผ่นเสียงอยู่ข้างกองไฟในบริ-เวณแคมป์ไฟได้ตระหนักถึงการประทับอยู่ขององค์บริสุทธิ์ ที่โอบล้อมทุกสิ่งที่กาลังเกิดขึ้นอยู่ ทาให้พวกเธอไม่มีวันลืมเหตุการณ์ครั้งนี้เลย เช่นเดียวกับมิชชันนารีผู้ที่ช่วยทาให้ข่าวประเสริฐของพระเจ้ามาถึงชาววากินดิกา ก็ได้ตระหนักเช่นนั้นด้วย เขาเล่าให้มิชชันนารีทั้งสามฟังว่า "ประสบการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นกับผมนับตั้งแต่ผมมาแอฟริกา" ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเลยว่าใครจะรับผิดชอบ การแจกจ่ายเมื่อแผ่นเสียงเล็กๆ สีดาภาษาวากินดิกาจากอเมริกามาถึง มิชชันนารีผู้นี้ที่อยู่ทางชายแดนตะวันตกที่ราบลุ่มไยดาจะช่วยรับผิดชอบให้เอง!

ในปี 1955 เดียวกันนี้เองที่ได้เห็นเอลวี่ นิคอลล์ตัดสินใจจากบ้านแสนสุขและกิจกรรมมากมายในหมู่คริสเตียนกรุงเมลเบอร์น ไปเป็นตัวแทนแจกจ่ายเต็มเวลาของจีอาร์ในตะวันออกไกล เธอไม่ได้คิดอะไรมากกับการที่วันหนึ่งเธอพูดกับ จอย ริดเดอร์ฮอฟว่า "หากวันใดที่จีอาร์มีอะไรที่ฉันสามารถช่วยได้เป็นพิเศษ ก็ขอให้บอกนะคะ" นั่นจะนาเธอไปไกลถึงอินเดีย และปีนั้นก็ได้เห็นการเริ่มต้นจีอาร์ สาขาลอนดอน ที่เกิดจากความกระตือรือร้นของผู้เชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์คนหนึ่ง และความปรารถนาที่จะหลีกเลี่ยงจาก "ชีวิตที่ไร้ประโยชน์" ของมิชชันนารีคนหนึ่งที่เคยถูกบีบให้ออกจากประเทศจีน ถึงพวกเขาจะพูดภาษาหลายภาษาของยุโรปไม่ได้ แต่พวกเขาก็สามารถส่งแผ่นเสียงที่พูดภาษานั้นๆ ออกไปได้

บรรดานักบันทึกเสียงยังคงเคลื่อนไปและกาลังเดินทาง บางครั้งรู้สึกว่าต้องไปข้างหน้าที่มีประตูที่ดูเหมือนปิดสนิท แต่ประตูนั้นก็เปิดออกอย่างอัศจรรย์ จอยไม่ยอมปล่อยให้ความผิดหวังมากวนใจ เธอมีบางสิ่งที่ดีกว่าทิศทางที่กาหนดไว้อย่างชัดเจน นั่นคือความมั่นใจอย่างแรงกล้าว่าพระเจ้าทรงอยู่ด้วยกับพระราชกิจนี้ เธอมั่นใจว่าพระองค์ทรงอยู่กับเธอและพระองค์เองเป็นผู้ควบคุมครอบครองทุกสิ่ง เธอยกเสียง "สรรเสริญพระเจ้า" เมื่อแผนไม่เป็นไปตามแผน หรือเมื่อความเจ็บไข้มาเยือนเธอ "จงชื่นชมยินดี ! องค์พระผู้เป็นเจ้ากาลังเตรียมแผนการที่ดียิ่งกว่าให้เกิดขึ้น" พระสัญญาที่พระเจ้าประทานแก่เธอที่ว่า "ประตูจะไม่ปิด" นั้นสาเร็จครั้งแล้วครั้งเล่าในระหว่างที่ทีมเดินทางจากประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่ง ได้เห็นพระหัตถกิจในการจัดเตรียมวีซ่า ผู้แปล การเดินทาง ทุนทรัพย์ให้และบ่อยครั้งที่การจัดเตรียมของพระองค์มาถึงในวินาทีสุดท้าย

ในปี 1957 การจัดเตรียมผู้บันทึกเสียงอีกคนหนึ่งสาหรับประเทศคองโก ก็เป็นหนึ่งในการจัดเตรียมที่มาถึงในวินาทีสุดท้าย คือมีการวางแผนกับมิชชันนารีบางคนที่อยู่ในประเทศที่กว้างใหญ่นั้นที่จะบันทึกเสียง และผู้ชายที่เตรียมตัวจะไปที่นั่นเกิดไม่สบายกระทันหันไม่สามารถไปได้ ในสายตามนุษย์ดูเหมือนว่าจะหาคนแทนชายผู้นี้ไม่ได้เลยในระยะเวลาเพียง 2-3 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง เพราะคนที่จะไปได้ต้องมีร่างกายแข็งแรง มีความเชื่อ มีความสามารถด้านอิเล็กทรอนิกส์ และมีความพร้อมที่จะเดินทางไปทางานตามลาพังในป่าแอฟริกาโดยไม่มีห่วง "แต่... พระองค์เจ้าข้า" จอยวิงวอน "เมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจา ต้องมีเงินเราขอจากพระองค์ เมื่อเราจาเป็นต้องมีเครื่องมือเราแสวงหาความช่วย เหลือจากพระองค์ เช่นเดียวกับเมื่อเราต้องการวีซ่า เราทูลขอสิ่งจาเป็นจากพระ-องค์เสมอ คราวนี้พระองค์ทรงทราบแล้วว่าเราจาเป็นต้องมีชายคนหนึ่งที่มีคุณสม-บัติดั่งที่พระองค์เองทราบดีเพื่อเดินทางไปประเทศคองโก เราจึงทูลขอคนๆ นี้จากพระองค์เช่นกัน"

มีสิ่งใดที่ยากเกินไปสาหรับพระเจ้าหรือ? (ปฐมกาล 18:14)

ไม่กี่วันหลังจากนั้นจอยมีโอกาสกล่าวในการประชุมวันพุธของคริสตจักรออล โซลส์ที่แลงแฮมเพลสในลอนดอนเวสท์เอนด์ หลังจากจบปาฐกถาบ๊อบ ไวท์เข้ามาหาและพูดกับจอยว่า "ผมได้ลงทะเบียนเรียนในวิทยาลัยพระคริสตธรรมในปี 1960" "ผมจะต้องไปรับใช้ชาติตามหน้าที่ก่อนจนกว่าจะถึงเวลาเรียน แต่ผมเพิ่งทราบข่าวว่าไม่ต้องไปแล้ว ตอนนี้ผมก็เลยมีเวลาว่างสองปีกว่าจะได้เข้าเรียน ผมเชื่อว่าพระเจ้าต้องการให้ผมทาพันธกิจบันทึกเสียงระหว่างรอเรียน" จอยมองหน้าบ๊อบแล้ว ถามสองสามคาถาม เขาตอบตกลงและพร้อมออกเดินทางไปคองโกทันที แน่นอนบ๊อบมีประสบการณ์ด้านอิเล็กทรอนิกส์และมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ยิ่งกว่านั้นบ๊อบยังมีความสามารถในการไปทางานที่คองโกที่จอยไม่ได้กล่าวถึง นั่นคือเขาใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ดี!

จนกระทั่งปลายปี 1957-ต้นปี 1958 * เหล่าบรรดานักบันทึกเสียงผู้รอนแรม เดินทางจากทวีปหนึ่งไปยังอีกทวีปหนึ่ง เป็นเวลายาวนานถึงห้าปีกว่าจึงจะได้กลับ มายังลอสแองเจลิสในสภาพเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ ลอสแองเจลิสเป็นเสมือน "บ้าน" ของพวกเขาตลอดระยะเวลาที่รอนแรมอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เป็นที่ๆ ความ คิด จดหมายและเทปของพวกเขาเคลื่อนไหวเร่งรีบอยู่อย่างไม่ขาดสาย ช่างเติบโตเจริญขึ้นมากอะไรอย่างนี้! มีโรงงานใหม่ โกดังใหม่ อาคารขยายใหญ่ขึ้น... พวกเขา อุทานด้วยความยินดีเมื่อก้าวเข้าไปในห้องผลิตแผ่นเสียง เห็นอาสาสมัครจานวนมากยืนทางานด้วยความชานาญอยู่ข้างๆ เครื่องจักรจัดการกับก้อนสีดา ในไม่กี่วินาทีก็กลายเป็นแผ่นเสียงสีดา ซึ่งจะประกาศข่าวมหัศจรรย์แห่งความรอดในภาษา ต่างๆ พวกเขาดูบันทึกรายงานจานวนครั้งที่ส่งแผ่นเสียงออกไป เห็นแฟ้มเก็บจด หมายที่เล่าเรื่องการเกิดผลที่พระเจ้าทรงประทาน

* เชิงอรรถ: ช่วงปี 1958 พันธกิจ จีอาร์ มีเจ้าหน้าที่บันทึกเสียงเต็มเวลาเพียงคนเดียวคือ คุณบ็อบ ไวท์ เป็นคนแรกที่มาจากประเทศอังกฤษเพื่อทางานนี้ เขาออกจากลอนดอนไปปฏิบัติภารกิจจีอาร์ ในเบลเจียนคองโก

มีรายงานจากเม็กซิโกบอกว่า คนอีก 50 คนได้รับความรอด โดยการบอกต่อของชายผู้ได้ยินข่าวแห่งความรอดทางแผ่นเสียง

มิชชันนารีที่มีโอกาสไปเยี่ยมแองโกลาเล่าว่า "มีคนได้รับการทรงนากลับมาหาพระเจ้าจากการได้ยินข่าวประเสริฐทางแผ่นเสียงจริงๆ"

ข่าวจากดัชนิวกีนีรายงานว่า "มีคนจานวนสามร้อยคนทิ้งเครื่องลางของขลัง และรูปเคารพที่เคยเชื่อถือ หลังจากที่ได้ยินข่าวประเสริฐในภาษาของตนเอง..."

คริสเตียนจากอินเดียส่งข่าวมาว่า "คนอีกสามร้อยคนกลับคืนดีกับพระเจ้า จากการได้ยินข่าวประเสริฐของพันธกิจบันทึกเสียงข่าวประเสริฐ" คริสเตียนชาวบราซิลที่อ่านหนังสือไม่ออกนาเครื่องเล่นแผ่นเสียงไปยังถิ่นทะเลทรายที่มิชชันนารียังเข้าไปไม่ถึง และจากการทาอย่างนี้มีอย่างน้อยห้าคนได้มาถึงพระคริสต์

ชาวอาหรับคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเขตฝรั่งเศส แถบเส้นศูนย์สูตรแอฟริกา เป็นพยานอย่างเปิดเผยว่า ได้รับการอภัยโทษบาปหลังจากได้ฟังข่าวประเสริฐจากแผ่นเสียง... ชายหนุ่มมุสลิมในอัลจีเรีย... หกคนในเอธิโอเปีย.... ชายชาวฟิลิปปินส์อุตส่าห์ขี่ม้ารอนแรมมานานถึง 12 ชั่วโมงเพราะอยากรู้เกี่ยวกับองค์พระเยซูชื่อผู้ที่เขาได้ยินจากกล่องเสียงพูดได้นั้นมากขึ้น ชาวเขาชาวดอยห่างไกลนั่งฟังแผ่นเสียงคืนยังรุ่ง... มีจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าหลั่งไหลเข้ามาเป็นพยานถึงเหตุการณ์ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้กระทาการของพระองค์ ผ่านทางแผ่นเสียงสีดาขนาดเล็กที่พูดในหลายภาษาเล่าถึงพระราชกิจอันอัศจรรย์ของพระองค์ ระหว่างนั้นมีจดหมายขอแผ่นเสียงเข้ามาไม่ขาดสาย และจดหมายแต่ละฉบับเล่าถึงสถาน - การณ์ที่คล้ายคลึงกันคือ "แผ่นเสียงเหล่านี้ได้นาข่าวประเสริฐของพระเจ้าไปถึงผู้ คนที่คงไม่มีทางอื่นที่จะฟังข่าวประเสริฐนั้นได้เลย"

จีอาร์ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยเป้าหมายเดียวนี้ คือที่จะนาข่าวประเสริฐของพระเจ้าไป "ถึงผู้คนที่คงไม่มีทางอื่นที่จะฟังข่าวประเสริฐนั้นได้เลย" ชนชาติมากหลายในภาษาที่แตกต่างกันเป็นร้อยเป็นพันภาษาทั่วโลก ในเวลานี้ได้ยินเสียงประกาศข่าว แห่งความรอดในภาษาของตนเองได้จากแผ่นเสียงเท่านั้น ตามสถิติข้อมูลเกี่ยวกับจานวนภาษาของโลกนี้ที่สานักงานจีอาร์ค่อยๆ.รวบรวมไว้มีอยู่ประมาณ 5,000 ภาษา และมี 1,800 ภาษาที่ผู้คนจะได้ยินข่าวประเสริฐทางแผ่นเสียง และจานวนนี้มี 1,400 ภาษาที่จอยกับนักบันทึกเสียงอีกสี่คน ได้บันทึกในระยะเวลาห้าปีครึ่ง จะเป็นไปไม่ได้เชียวหรือที่ทุกภาษาจะได้รับการบันทึกจนครบ ถ้ามีคนยินดีถวายตัวมากขึ้นเพื่องานนี้ ข่าวประเสริฐแห่งความรอดทุกภาษาจะแพร่ออกไปได้สาเร็จในชั่วอายุของคนในยุคนี้

บทส่งท้าย - 1964

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ความเชื่อเกิดขึ้นเพราะการได้ยิน - เรื่องราวของการบันทึกเสียงพระกิตติคุณ - ผู้เขียน ฟิลลิส ทอมสัน ผู้แปล แอนนาเบล รูลิสัน และทีมงาน