บทที่ 3: ต้องการผู้ร่วมงาน

บทที่ 3: ต้องการผู้ร่วมงาน

"พระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิง่ สารพัดทีพ่ วกท่านขาดอยู่นั้น" (ฟี ลิปปี 4:19)

ย้อนกลับไปในปี 1930 แอน เชอร์วูดเพื่อนร่วมวิทยาลัยเดียวกันยืนโบก มือลาจอย ริดเดอร์ฮอฟ แอนยิ้มทัง้ น้าตา เพื่อนรักทัง้ สองต้องแยกจากกันและ อาจจะไม่ได้พบกันอีก เพราะจอยกา ลังจะไปเป็นมิชชันนารีที่ประเทศฮอนดูรัส จอยตัง้ ใจจะไปอยู่ที่นัน่ ตลอดชีวิต ส่วนแอนจะทา งานเกี่ยวกับเด็กๆ อยู่ที่บ้านเกิด ในสหรัฐอเมริกา แตห่ ลังจากนั้นสิบปีพวกเธอก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันและทา งานร่วม กันอีกครัง้ พวกเธอมัน่ ใจว่าพระเจ้าทรงเรียกให้ทา งานนี้ และงานนี้จะนาพวกเธอ ไปไกลกว่าที่คาดคิดไว้

สงิ่ เหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีการวางแผนไว้ก่อน เพราะช่วงที่จอยกลับมาจาก ฮอนดูรัสแม่ของแอนล้มป่วย แอนจึงต้องทิ้งงานรับใช้ที่เธอทา อยู่ทางตอนเหนือกลับ มาที่ลอสแองเจลิสเพื่อดูแลคุณแม่ของเธอ จอยเองเรมิ่ รู้ว่าการผลิตแผ่นเสียงต้อง ทา งานหลายอย่าง รวมทัง้ ต้องใส่ใจในสงิ่ เล็กๆ น้อยๆ ส่วนแอนก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ งานของจอยดี และตอนนี้เธอก็มีเวลาว่างเยอะ

วันหน่งึ แอนพูดกับจอยว่า "จอย ให้ฉันช่วยทา จดหมายในช่วงบ่าย อาทิตย์ ละสองสามวันไหม? ถ้าเธอเอาจดหมายให้ฉัน ฉันจะพิมพ์ในช่วงที่เธอทา งานอย่าง อื่น" จอยตอบรับข้อเสนอของแอน จากนั้นไม่นานแอนสังเกตเห็นว่านอกจากพิมพ์ จดหมายแล้วยังมีอีกสงิ่ หนึ่งที่เธอช่วยจอยได้ จอยเป็นคนรอบคอบและสัตย์ซื่อใน การทา บัญชีมาก แต่วิธีการลงบัญชีของจอยยังไม่มีระบบ คือจอยบันทึกรายการ บัญชีไว้ด้านหลังของซองจดหมายที่ใช้แล้วและเก็บมันไว้ในลิ้นชัก ซึ่งจอยคิดวา่ เป็น การประหยัดและเห็นว่าในลิ้นชักมีที่ว่างให้เก็บอีกมาก....

เมื่อแอนลงบัญชีในสมุดบัญชีเรียบร้อยและนามาให้จอยดู จอยยิ้มด้วยความ ชื่นชม "ดีจังเลยนะแอน ! ถ้าฉันทา บัญชีเองต่อไปลิ้นชักในโต๊ะของฉันคงจะเต็ม อย่างแน่นอน" หลังจากนั้นจอยเปลี่ยนเรื่องสนทนาเรื่องที่เธอกา ลังสนใจอยู่ "เธอ คิดว่าควรจะวางกรอบเพลงน้อี ย่างไรดี? เพลงน้เี ป็นเพลงที่ดีมากเป็นเพลงที่ถา่ ย ทอดทางแห่งความรอดได้ชัดเจน แตเ่ ราจะทา อย่างไรให้เพลงน้นี ่าสนใจมากขึ้นและให้ เน้อื เพลงอยู่ในความทรงจา ของผู้ฟัง เธอคิดอย่างไรกับเรื่องน้?ี "

เนื่องจากแอนเคยเรียนและมีประสบการณ์ทางด้านดนตรี จึงไม่แปลกที่เธอ จะมีส่วนในการช่วยเลือกบทเพลงและดูแลการซ้อมของนักร้องเพื่อการบันทึกเสียง แอนใช้เวลาทา งานอยู่ในห้องใต้หลังคาของจอยมากขึ้นเรื่อยๆ ทัง้ สองช่วยกันทา งาน และพากันหัวเราะเมื่อมีจดหมายมาจากคนและสถานที่ที่ทัง้ สองไม่เคยได้ยินมาก่อน

จดหมายส่งถึง : องค์กรบันทึกเสียงข่าวประเสริฐภาษาสเปน
เลขที่ 122 ถนน วิทเมอร์
ลอสแองเจลิส

จดหมายขึ้นต้นว่า :

กราบเรียนท่านที่เคารพ

"ขอองค์กรของทา่ นช่วยส่งแผ่นเสียงภาษาสเปนให้เรา 100 แผ่นได้ไหม?"

"องค์กรของท่าน !" งานทุกอย่างได้เรมิ่ ต้นทีละเล็กทีละน้อยอย่างเรียบง่าย และยังคงดา เนินต่อไปเรื่อยๆ จอยไม่เคยคิดว่านี่เป็นองค์กรของเธอ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าความรู้สึกของเธอจะเป็นเช่นไร เธอกลับพบว่างานที่เธอทา กา ลังเติบโตขึ้น เรื่อยๆ และกลายเป็นองค์กรที่มีงานมากมายเกินกว่าเธอจะทา เพียงลา พังได้อีก

วันหนึ่งเธอพูดกับแอนว่า "รู้ไหมแอน ตอนนี้เธอทา งานที่นี่เกือบเต็มเวลา แล้ว นี่ถ้าเธอไม่มาช่วยงานฉันจะทา อย่างไรต่อไปดี แต่ฉันก็ไม่มีเงินหรือรายได้ อย่างที่เธอรู้ ฉันจึงไม่มีวันสามารถจ่ายเงินเดือนให้เธอได้...."

แอนมองหน้าจอยแล้วถามอย่างตรงไปตรงมาวา่

"แล้วเธอจะอยู่ได้อย่างไร?"

จอยตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นกันว่า

"ฉันพึ่งพาในพระเจ้าเท่านั้น ฉันรู้ว่างานที่ทา อยู่เป็นงานของพระองค์ ฉันจึง วางใจวา่ พระองค์จะทรงประทานสงิ่ ที่ทรงเห็นว่าฉันจา เป็นต้องใช้ และพระองค์ก็ได้ ทรงประทานให้จริงๆ"

แอนพูดว่า "นัน่ สิ ! ฉันก็สามารถวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงช่วยฉัน เช่นกัน"* See below

ตัง้ แต่นั้นมาทัง้ สองตกลงทา งานด้วยกันอย่างไม่มีเงื่อนไข จอยรู้สึกมัน่ ใจว่า พระเจ้ากา ลังทรงนานิมิตของเธอ เธอจึงวางแผนก้าวต่อไปเพื่อจะตอบสนองความ ต้องการเกี่ยวกับแผ่นเสียงข่าวประเสริฐ ส่วนแอนคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังด้วย ความชื่นชมยินดี เงินทุกบาทที่เข้ามาในสา นักงานถูกนาไปใช้ด้านการผลิตและ จัดส่งแผ่นเสียงโดยไม่นาไปใช้ในเรื่องส่วนตัว นอกเสียจากเงินจา นวนนั้นจะระบุไว้ ให้ใช้ในส่วนอื่น ตอ่ มาในปี 1943 วีจีเนยี ร์ มิลเลอร์ซึ่งเป็นเลขานุการที่มีความสามารถ เธอได้ทิ้งตา แหน่งที่มีเงินเดือนสูงเพื่อมาเป็นเจ้าหน้าที่ของจีอาร์ (Gospel Recordings/ องค์กรบนั ทกึ เสยี งข่าวประเสริฐ) ซึ่งต่อไปเธอจะต้องพึ่งพระเจ้าเท่านั้นเช่นกัน

เป็นสงิ่ ที่น่าจดจา ที่เธอมาเป็นเลขาของจอยในขณะที่ยังใช้ห้องใต้หลังคาเป็น สา นักงาน แต่การขยับขยายกา ลังจะเกิดขึ้น คา อธิษฐานอย่างจริงจังของจอยที่ อยากจะมีห้องบันทึกเสียงส่วนตัวที่เหมาะสมได้รับคา ตอบ วันหนึ่งจอยมองดูรอบๆ สนามหญ้าหลังบ้านของพ่อ เธอสังเกตดูอาคารไม้ที่ถูกทิ้งร้าง อาคารหลังน้เี คยเป็น คอกสัตว์มาก่อนและมันอยู่ตรงนั้นมาหลายปีแล้ว แต่จอยและคนอื่นๆ ไม่เคยคิดว่า มันจะใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้นอกจากใช้เป็นที่เก็บของ สภาพอาคารหลังน้พี ื้นเป็น ดินขรุขระ ฝาผนังโย้ไปข้างหนึ่ง ส่วนประตูหักและห้อยอยู่ บานพับประตูก็เขรอะ ไปด้วยสนิม แต่วันนี้เธอมองดูอาคารหลังน้ดี ้วยดวงตาคู่ใหม่ ดูเหมือนหลังคายังอยู่ ในสภาพใช้การได้และมันมีขนาดใหญ่พอที่จะทา เป็นห้องบันทึกเสียงและห้องทา งาน คา ตอบจากพระเจ้าอยู่ที่สนามหญ้าหลังบ้านน้เี อง บ่อยครัง้ มักเป็นเช่นนี้ การจัด เตรียมของพระเจ้านั้นมีอยู่แล้วเพียงแตร่ อเวลาให้เราสังเกตเห็นเท่านั้น

เมื่อจอยตัดสินใจใช้คอกสัตว์หลังเก่าไม่นานเธอก็ได้รับของขวัญชิ้นแรกสา หรับ คา ตอบนี้ เธอได้รับเชิญให้ไปเยี่ยมเพื่อนที่อยู่นอกเมืองลอสแองเจลิส ระหว่าง อยู่ที่นัน่ เพื่อนๆ ของเธอกล่าวว่า "พวกเราอยากมีส่วนร่วมในการสร้างห้องบันทึก เสียง" แล้วเพื่อนก็ได้ให้ประตูมือสองที่ยังมีสภาพดีแก่จอย

ของขวัญที่คาดไม่ถึงนี้มีความหมายมาก สิ่งแรกที่จอยคิดคือประตูที่ได้มาจะใช้ได้ไหมและจะนาไปใส่ตรงไหนดี แต่จอยก็รับมันมาด้วยความขอบคุณและนา กลับบ้านโดยใส่บนรถฟอร์ดคันเก่าของเธอ ประตูเสียดสีกับหลังคารถขึ้นลงๆ ทาให้เกิดเสียงดัง หัวใจของเธอก็เริ่มร้องเพลง

ประตู! ประตู! "ดูเถิด เราได้ตั้งประตูซึ่งเปิดไว้ตรงหน้าพวกเจ้า ประตูนี้ไม่มีใครปิดได้" (วิวรณ์ 3:8) เป็นข้อพระคัมภีร์ที่เธอประทับใจมากข้อหนึ่ง ซึ่งเหมือนมีคนพูดกับเธอขณะรถกาลังแล่นอยู่บนถนนทางหลวง พร้อมกับมีเสียงดังกุกกักๆ เธอคิดถึงพระคัมภีร์ข้อนี้อีกครั้ง "ดูเถิด เราได้ตั้งประตูซึ่งเปิดไว้ตรงหน้าพวกเจ้า ประตูนี้ไม่มีใครปิดได้" จอยรู้ดีว่านี่เป็นเสียงจากพระผู้เลี้ยงของเธอ เธอมีความชื่นชมยินดีเพราะเป็นคาตรัสของพระองค์ "ดูเถิด เราได้ตั้งประตูซึ่งเปิดไว้ตรงหน้าพวกเจ้า..." ถ้าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงเปิดประตู ใครจะสามารถปิดประตูนั้นได้เล่า?

"แม้ว่าเรายังไม่มีอะไร" จอยคิด "แต่เราก็มีประตูแล้ว และมันเป็นประตูที่เปิดไว้!" เธอคานวณค่าซ่อมแซมอาคารว่าน่าจะต้องใช้เงินประมาณ 300 ดอลล่าร์ ซึ่ง ดูเหมือนว่าเป็นจานวนเงินที่มากทีเดียว อย่างไรก็ตามเธอได้สั่งวัสดุเพื่อการซ่อมแซมด้วยความเชื่อ และไม่ได้เปิดเผยความจาเป็นนี้ให้ใครรู้นอกจากพระเจ้า แต่ในวันที่จาเป็นต้องใช้เงินเธอได้รับเช็คเป็นเงินจานวน 300 ดอลล่าร์จากเพื่อนคนหนึ่ง

จอยและเพื่อนๆ สวมเสื้อผ้าเก่าๆ พร้อมกับเตรียมถัง แปรงทาสี ฆ้อน สีทาบ้านแล้วเริ่มทาความสะอาดคอกสัตว์และใช้เสียมปรับพื้นให้เสมอกัน ช่างไม้หลายคนถูกเรียกให้มาช่วยซ่อมอาคารด้วย พวกช่างไม้ใช้เลื่อยและฆ้อนเป็นเครื่องมือซ่อมแซมอย่างเอาจริงเอาจัง ในไม่ช้าคอกสัตว์ก็ถูกเปลี่ยนเป็นห้องบันทึกเสียงขนาด เล็กที่สามารถป้องกันเสียงรบกวนได้ พร้อมทั้งมีโต๊ะสาหรับเลขา อุปกรณ์สาหรับการบันทึกเพลง คาสอนสั้นๆ และข้อพระคัมภีร์ ผู้บรรยายในการบันทึกเสียงเป็นคนเม็กซิโก คนสเปน คนอินเดียนแดงเผ่านาวาโฮและคนจีน พวกเธอมีความชื่นชม ยินดีและตื่นเต้นที่ได้ใช้ห้องบันทึกเสียงที่เป็นของพวกเธอเอง ซึ่งจะใช้บันทึกเรื่อง ราวแห่งชีวิตลงบนแผ่นเสียง แล้วแผ่นเสียงสีดาเล็กๆ เหล่านั้นจะถูกส่งไปยังเมืองแห่งโลกตะวันออกที่มีชุมชนหนาแน่นและไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่โดดเดี่ยวแห่งโลกตะวันตก ห้องบันทึกเสียงแห่งนี้ทีมงานผู้หญิงกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้ได้ค้นพบทรัพย์สม บัติมหัศจรรย์ของจอมเจ้านายผู้อยู่ในสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ซึ่งทรงสัญญาจะประ ทานสิ่งสารพัดที่พวกเธอขาดอยู่นั้น

เวลานี้ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง ทาให้อุปกรณ์บางอย่างขาดแคลนจนเกือบหาซื้อไม่ได้ และแล้ววันที่พวกเธอเหลือแผ่นเสียงเปล่า แผ่นสุดท้ายก็มาถึง มีแผ่นเสียงไม่พอที่จะทาการบันทึกเสียงในวันนั้นแล้ว การที่จะหาแผ่นเสียงเปล่าในภาวะที่มีสงครามนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้จะมีเงินอยู่ในมือก็ตาม ดังนั้นพวกเธอจึงปิดประตูห้องบันทึกเสียงแล้วคุกเข่าอธิษฐาน

เวลาผ่านไปได้สักพักพวกเธอได้ยินเสียงเคาะประตูแต่ไม่มีใครสนใจ ทุกคนอธิษฐานต่อด้วยความกระตือรือร้น จากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะจากอีกประตูหนึ่ง คนหนึ่งในกลุ่มของพวกเธอลุกไปเปิดประตูอย่างเงียบๆ ที่หน้าประตูมีหญิงคนหนึ่งที่ทางานกับทางการในช่วงสงคราม เธอกาลังยืนคอยด้วยความไม่พอใจที่ต้องรอนาน

"ฉันนาของที่คุณสั่งจากคลังสินค้ามาให้" เธอประกาศด้วยเสียงที่เย็นชา "แผ่นเสียงมูลค่า 300 ดอลล่าร์ กรุณาเซ็นรับด้วย"

แผ่นเสียงมูลค่า 300 ดอลล่าร์!

พวกเธอรับมาด้วยความชื่นชมยินดี จนหัวใจแทบจะหยุดเต้นเลยทีเดียว!

แต่หลายปีมานี้คาตอบจากพระเจ้าที่โดดเด่นที่สุด น่าจะเป็นเรื่องที่มีชายหนุ่มรูปร่างสูงมาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูห้องบันทึกเสียงในวันหนึ่ง เขาเชื่อว่าพระเจ้าทรงเรียกเขาให้มาช่วยงานของจีอาร์ เป็นระยะเวลาช่วงหนึ่งแล้วที่พวกเธอต่างคิดว่าต้องการชายที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้ามาทางานด้วย แต่วิศวกรไฟฟ้าที่มีความชานาญมักต้องการเงินเดือนสูง เมื่อจอยกับเพื่อนร่วมงานมีปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้า พวกเธอก็ต้องเรียกพวกผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเสมอและต้องเสียค่าบริการแพงๆ การที่องค์กรเล็กๆ ของพวกเธออยากจะมีวิศวกรไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติครบถ้วนมาร่วมงานก็ดูเหมือนจะเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ แต่พวกเธอก็อธิษฐานทูลขอให้มีผู้ชายสักคนที่มีภาระใจ สามารถทางานหนัก สามารถซ่อมรถและไฟฟ้าได้ ซึ่งงานลักษณะนี้ทาให้ผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดจนปัญญาเลยทีเดียว! "เขาต้องเป็นคนหนุ่มที่แข็งแรง" พวกเธอสนทนากัน "และพร้อมที่จะทางานทุกอย่างไม่ว่างานหนักหรืองานเบา เขาจะต้องมีอัธยาศัยดี มีความอดทน และสามารถเข้ากับกลุ่มผู้หญิงได้ดี" พวกเธอต่างพากันหัวเราะ และคนหนึ่งในพวกเธอแนะนาให้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ โดยระบุคุณสมบัติเหล่านี้ไว้และให้เสริมด้วยว่าจะไม่มีค่าตอบแทนหรือเงินเดือนให้ ซึ่งผู้สมัครจะต้องพร้อมทางานเต็มเวลา ต้องรับผิด ชอบค่าใช้จ่ายส่วนตัว รวมทั้งค่าเช่าบ้านเองด้วย !

พวกเธอไม่ได้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ แต่ได้ทูลขอในพระนามของพระเยซูคริสต์ แล้วพวกเธอก็พบว่าเฮอร์แมน ไดค์ชายผมสีทองสูงหกฟุตสามนิ้ว มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่พวกเธอต้องการ เมื่อจอยตื่นจากความประหลาดใจในการมาปรากฏตัวของเฮอร์แมนที่หน้าประตูโดยไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า เธอยังได้รู้อีก ว่าเฮอร์แมนมาจากรัฐมอนตานาซึ่งอยู่ไกลถึง 3,200 กิโลเมตรเพื่อมาร่วมรับใช้กับพวกเธอ จอยได้อธิบายถึงนโยบายด้านการเงินขององค์กร แต่เฮอร์แมนก็ไม่ได้แสดงความผิดหวังแต่อย่างใด ตรงข้ามเขายังได้ถวายเงินสนับสนุนงานอีกด้วย! สาหรับตัวเขาแล้วเขามั่นใจว่าพระเจ้าทรงนาให้มาที่จีอาร์ และเขาไม่ได้เรียกร้องอะไรจากองค์กรเลย

พวกเธอโล่งใจมากที่มีชายหนุ่มแข็งแรงมาช่วยงาน เฮอร์แมนเข้ากับผู้ร่วม งานที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขามาจากครอบครัวใหญ่ที่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ดังนั้นเขาจึงอยู่กับเพศตรงข้ามได้อย่างสบายใจ เขาทางานหนักโดยไม่บ่น เขามีความชานาญเรื่องรถและไฟฟ้า ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจกลไกของอุปกรณ์ต่างๆ เป็นอย่างดี เหมือนกับคนสวนที่รู้จักพืชพันธุ์ต่างๆ ในสวนของตัวเอง "เฮอร์แมน จะซ่อมมัน" กลายเป็นคาพูดติดปากเมื่อมีอะไรเสีย เพราะเฮอร์แมนเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านอิเล็กทรอนิกส์

* ตัง้ แต่นัน้ เป็นต้นมาเจ้าหน้าที่ที่มาร่วมงานกับจีอาร์ทุกคนจะไม่มีเงินเดือน เงินถวายทัง้ หมดที่ได้รับถูกนาไปใช้ด้านการผลิตแผ่นเสียง การดาเนินงาน และการดูแลสถานที่ ยกเว้นเงิน ถวายที่มีการระบุไว้ให้ใช้ในการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ เป็นต้น ถ้าจะเขียนเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการ จัดเตรียมและการเลีย้ งดูของพระเจ้าสามารถเขียนหนังสือได้หลายเล่ม พระเจ้าของเอลียาห์ผู้ทรง ปกปักษ์รักษาผู้รับใช้ของพระองค์ท่ามกลางศัตรูและในช่วงที่กันดารอาหาร ในศตวรรษที่ 20 นี ้ พระองค์ทรงมีทรัพย์สมบัติเช่นเดิม และพระสัญญาจากพระบุตรของพระองค์ยังมนั่ คงถึงทุกวันนี ้ : "ท่านทงั้ หลาย จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้ว พระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทงั้ ปวงเหล่านี้ให้" (มัทธิว 6:33) Back to story

บทที่ 4: อุปสรรค - ป้ายบอกทางจากพระเจ้า

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ความเชื่อเกิดขึ้นเพราะการได้ยิน - เรื่องราวของการบันทึกเสียงพระกิตติคุณ - ผู้เขียน ฟิลลิส ทอมสัน ผู้แปล แอนนาเบล รูลิสัน และทีมงาน