ดู ฟัง แล้วรับชีวิต เล่มที่ 3 เรื่อง "ชัยชนะโดยพระเจ้า"
Schema: Joshua, Deborah, Gideon, Samson. 24 sections. It has a picture book to go along with the recording.
Numero di Sceneggiatura: 420
Lingua: Thai
Tema: Eternal life (Salvation); Character of God (Nature, character of God, Word of God (the Bible), Power of God / Jesus); Living as a Christian (Obedience, No other gods, idols, Victory, Faith, trust, believe in Jesus); Bible timeline (Gospel, Good News); Sin and Satan (Spiritual Warfare, Deliverance, Judgement)
Pubblico: General
Scopo: Teaching
Features: Monolog; Bible Stories; Extensive Scripture
Stato: Approved
Gli script sono linee guida di base per la traduzione e la registrazione in altre lingue. Dovrebbero essere adattati come necessario per renderli comprensibili e pertinenti per ogni diversa cultura e lingua. Alcuni termini e concetti utilizzati potrebbero richiedere ulteriori spiegazioni o addirittura essere sostituiti o omessi completamente.
Testo della Sceneggiatura
บทนำ
พระเจ้าช่วยชนชาติอิสราเอลให้มีชัยชนะเหนือศัตรู เราสามารถเรียนรู้ได้จากชีวิตของพวกเขา ขอให้ท่านฟังจากเทปหรือซีดี และดูรูปภาพในเล่มสีน้ำตาลประกอบ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณขอให้ดูรูปภาพถัดไป
รูปภาพที่ 1 โยชูวาสู้รบกับชาวอามาเลข
อพยพ 17:8-13
เมื่อชนชาติอิสราเอลออกจากประเทศอียีปต์พวกเขายังไม่มีแผ่นดินเป็นของตนเอง พวกเขาจึงเดินทางไปเรื่อยๆ โดยมีโมเสสเป็นผู้นำ โมเสสเลือกชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อโยชูวาให้เป็นแม่ทัพ เมื่อชาวอามาเลขเข้าโจมตีชาวอิสราเอลโมเสสจึงสั่งโยชูวาว่า “จงออกไปต่อสู้กับชาวอามาเลขส่วนเราจะยืนถือไม้เท้าของพระเจ้าอยู่บนยอดเขา” โยชูวาจึงออกไปสู้รบกับชาวอามาเลข ขณะที่โมเสสยกไม้เท้าของพระเจ้าขึ้น โยชูวากับชาวอิสราเอลก็ได้เปรียบ แต่เมื่อใดที่เขาลดไม้เท้าลงชาวอามาเลขก็เป็นต่อ เมื่อแขนของโมเสสเมื่อยล้าจนไม่สามารถยกไม้เท้าขึ้น ผู้ช่วยของโมเสสสองคนจึงช่วยพยุงแขนของเขาจนถึงเวลาเย็น พระเจ้าช่วยโยชูวารบชนะชาวอามาเลข
รูปภาพที่ 2 ผู้สอดแนมกับพืชผลจากแผ่นดินคานาอัน
กันดารวิถี 13:1-14:35
เมื่อชาวอิสราเอลเดินทางมาใกล้แผ่นดินคานาอัน ซึ่งพระเจ้าได้สัญญาที่จะมอบให้แก่พวกเขา โมเสสจึงส่งผู้สอดแนม 12 คนเข้าไปในแผ่นดินนั้น หลังจากนั้น 40 วันพวกเขาจึงกลับมารายงานถึงสิ่งต่างๆ ที่ได้พบเห็น โยชูวาและคาเลบรายงานถึงสิ่งที่ทำให้ชาวอิสราเอลมีความหวัง พวกเขาเล่าว่า “แผ่นดินนั้นอุดมสมบูรณ์ดีมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ (แผ่นดินมีความอุดมสมบูรณ์มาก) ดูสิ นี่คือพืชผลของแผ่นดินนั้น ชาวเมืองนั้นมีกำลังเข้มแข็ง แต่เราไม่ต้องกลัวถ้าพระเจ้าพอพระทัย พระองค์ก็จะนำเราเข้าไปถึงแผ่นดินนั้นได้อย่างแน่นอน” ส่วนผู้สอดแนมคนอื่นๆ ต่างรายงานถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้นหากอิสราเอลเข้าต่อสู้กับชาวเมืองนี้ พวกเขาเล่าว่าชาวคานาอันรูปร่างใหญ่โตแข็งแรงเหมือนยักษ์ ทำให้ชาวอิสราเอลเกิดความหวาดกลัวที่จะเข้ายึดครองแผ่นดินนั้นตามคำสัญญาของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงลงโทษที่พวกเขาไม่เชื่อมั่นและวางใจในพระองค์ พระเจ้าจึงให้พวกเขากลับไปวนเวียนอยู่ในถิ่นทุรกันดารอีก 40 ปี ชาวอิสราเอลที่ไม่เชื่อวางใจในพระเจ้าได้เสียชีวิตทั้งหมดในถิ่นทุรกันดารนั้น
รูปภาพที่ 3 ชาวอิสราเอลข้ามแม่น้ำจอร์แดน
โยชูวา 1:1-9, 3:1-17
หลังจากโมเสสเสียชีวิตโยชูวาได้ขึ้นเป็นผู้นำของชาวอิสราเอล พระเจ้าพูดกับโยชูวาว่า “เจ้าและประชาชนเตรียมตัวให้พร้อมที่จะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยังแผ่นดินที่เราจะยกให้แก่เจ้าทั้งหลาย” พวกปุโรหิต (ผู้นำศาสนา) ของชาวอิสราเอลมีหีบพิเศษซึ่งเรียกว่า “หีบพันธสัญญา” สำหรับเก็บแผ่นหินจารึกพระบัญญัติของพระเจ้า พระเจ้าสั่งให้พวกเขาหามหีบพันธสัญญาข้ามแม่น้ำซึ่งมีน้ำนอง ทันทีที่เท้าของปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญาก้าวลงไปในแม่น้ำ สายน้ำที่ไหลอยู่ก็หยุดไหลและดินกลางแม่น้ำก็เหือดแห้ง ปุโรหิตจึงหยุดอยู่บนแผ่นดินแห้งกลางแม่น้ำจอร์แดน เพื่อให้ประชาชนทั้งหมดเดินข้ามไปฝั่งคานาอัน
รูปภาพที่ 4 กำแพงเมืองเยรีโคพัง
โยชูวา 6:1-27
ชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ใกล้เมืองเยรีโค พระเจ้าสั่งโยชูวาว่า “เราได้มอบเมืองเยรีโคนี้ไว้ในมือของเจ้าแล้ว จงให้บรรดาทหารเดินแห่รอบเมืองหนึ่งรอบ โดยให้ปุโรหิตเจ็ดคน ถือเขาสัตว์เจ็ดอันเดินนำหน้าหีบพันธสัญญา จงทำอย่างนี้หกวัน และในวันที่เจ็ดให้ยกขบวนเดินแห่รอบเมืองเจ็ดรอบ พร้อมกับให้ปุโรหิตเป่าเขาสัตว์ไปด้วย และให้ประชาชนโห่ร้องเสียงดังแล้วกำแพงเมืองจะพังราบลง แล้วประชาชนจะสามารถเข้ายึดเมืองได้โดยง่าย” โยชูวาและประชา ชนก็ได้ทำตามคำสั่งของพระเจ้าทุกประการ กำแพงเมืองเยรีโคได้พังลงอย่างราบคาบ และชาวอิสราเอลสามารถเข้ายึดครองเมืองเยรีโค พระเจ้าสั่งห้ามชนชาติอิสราเอลไม่ให้ยึดเอาทรัพย์สมบัติใดๆ ของเมืองนี้มาเป็นของตนอย่างเด็ดขาด
รูปภาพที่ 5 อิสราเอลพ่ายแพ้การรบที่เมืองอัย
โยชูวา 7:1-12
เมืองอัยเป็นศัตรูของอิสราเอลซึ่งอยู่ใกล้เมืองเยรีโค โยชูวาต้องการยึดครองเมืองอัยด้วย ดังนั้นโยชูวาจึงส่งผู้สอดแนมหลายคนเข้าไปในเมืองนี้ ผู้สอดแนมได้กลับมารายงานว่า “ไม่จำเป็นต้องส่งทหารทั้งหมดเข้าโจมตีเมืองอัยเพราะเมืองนั้นมีคนน้อย” ด้วยเหตุนี้โยชูวาจึงส่งทหารจำนวนไม่มากเข้าโจมตีเมืองอัย แต่ปรากฏว่าทหารของเมืองอัยสามารถรบชนะกอง ทัพอิสราเอล ทหารอิสราเอลถูกฆ่าตายบางส่วน ส่วนที่เหลือพากันหนีเอาชีวิตรอด โยชูวารู้สึกเสียใจมากจึงได้กราบลงวิงวอนต่อพระเจ้า แต่พระเจ้าพูดกับโยชูวาว่า “อิสราเอลได้กระทำบาป พวกเขาได้ขโมยสิ่งของจากเมืองเยรีโคที่เราสั่งห้ามและได้นำไปซ่อนไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจรบชนะศัตรูได้”
รูปภาพที่ 6 การลงโทษอาคาน
โยชูวา 7:14-26, 8:29
โยชูวาเรียกชาวอิสราเอลทั้งหมดมาอยู่ต่อหน้าพระเจ้า พระเจ้าเปิดเผยให้โยชูวารู้ว่า อาคานเป็นผู้ละเมิดคำสั่งและกระทำบาปต่อพระองค์ โยชูวาพูดกับอาคานว่า “จงบอกเรามาสิว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป จงอย่าได้ปิดบังเราเลย” อาคานจึงตอบว่า “เป็นความจริงที่ข้าได้กระทำผิดบาปต่อพระเจ้า คือเมื่อข้าได้เห็นบรรดาข้าวของต่างๆที่เมืองเยรีโค มีเสื้อคลุมสวยงามตัวหนึ่งกับเงินและทองแท่ง ข้าอยากได้จึงเก็บซ่อนสิ่งของเหล่านั้นไว้เป็นของตัวเอง” มีคนค้นพบสิ่งของเหล่านั้นซึ่งอาคานได้เก็บซ่อนไว้ในเต็นท์ของเขา อาคานจึงถูกลงโทษประหารชีวิตตามที่พระเจ้าสั่ง เมื่อพระเจ้าลดพระพิโรธ หลังจากนั้นพระเจ้าจึงสั่งโยชูวาว่า “จงนำทหารทั้งหมดเข้าโจมตีเมืองอัย อย่าได้กลัวเลยเพราะเราได้มอบเมืองนี้ไว้ในมือของเจ้าแล้ว (มันก็จะเป็นของเจ้า)” ดังนั้นเมื่อชาวอิสราเอลเชื่อฟังพระเจ้า พวกเขาจึงมีชัยชนะเหนือเมืองอัย
รูปภาพที่ 7 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หยุดนิ่ง
โยชูวา 10:1-14
ชาวคานาอันผู้โหดร้ายเกิดความหวาดกลัวต่อชาวอิสราเอล เจ้าเมืองจากห้าหัวเมืองของคานาอันจึงร่วมมือกันต่อสู้อิสราเอล แต่พระเจ้าพูดกับโยชูวาว่า “จงอย่ากลัวคนเหล่านั้น” โยชูวาและทหารของเขาได้ออกไปสู้รบกับหัวเมืองเหล่านั้น ทำให้พวกศัตรูพากันวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว พระเจ้ายังให้ลูกเห็บลูกใหญ่ตกใส่พวกศัตรู ทำให้พวกเขาล้มตายเป็นจำนวนมาก การสู้รบดำเนินไปตลอดทั้งวัน จากนั้นโยชูวาพูดขึ้นว่า “ดวงอาทิตย์จงหยุดนิ่ง” และพระเจ้าจึงทำให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หยุดนิ่งในวันนั้นจนกระทั่งชาวอิสราเอลได้รับชัยชนะเหนือศัตรูของพวกเขา ไม่เคยมีวันใดเหมือนวันนั้นอีกเลย พระเจ้าช่วยให้ชาวอิสราเอลมีชัยชนะเหนือบรรดาชนชาติที่โหดร้ายทั้งสิ้นของแผ่นดินคานาอัน
รูปภาพที่ 8 โยชูวาให้โอวาทแก่ประชาชน
โยชูวา 23:1 - 24:28
ในที่สุดแผ่นดินคานาอันก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของชาวอิสราเอลตามที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ เมื่อโยชูวาเข้าสู่วัยชรา เขาได้เรียกชาวอิสราเอลทั้งหมดมารวมกัน โยชูวาพูดกับพวกเขาว่า “จงเข้มแข็งมั่นคงในการที่จะรักษา และกระทำตามสิ่งสารพัดซึ่งเขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้า ถ้าหากท่านไปบูชาปรนนิบัติพระอื่นท่านจะพินาศและจะถูกขับไล่ออกไปจากดินแดนซึ่งพระเจ้าได้ประทานให้แก่พวกท่าน ท่านทั้งหลายต้องตัดสิน ใจแล้วว่าวันนี้ท่านจะปรนนิบัติผู้ใด” แล้วประชาชนทั้งหมดก็สัญญาว่าจะปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกเขาเท่านั้น
พี่น้องทั้งหลาย พระเจ้ารักษาคำสัญญาทุกคำที่ให้ไว้กับโยชูวาและชาวอิสราเอล พระองค์มอบดินแดนให้พวกเขาครอบครอง และทำลายศัตรูต่างๆ ของพวกเขาทั้งหมด เช่นกันพระเจ้าสัญญาจะให้เราทุกคนที่เชื่อในพระองค์ได้ครอบครองแผ่นดินสวรรค์ และพระองค์จะรักษาคำสัญญาทุกคำที่ได้ให้ไว้กับเรา แม้ว่าศัตรูของเราคือมารซาตานแต่เรามีผู้นำที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีชัยชนะเหนือมารซาตาน ท่านผู้นั้นก็คือองค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งเราสมควรจะปรนนิบัติและเชื่อฟังพระองค์ ดังนั้นวันนี้ท่านต้องเลือกเองแล้วว่าท่านจะติดตามและปรนนิบัติผู้ใด
รูปภาพที่ 9 เดโบราห์พูดแทนพระเจ้า
ผู้วินิจฉัย 4:1-9
หลังจากโยชูวาเสียชีวิตชาวอิสราเอลได้ละทิ้งพระเจ้าหันไปนับถือและบูชารูปเคารพทั้งหลายของชาวคานาอัน ดังนั้นพระเจ้าจึงให้ชาวคานาอันมีกำลังและมีอำนาจเหนือชาวอิสราเอล ชาวคานาอันได้ปกครองชาวอิสราเอลอย่างทารุณโหดร้าย ขณะนั้นนางเดโบราห์เป็นผู้วินิจฉัยในอิสราเอล ชาวอิสราเอลต่างพากันมาขอรับคำแนะนำจากนาง และนางก็แนะนำให้พวกเขาหันกลับมาเชื่อฟังและปรนนิบัติพระเจ้า อยู่มาวันหนึ่งนางได้เรียกบาราคแม่ทัพของอิสราเอลมาพบ นางบอกกับเขาว่า “ท่านจงระดมกำลัง 10,000 คน ไว้ที่ภูเขาทาโบร์ซึ่งสิเสรากับกองทหารของเมืองคานาอันจะเข้าต่อสู้กับพวกท่าน พระเจ้าจะมอบชัยชนะให้แก่ท่านและอิสราเอล” แต่บาราคมีความกลัวจึงพูดกับเดโบราห์ว่า “หากท่านไม่ไปกับเรา เราก็จะไม่ไป” นางเดโบราห์จึงพูดว่า “เราจะไปกับท่านก็ได้ แต่พระเจ้าจะมอบสิเสราไว้ในมือของหญิงคนหนึ่ง ดังนั้นเกียรติยศและการสรรเสริญจะไม่ตกอยู่กับท่าน”
รูปภาพที่ 10 พระเจ้าช่วยอิสราเอลให้มีชัยชนะต่อสิเสรา
ผู้วินิจฉัย 4:10-17, 5:19-21
เดโบราห์ บาราคและชาวอิสราเอลไปที่ภูเขาทาโบร์ สิเสราและกองทัพคานาอันทั้งหมดก็เข้าต่อสู้กับชาวอิสราเอลที่นั่น สิเสรามีรถรบ 900 คัน แต่ชาวอิสราเอลมีเพียงดาบเท่านั้น ทหารชาวคานาอันได้ยกพลไปยังบริเวณลุ่มแม่น้ำใกล้ภูเขาทาโบร์ รถรบของพวกเขาก็ไม่สามารถผ่านเทือกเขาไปได้ แล้วในที่สุดก็ถูกกระแสน้ำพัดพาไปเสีย ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงมีชัยชนะเหนือชาวคานาอัน กองทัพของชาวคานาอันถูกทำลายลงอย่างราบคาบ มีเพียงสิเสราคนเดียวที่วิ่งหนีรอดไปได้
รูปภาพที่ 11 นางยาเอลฆ่าสิเสรา
ผู้วินิจฉัย 4 : 17-24
ฝ่ายสิเสราวิ่งหนีไปถึงเต็นท์ของหญิงคนหนึ่งชื่อนางยาเอล นางพูดกับสิเสราว่า “ขอเชิญเข้ามาเถิด อย่ากลัวเลย” นางยาเอลไม่ได้เป็นชาวอิสราเอล ดังนั้นสิเสราจึงเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในเต็นท์ของนาง นางให้เขาดื่มนมและนำผ้าห่มมาคลุมตัวเขา แล้วสิเสราก็หลับไป จากนั้นนางยาเอลหยิบหลักขึงเต็นท์และค้อน เดินย่องเข้าไปหาสิเสราที่กำลังหลับ นางได้ตอกหลักขึงเต็นท์เข้าที่ขมับของสิเสราจนทะลุติดดิน ดังนั้นจึงเป็นไปตามคำทำนายของพระเจ้า ที่พระองค์จะมอบสิเสราไว้ในมือของหญิงคนหนึ่ง เมื่อบาราคติดตามสิเสรามาถึงเต็นท์ของนางยาเอล นางจึงเรียกบาราคเข้ามาในเต็นท์แล้วกล่าวว่า “มาเถิดฉันจะชี้ให้ท่านเห็นคนที่ท่านกำลังค้นหาอยู่นั้น” และที่นั่นบาราคเห็นสิเสรานอนตายอยู่โดยมีหลักขึงเต็นท์ตอกทะลุหัวติดอยู่กับพื้น
รูปภาพที่ 12 อิสราเอลฉลองชัยชนะ
ผู้วินิจฉัย 5: 1-31
พระเจ้าคือผู้มอบอำนาจแก่อิสราเอลจนมีชัยชนะเหนือชาวคานาอัน เดโบราห์และบาราคจึงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า บรรดาประชาชนต่างก็ชื่นชมยินดีเช่นกัน พวกเขาดีใจมากที่มีผู้นำอย่างเดโบราห์ นางเปรียบเสมือนมารดาของพวกเขา พวกเขายังยกย่องยาเอลด้วยเพราะนางไม่เกรงกลัวสิเสราเลย พระเจ้าใช้ผู้หญิงสองคนนี้มาช่วยชนชาติอิสราเอล
พี่น้องทั้งหลายพระเจ้าเลือกใช้คนที่ดูเหมือนอ่อนแอให้กลับมีชัยชนะต่อผู้ที่มีกำลัง เราต่างก็มีศัตรูที่มีอำนาจมาก แต่พระเจ้าได้ส่งพระเยซูคริสต์เข้ามาช่วยเราจากอำนาจของมารซาตาน คนชั่วได้ฆ่าพระเยซูเพราะพวกเขาคิดว่าพระเยซูไม่มีอำนาจ แต่พระเจ้าได้ให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย พระเยซูจึงมีชัยชนะเหนือผีมารซาตานและความชั่วทั้งหลาย พระเยซูจะมอบอำนาจและชีวิตนิรันดร์แก่ทุกคนที่เชื่อและวางใจในพระเจ้า ดังนั้นขอให้เราทั้งหลายร้องสรรเสริญ ชื่นชมยินดีและนมัสการพระเจ้าผู้เที่ยงแท้องค์เดียว (ดนตรี)
บทนำ 2
มารซาตานจะต่อสู้กับทุคนที่เชื่อและดำเนินชีวิตติดตามทางของพระเยซู แต่พระเจ้าสำแดงแก่เราว่าเราสามารถมีอำนาจเหนือมารซาตานได้อย่างไร โปรดฟังและเรียนจากเรื่องราวเหล่านี้ (จากพระคัมภีร์ ) โปรดดูภาพถัดไปเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ
รูปภาพที่ 13 กิเดโอนกับทูตของพระเจ้า
ผู้วินิจฉัย 6:1-24
ชาวอิสราเอลไม่เชื่อฟังพระเจ้าและได้ทำชั่วมากมาย พระเจ้าจึงอนุญาตให้ชาวมีเดียนมีอำนาจปกครองเหนือพวกเขาเจ็ดปี ชาวมีเดียนได้ทำลายพืชผลของอิสราเอล พวกเขาจึงร้องขอให้พระเจ้าช่วย วันหนึ่งมีชายคนหนึ่งชื่อกิเดโอนกำลังแอบนวดข้าวสาลีเพื่อไม่ให้ชาวมีเดียนเห็น ในทันใดนั้นมีทูตของพระเจ้ามาปรากฏและพูดกับเขาว่า “จงออกไปช่วยชาวอิสราเอลจากชาวมีเดียน” แต่กิเดโอนพูดว่า “ข้าจะช่วยอิสราเอลได้อย่างไรเพราะตัวข้าเองก็ต่ำต้อยในหมู่ชาวอิสราเอล” แต่พระเจ้าพูดว่า “เราจะอยู่กับเจ้า” กิเดโอนนำอาหารมาให้ทูตของพระเจ้ารับประทาน ทูตของพระเจ้าใช้ปลายไม้ที่ถืออยู่แตะอาหาร ทันใดนั้นก็เกิดไฟลุกไหม้ที่อาหารนั้นจนหมด แล้วทูตองค์นั้นก็หายไป กิเดโอนจึงได้รู้ว่าเหตุการณ์นี้มาจากพระเจ้า
รูปภาพที่ 14 กิเดโอนทำลายรูปเคารพ
ผู้วินิจฉัย 6:25-32
ครอบครัวของกิเดโอนนมัสการพระบาอัลและอาเชราห์รูปเคารพของชาวคานาอัน พระเจ้าพูดกับกิเดโอนว่า “จงไปพังแท่นบูชาพระบาอัลของพ่อเจ้า และจงล้มเสาบูชาอาเชราห์ซึ่งตั้งอยู่ด้วยกันลงเสีย แล้วก็จงสร้างแท่นบูชาถวายแด่พระเจ้าแทน” กิเดโอนเกรงกลัวชาวเมืองแต่เขาก็ต้องการเชื่อฟังพระเจ้า คืนนั้นกิเดโอนจึงนำผู้ชาย 10 คนไปทำลายรูปเคารพเหล่านั้น ชาวเมืองต่างโกรธแค้นและต้องการฆ่ากิเดโอน แต่พ่อของเขาได้ช่วยชีวิตเขาไว้
พี่น้องทั้งหลาย พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่กว่ารูปเคารพที่ทำมาจากไม้หรือหิน เราจึงสมควรเชื่อฟังพระคำของพระองค์ตลอดไป
รูปภาพที่ 15 ทหารของกิเดโอนดื่มน้ำ
ผู้วินิจฉัย 7:1-7
กิเดโอนรวบรวมผู้ชายชาวอิสราเอลและตั้งเป็นกองทัพ ชาวมีเดียนได้ชุมนุมกันเพื่อจะเข้าโจมตีอิสราเอล พระเจ้าพูดกับกิเดโอนว่า “พวกที่อยู่กับเจ้ามีมากเกินไป ดังนั้นจงประกาศว่าผู้ใดที่กลัวก็ให้ผู้นั้นกลับ(บ้าน)ไปเสีย” มีทหารของกิเดโอนจำนวนมากได้เดินทางกลับบ้าน แต่พระเจ้าพูดกับกิเดโอนอีกว่า “ทหารของเจ้ายังมากอยู่ จงพาพวกเขาไปที่ริมน้ำแล้วเราจะทำการทดสอบพวกเขาให้เจ้าที่นั่น” กิเดโอนจึงพาทหารลงไปที่ริมน้ำเพื่อดื่มน้ำ มีทหารจำนวนมากคุกเข่าลงดื่มน้ำเหมือนสุนัข แต่มีเพียง 300 คนเท่านั้นที่ใช้มือวักน้ำดื่ม แล้วพระเจ้าจึงพูดว่า “โดยทหาร 300 นายที่ดื่มน้ำจากมือของพวกเขาเราจะทำให้เจ้าได้รับชัยชนะเหนือพวกมีเดียน”
รูปภาพที่ 16 ทหารของกิเดโอนล้อมค่ายชาวมีเดียน
ผู้วินิจฉัย 7:12 - 25
กองทัพใหญ่ของชาวมีเดียนตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขา พวกเขามีนักรบและอูฐมากมายจนนับไม่ถ้วน ส่วนกิเดโอนมีนักรบชาวอิสราเอลอยู่เพียง 300 นายเท่านั้น แต่พระเจ้าบอกเขาว่าควรทำอย่างไร กิเดโอนจึงให้ทหารทุกคนถือเขาสัตว์และหม้อเปล่าพร้อมกับคบเพลิง พวกเขาได้เข้าล้อมค่ายชาวมีเดียนในตอนกลางคืน จากนั้นพวกเขาก็เป่าเขาสัตว์และเคาะหม้อให้แตกแล้วตะโกนขึ้นพร้อมกันว่า “ดาบของพระเยโฮวาห์และของกิเดโอน” สิ่งเหล่านี้ทำให้ทหารชาวมีเดียนตกใจและเกิดการโกลาหลอย่างยิ่ง พวกเขาฆ่าฟันกันเองและล้มตายจำนวนมาก ส่วนทหารที่เหลือก็รีบหนีออกไปจากค่าย ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงได้รับชัยชนะเหนือพวกมีเดียน
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ถึงแม้ว่าเราจะมีกำลังน้อยหรือจำนวนน้อยเหมือนกับกองทหารของกิเดโอน แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้าเราก็สามารถมีชัยชนะเหนือศัตรูของเราคือมารซาตานได้
รูปภาพที่ 17 แซมสันฆ่าสิงโต
ผู้วินิจฉัย 13:1 - 14:1-20
หลังจากที่กิเดโอนเสียชีวิตชาวอิสราเอลก็ได้ละทิ้งพระเจ้าไปอีก ต่อมาพระเจ้ามอบพวกเขาไว้ในมือของชาวฟิลิสเตีย จากนั้นพระเจ้าได้ให้ผู้นำที่มีพลังอำนาจมาช่วยกู้ชาวอิสราเอลเขามีชื่อว่าแซมสัน พระวิญญาณของพระเจ้าทำให้เขาแข็งแรงมีพละกำลังมาก แต่แซมสันไม่ได้ใช้กำลังนั้นเพื่อช่วยกู้ชาวอิสราเอลให้รอดพ้นจากอำนาจของชาวฟิลิสเตีย เขาใช้มันเพื่อตัวเองและไม่เชื่อฟังพระเจ้า แซมสันหลงรักหญิงชาวฟิลิสเตีย เขาจึงพูดกับพ่อของเขาว่า “ช่วยสู่ขอหญิงนั้นให้ฉันที เพราะเธอเป็นที่พอใจแก่ฉันมาก” ขณะแซมสันเดินทางไปที่เมืองของหญิงนั้นระหว่างทางมีสิงโตหนุ่มตัวหนึ่งคำรามใส่แซมสัน แซมสันฆ่าสิงโตนั้นด้วยมือเปล่า หลังจากนั้นระหว่างงานเลี้ยงแต่งงานของเขา แซมสันได้ทายปริศนาจากซากสิงโตที่เขาฆ่าตาย แต่ภรรยาของแซมสันลวงสามีของตนเพื่อบอกคำแก้ปริศนาให้แก่ชาวฟิลิสเตีย ทำให้แซมสันโกรธมาก จึงออกไปฆ่าชาวเมืองนั้น 30 คน เพื่อริบเอาเสื้อไปให้แก่คนที่ทายปริศนาถูกตามที่เดิมพันไว้
รูปภาพที่ 18 แซมสันกับหมาจิ้งจอกต้นเพลิง
ผู้วินิจฉัย 15:1-17
ส่วนภรรยาของแซมสันนั้นพ่อตาก็ยกให้แก่เพื่อนเจ้าบ่าวไปเสีย แซมสันจึงโกรธแค้นมากและพูดว่า “ครั้งนี้เราจะทำร้ายชาวฟิลิสเตียได้อย่างไม่มีข้อแก้ตัว” เขาออกไปกลางทุ่งนาจับหมาจิ้งจอกมา 300 ตัว เขาผูกหางของมันติดกันเป็นคู่ๆ และจุดคบเพลิงติดหางของมันแล้วปล่อยเข้าไปในทุ่งนาของชาวฟิลิสเตีย พืชผลต่างๆ ของพวกเขาถูกเผาเสียหายทั้งหมด ชาวฟิลิสเตียโกรธแค้นแซมสันมากและหาทางจะฆ่าเขา แต่แซมสันใช้กระดูกขากรรไกรของลาเป็นอาวุธฆ่าชาวฟิลิสเตียตายไป 1,000 คน
รูปภาพที่ 19 ชาวฟิลิสเตียโกนผมของแซมสัน
ผู้วินิจฉัย 16:4-22
แซมสันไม่เคยตัดผมมาก่อนเลยในชีวิต ผมของเขาเป็นสัญลักษณ์แสดงว่าเขาเป็นผู้ที่ถูกเลือกไว้สำหรับพระเจ้าและพระเจ้าสถิตอยู่กับเขา และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามีพละ กำลังมาก แต่แซมสันยังคงไม่เชื่อฟังคำของพระเจ้า เขาได้ไปหลงรักหญิงชาวฟิลิสเตียอีกคนหนึ่งชื่อเดลิลาห์ นางพยายามล้วงความลับว่าพละกำลังของแซมสันนั้นมาจากไหน แซมสันทนการรบเร้าของนางไม่ไหวในที่สุดเขาก็บอกความจริงแก่นางไปว่า “ฉันได้รับพละกำลังจากพระเจ้า ถ้าโกนผมของฉันออกพละกำลังนั้นก็จะหมดไป” คืนหนึ่งขณะที่แซมสันกำลังหลับนางเดลิลาห์ได้เรียกทหารของฟิลิสเตียเข้ามาโกนผมของเขา แล้วพระเจ้ากับพละกำลังของแซมสันก็จากเขาไปพร้อมกับผมที่ถูกโกน ชาวฟิลิสเตียได้ล่ามโซ่แซมสันไว้พร้อมกับควักลูกตาของเขาออกทั้งสองข้าง พวกเขาขังแซมสันไว้ในคุก ต่อมาภายหลังผมของแซมสันค่อยๆ งอกยาวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
รูปภาพที่ 20 แซมสันทำลายชาวฟิลิสเตีย
ผู้วินิจฉัย 16:23-31
พวกเจ้านายของชาวฟิลิสเตียมาประชุมกัน เพื่อถวายเครื่องบูชาแก่รูปเคารพของพวกเขา พวกเขานำแซมสันซึ่งตาบอดออกมาจากที่คุมขัง ให้มายืนอยู่กลางวิหารใหญ่เพื่อเล่นตลกให้พวกเขาดู แซมสันอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า “ขอระลึกถึงข้าพระองค์ครั้งนี้อีกครั้งเดียว” แล้วแซมสันก็ คลำทางไปที่เสาเอกของวิหารนั้น เขาใช้มือทั้งสองข้างยันเสาหลักของวิหารด้วยกำลังทั้งหมดของเขา ทันใดนั้นวิหารใหญ่ก็พังลงทับคนทั้งหลาย รวมทั้งแซมสันและพวกเจ้านายชาวฟิลิสเตียตายด้วยกันในวิหารแห่งนั้น พระเจ้าช่วยแซมสันให้มีชัยชนะต่อชาวฟิลิสเตีย แต่เพราะเขาไม่เชื่อฟังเขาจึงไม่มีโอกาสชื่นชมกับชัยชนะนี้
พี่น้องที่รักทั้งหลาย เมื่อเราได้มอบชีวิตไว้กับพระเจ้า พระองค์จะให้กำลังแก่เราเพื่อให้มีชัยชนะต่อมารซาตาน รวมทั้งแผนการชั่วร้ายทั้งสิ้นของมัน แต่เราต้องใช้กำลังนั้นเพื่อรับใช้พระเจ้าไม่ใช่เพื่อตัวเอง
รูปภาพที่ 21 พระเยซูขับไล่วิญญาณชั่ว
ลูกา 8:26-39
พระเยซูเกิดหลังสมัยของกิเดโอนและแซมสันพันกว่าปี วันหนึ่งพระเยซูได้พบชายคนหนึ่งที่ถูกผีเข้าสิง ชายคนนั้นได้ก้มกราบพระเยซูและพูดว่า “พระเยซูบุตรของพระเจ้าสูงสุดท่านจะมายุ่งกับเราทำไม” วิญญาณชั่วเหล่านั้นรู้ดีว่าพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า แล้วพระเยซูสั่งให้วิญญาณชั่วออกจากชายคนนั้น วิญญาณชั่วเหล่านั้นจึงเข้าไปสิงฝูงสุกรที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น พวกมันได้กระโจนจากหน้าผาสูงลงไปในทะเลตายหมดทั้งฝูง ประชาชนทั้งหลายจึงรู้ว่าพระองค์มีอำนาจเหนือผีมารซาตาน แม้แต่วิญญาณต่างๆ ก็ยังเกรงกลัวและเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์
รูปภาพที่ 22 พระเยซูขับไล่คนชั่ว
ลูกา 19:45-48, ยอห์น 2:13- 21
วันหนึ่งพระเยซูเข้าไปในวิหารของพระเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม ในนั้นมีพวกพ่อค้ามาขายสัตว์ต่างๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องถวายบูชา พวกเขาใช้เล่ห์กลหลอกลวงผู้อื่นเพื่อหากำไรให้กับตัวเอง พระเยซูจึงโกรธมากและกล่าวว่า “วิหารของเราควรจะเป็นสถานที่ภาวนาอธิษฐาน แต่เจ้าทั้งหลายมาทำให้เป็นถ้ำโจร” พระองค์จึงขับไล่พวกพ่อค้าผู้ชั่วร้ายและสัตว์ต่างๆ ออกไปนอกวิหาร พระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า มีฤทธิ์อำนาจที่จะขับไล่พวกคนชั่วให้พ้นไปจากวิหารอันบริสุทธิ์ของพระบิดาของพระองค์ แต่มีพวกยิวบางคนโกรธแค้นและพูดกับพระองค์ว่า “จงแสดงให้เราเห็นสิว่าเจ้ามีสิทธิ์อะไรที่ทำแบบนี้” พระเยซูตอบเขาไปว่า “ร่างกายของเราจะถูกทำลายและภายในสามวันเราจะเป็นขึ้นจากความตาย”
รูปภาพที่ 23 พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย
มัทธิว 27:33 - 28:1-20
พวกยิวได้ฆ่าพระเยซูโดยตรึงพระองค์บนไม้กางเขน แต่ในวันที่สามพระองค์ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย พระเจ้าได้มอบฤทธิ์อำนาจให้พระเยซูมีชัยชนะเหนือความตาย และพระองค์จะไม่ตายอีกเลย ดังนั้นผู้คนทั้งหลายได้เห็นว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้าจริงๆ พระเยซูบอกกับลูกศิษย์ของพระองค์ว่า “บรรดาฤทธิ์อำนาจทั้งสิ้นในโลกนี้และในสวรรค์ได้มอบไว้กับเราแล้ว เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้มาเป็นสาวกของเรา สอนเขาให้เชื่อฟังทุกสิ่งที่เราได้สั่งสอนพวกเจ้าไว้ และเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายตลอดไปเป็นนิจ” พระเยซูมีฤทธิ์อำนาจเหนือมารซาตาน ความผิดบาปและความตาย พระองค์จะมอบชีวิตฝ่ายวิญญาณให้แก่เราทุกคนที่เชื่อในพระองค์ และพระองค์อยากให้เราแบ่งปันข่าวดีนี้กับทุกคน
รูปภาพที่ 24 ทหารของพระเจ้า
เอเฟซัส 6:10-18
พระเยซูมีชัยชนะต่อมารซาตาน และพระองค์มอบฤทธิ์อำนาจให้เราต่อสู้กับมารซาตาน เราต้องเตรียมตัวไว้ให้เหมือนกับทหารที่พร้อมเข้าสู่สงคราม เราจำเป็นต้องสวมยุทธภัณฑ์ทั้งสิ้นของพระเจ้าให้ครบ ซึ่งมีดังนี้
เราต้องพูดความจริงเสมอ เหมือนเข็มขัดคาดเอ็ว เราต้องรักผู้อื่นและกระทำในสิ่งที่ชอบธรรม เหมือนกับเอาความชอบธรรมเป็นเสื้อเกราะป้องกันการโจมตีของมารซาตาน เราต้องประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขของพระเยซู เหมือนรองเท้าป้องกันเราไม่ให้ลื่นหกล้มเข้าสู่หนทางของมารซาตาน เราต้องวางใจในการปกป้องของพระเจ้า เหมือนโล่ห์ที่ป้องกันการโจมตีของมารซาตานได้ พระเยซูได้ช่วยให้เราพ้นจากโทษของความบาป เหมือนหมวกเหล็กป้องกันจิตวิญญาณของเราจากความพินาศชั่วนิรันดร์ พระคำของพระเจ้า(พระคัมภีร์) เป็นเหมือนดาบซึ่งใช้ทำลายคำหลอกลวงของมารซาตาน เราต้องวิงวอนต่อพระเจ้าในการอธิษฐานและเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ ในที่สุดเราจะเป็นผู้มีชัยชนะเหนือมารซาตาน ความบาปและความพินาศชั่วนิรันดร์ (ดนตรี)