ดู ฟัง แล้วรับชีวิต เล่มที่ 7 เรื่อง "พระเยซูเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด"
Útlínur: From Luke and John. 24 sections. It has a picture book to go along with the recording.
Handritsnúmer: 424
Tungumál: Thai
Þema: Sin and Satan (Judgement, Sin, disobedience); Christ (Resurrection of Jesus, Son of God, Saviour of Sinful Men, Birth of Christ, Death of Christ, Life of Christ, Authority); Eternal life (Salvation, Eternal / everlasting life); Character of God (Grace and Mercy, Nature, character of God, Word of God (the Bible), Power of God / Jesus); Living as a Christian (Worship, Second Birth, Peace with God, Forgiveness, Faith, trust, believe in Jesus, Spiritual Life, Christian values); Life event (Death); Bible timeline (Gospel, Good News); Problems (Sickness, Problems, troubles, worries)
Áhorfendur: General
Tilgangur: Teaching
Features: Monolog; Bible Stories
Staða: Approved
Forskriftir eru grunnleiðbeiningar fyrir þýðingar og upptökur á önnur tungumál. Þau ættu að vera aðlöguð eftir þörfum til að gera þau skiljanleg og viðeigandi fyrir hverja menningu og tungumál. Sum hugtök og hugtök sem notuð eru gætu þurft frekari skýringar eða jafnvel skipt út eða sleppt alveg.
Handritstexti
บทนำ
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ท่านจะเชื่อได้อย่างไรว่าพระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้าและเป็นผู้ที่มาจากพระเจ้า ซึ่งเป็นผู้ที่สามารถมอบชีวิตนิรันดร์ให้กับเราได้ การอัศจรรย์ต่างๆ ที่พระเยซูได้ทำนั้นแสดงให้เห็นว่าพระองค์เป็นเช่นนั้นจริง โปรดฟังจากเทปหรือซีดีและดูหนังสือรูป ภาพเล่มสีชมพูประกอบ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณโปรดดูรูปภาพถัดไป
รูปภาพที่ 1 การกำเนิดของพระเยซู
ยอห์น 1:1-14, ลูกา 2, โคโลสี 1:16
พระเยซูเกิดที่คอกสัตว์ในแผ่นดินอิสราเอลเมื่อนานมาแล้ว พระองค์ไม่ใช่ทารกธรรมดา ทั่วไป แต่เป็นเด็กทารกที่สำคัญมาก แม่ของพระองค์เป็นหญิงพรหมจรรย์ คือไม่เคยร่วมหลับนอนกับชายใดมาก่อนเลย นางชื่อมารีย์ แต่พ่อของพระองค์คือพระเจ้าผู้เที่ยงแท้สูงสุด พระเยซูเป็นอยู่กับพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม ก่อนที่จะลงมาเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์เป็นผู้สร้างโลกนี้และได้มอบจิตวิญญาณของพระเจ้าให้แก่มนุษย์คนแรกนั้น อย่างไรก็ตามมนุษย์สูญเสียจิตวิญญาณนั้นเพราะพวกเขาเลือกที่จะติดตามทางของมารซาตาน ซึ่งนำพวกเขาไปสู่ความตายแทนทางของพระเจ้า พระเยซูลงมายังโลกนี้ในสภาพของเด็กทารก เพื่อที่จะเปิดเผยหนทางของพระเจ้าแก่เราทั้งหลาย และเพื่อชี้ให้เราเห็นว่าเราจะกลับไปเป็นลูกของพระเจ้าอีกครั้งได้อย่างไร
รูปภาพที่ 2 พระเยซูเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น
ยอห์น 2:1-11
เมื่อพระเยซูเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ วันหนึ่งขณะที่พระองค์อยู่ในงานเลี้ยงแต่งงานพร้อมกับมารดาและสหายของพระองค์ นางมารีย์ทราบดีว่าพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า ดังนั้นเมื่อเหล้าองุ่นจวนจะหมด นางจึงรีบไปบอกพระเยซู และได้พูดกับคนรับใช้ว่า “จงทำตามที่ท่านผู้นี้สั่งเถิด” ที่นั่นมีโอ่งหินขนาดใหญ่อยู่หกใบ พระเยซูสั่งคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งหินให้เต็มทุกๆ ใบเถิด" พวกเขาก็ทำตามนั้น แล้วพระเยซูก็พูดกับพวกเขาอีกว่า "จงเทมันออกมาแล้วนำไปให้เจ้าภาพชิมดูซิ” น้ำในโอ่งหินทั้งหมดได้กลายเป็นน้ำองุ่นหมักอย่างดี แล้วสหายของพระองค์จึงเริ่มเห็นว่าฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ามีอยู่ในพระองค์ และพวกเขาก็เชื่อในพระองค์
รูปภาพที่ 3 พระเยซูพูดคุยกับนิโคเดมัส
ยอห์น 3:1-36
นิโคเดมัสเป็นครูที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เขาได้ยินว่าพระเยซูได้ทำการอัศจรรย์หลายอย่าง เขารู้แน่ว่าพระเยซูมาจากพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นเขาจึงไปหาพระเยซูในคืนวันหนึ่ง เพื่อไต่ถามพระองค์เกี่ยวกับเรื่องของพระเจ้า พระเยซูพูดกับเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้” นิโคเดมัสถามว่า “คนที่แก่เฒ่าแล้วจะเกิดใหม่ได้อย่างไร” และพระเยซูตอบนิโคเดมัสว่า เมื่อเด็กทารกเกิดจากท้องของมารดานั้นเขาก็ได้รับชีวิตฝ่ายร่างกาย มนุษย์นั้นจำเป็นต้องเกิดอีกครั้งฝ่ายวิญญาณจากพระเจ้าเพื่อจะได้รับชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ทุกคนที่เชื่อในพระเยซูจะบังเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่งและจิตวิญญาณของเขาจะมีชีวิตตลอดไป แต่ผู้ที่ไม่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ จิตวิญญาณของพวกเขาจะต้องตายและถูกลงโทษชั่วนิรันดร์
รูปภาพที่ 4 ข้าราชการคุกเข่าอ้อนวอนพระเยซู
ยอห์น 4:46-54
ท่านจะทำอย่างไรหากลูกชายของท่านป่วยหนัก ชายผู้นี้ได้เดินทางมาไกลเพื่อพบพระเยซู เขาเป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งสูง แต่เขาได้อ้อนวอนขอร้องพระเยซูว่า “ได้โปรดเถิด ขอให้ท่านมาก่อนที่ลูกของเราจะตาย” พระเยซูตอบว่า “กลับไปเถิด ลูกของท่านจะไม่ตาย” ข้าราชการผู้นั้นเชื่อฟังพระเยซูและกลับไปยังบ้านของตน ในขณะเมื่อเขากำลังเดินทางกลับนั้น คนรับใช้ของเขาได้มาพบกลางทางและแจ้งว่า ลูกชายของเขาหายป่วยและดีขึ้นแล้ว ลูกชายของข้าราชการซึ่งนอนป่วยอยู่ที่บ้านได้หายป่วยทันทีในเวลาเดียวกันกับที่พระเยซูได้พูดว่า “ลูกชายของท่านจะไม่ตาย” ข้าราชการผู้นั้นพร้อมทั้งครอบครัวเชื่อว่าพระองค์มาจากพระเจ้า
รูปภาพที่ 5 ชายป่วยข้างสระน้ำ
ยอห์น 5:1-47
ในกรุงเยรูซาเล็มมีสระน้ำแห่งหนึ่ง ผู้คนต่างเชื่อว่าน้ำในสระสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้เฉพาะเวลาบางช่วงเท่านั้น มีชายผู้หนึ่งนอนป่วยเป็นเวลา 38 ปีแล้ว และเมื่อพระเยซูเห็นชายผู้นั้นอยู่ที่ข้างสระน้ำจึงถามเขาว่า “เจ้าอยากหายจากโรคหรือ” ชายนั้นตอบว่า “ไม่มีใครยกข้าพระองค์ลงไปในสระน้ำ เมื่อถึงเวลานั้นเลย” พระเยซูพูดกับเขาว่า “จงลุกขึ้นยกแคร่ของเจ้าเดินไปเถิด” ทันใดนั้นชายคนนั้นก็หายเป็นปกติทันที มีบางคนในพวกยิวโกรธเคืองพระเยซูอย่างมาก เพราะพระเยซูรักษาชายคนนี้ในวันบริสุทธิ์ของพระเจ้า ซึ่งเป็นวันที่กำหนดให้พวกเขาทั้งหลายหยุดทำงานทุกอย่างเพื่อมานมัสการพระเจ้า พระเยซูพยายามแสดงให้พวกเขาเห็นว่า พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า และพระองค์มีสิทธิ์ที่จะทำการรักษาแม้เป็นวันของพระเจ้า แต่พวกเขาไม่เชื่อพระเยซู
รูปภาพที่ 6 พระเยซูเลี้ยงคน 5,000 คน
ยอห์น 6:1-15, 25-58
ประชาชนจำนวนมากได้ยินข่าวว่าพระเยซูรักษาคนป่วยได้ วันหนึ่งฝูงชนจำนวนมากได้ติดตามพระองค์ไปยังที่แห่งหนึ่ง เย็นวันนั้นพระเยซูพูดกับสาวกว่า “เราจะหาซื้ออาหารที่ไหนมาเลี้ยงคนเหล่านี้” สาวกคนหนึ่งตอบว่า “มีเด็กคนหนึ่งมีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว แต่มันไม่พอสำหรับคนจำนวนมากเช่นนี้” พระเยซูบอกให้ฝูงชนนั่ง แล้วพระองค์รับขนมปังกับปลานั้นมา เมื่อขอบคุณพระเจ้าแล้วจึงแจกอาหารเลี้ยงดูผู้คนเหล่านั้นด้วยขนมปังและปลาตามที่พวกเขาต้องการ พระเยซูกล่าวสั่งสอนประชาชนว่า “อย่าขวนขวายเพื่อหาอาหารที่จะเน่าเสียได้ แต่จงแสวงหาอาหารที่คงอยู่ถาวร นั่นคืออาหารแห่งชีวิตนิรันดร์ เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิวและผู้ที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย”
รูปภาพที่ 7 พระเยซูเดินบนน้ำ
ยอห์น 6:15-21
หลังจากที่พระเยซูเลี้ยงดูประชาชนแล้ว พระองค์สั่งให้สาวกของพระองค์กลับไปก่อน ส่วนพระองค์เองก็ปลีกตัวมาอธิษฐานตามลำพัง พวกสาวกได้ลงเรือเพื่อข้ามทะเลสาบไปยังอีกฟากหนึ่ง ขณะนั้นเป็นเวลามืดค่ำแล้ว และเกิดคลื่นลมทะเล พระเยซูเดินบนน้ำมาหาพวกสาวก พวกเขาต่างตกใจกลัวอย่างยิ่งเพราะพวกเขาเข้าใจว่าพระเยซูเป็น “ผี” พระเยซูจึงพูดกับพวกเขาว่า “เราเอง อย่ากลัวเลย” แล้วพระองค์ก็เดินเข้าไปในเรือของพวกเขา ทันใดนั้นคลื่นลมทะเลก็สงบลง เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พวกสาวกได้เห็นว่าพระเยซูมีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
รูปภาพที่ 8 พระเยซูรักษาคนตาบอด
ยอห์น 9:1-41
มีชายคนหนึ่งตาบอดมาแต่กำเนิด สาวกของพระเยซูต่างคิดว่าการที่เขาตาบอดเป็นเพราะบาปกรรมของเขาหรือจากพ่อแม่ของเขา แต่พระเยซูบอกพวกเขาว่าชายผู้นี้เกิดมาตาบอดเพื่อแผนการพิเศษ เพื่อให้คนทั้งหลายได้เห็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในการรักษาเขา แล้วพระเยซูก็บ้วนน้ำลายลงบนดินทำเป็นโคลนทาที่ตาของชายตาบอดคนนั้น แล้วพูดว่า "จงไปล้างโคลนออกเสีย" เมื่อชายผู้นั้นไปล้างโคลนออกแล้วตาของเขาก็หายบอด
พี่น้องที่รัก ชายผู้นี้ตาบอดฝ่ายร่างกาย แต่มนุษย์ทุกคนตกอยู่ในความมืดบอดฝ่ายจิตวิญญาณ ดังนั้นเราจึงมองไม่เห็นทางของพระเจ้า แต่พระเยซูพูดว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ติดตามเราจะไม่เดินอยู่ในความมืด แต่จะมีความสว่างในชีวิต”
รูปภาพที่ 9 พระเยซูเรียกลาซารัสขึ้นจากความตาย
ยอห์น 11:1-46
พระเยซูรักลาซารัสและพี่สาวของเขา (มารีย์กับมารธา) เมื่อลาซารัสป่วย พระเยซูไม่ได้ไปเยี่ยมเขาโดยทันที หลังจากนั้นหลายวันต่อมา พระเยซูพูดกับสาวกว่า “ลาซารัสเสียชีวิตแล้ว เรายินดีที่เราไม่ได้อยู่ที่นั่น เพื่อพวกท่านจะได้เชื่อในตัวเรา เราเดินทางไปหาเขากันเถิด” เมื่อพระเยซูเดินทางมาถึง ศพของลาซารัสถูกนำไปเก็บไว้ที่อุโมงค์ฝังศพได้สี่วันแล้ว พี่สาวทั้งสองคนรู้สึกเสียใจมากที่พระเยซูไม่ได้มารักษาน้องชายของพวกเธอ แต่พระเยซูพูดว่า “น้องชายของเจ้าจะฟื้นขึ้นอีก” พระเยซูสั่งให้คนเปิดอุโมงค์ฝังศพออกและสั่งว่า “ลาซารัสเอ๋ย จงออกมาเถิด” แล้วลาซารัสก็เดินออกมาทั้งที่ยังมีผ้าพันศพพันอยู่
ทุกคนที่เชื่อในพระเยซูจะได้รับชีวิตนิรันดร์ถึงแม้ร่างกายของเขาจะต้องตายในวันหนึ่ง ท่านเชื่อเช่นนั้นหรือไม่
รูปภาพที่ 10 พระเยซูตายบนไม้กางเขน
ยอห์น 18:1 - 19:42
การอัศจรรย์ต่างๆได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง แต่พวกผู้นำชาวยิวอิจฉาพระองค์ พวกเขาต้องการจะฆ่าพระองค์ พระเยซูได้บอกกับสาวก ว่าตัวพระองค์เองจะต้องตาย หลังจากนั้นพระองค์จะส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มาอยู่ท่าม กลางพวกเขา และนี่เป็นทางเดียวที่พระองค์จะสามารถนำคนทั้งหลายกลับมาหาพระเจ้าได้ ยูดาสเป็นสาวกคนหนึ่งของพระเยซูที่ได้ทรยศพระองค์ เขาได้ตกลงรับเงินสินบนจากผู้นำชาวยิว เพื่อแจ้งให้พวกเขารู้ว่าพระเยซูอยู่ที่ไหน และพวกเขาก็ได้มาจับตัวพระเยซูไป เปโตรและสาวกคนอื่นๆ ต่างก็หลบหนีไปด้วยความกลัว ฝ่ายผู้ปกครองเมืองไม่อาจหาความผิดที่จะปรักปรำ พระเยซู แต่พวกชาวยิวต่างร้องตะโกนว่า “ตรึงเขาเสีย ตรึงเขาเสีย” ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงได้ฆ่าบุตรที่รักของพระเจ้า ขณะนั้นมีโจรร้ายสองคนถูกตรึงบนไม้กางเขนพร้อมกันกับพระเยซู พวกเขาต่างถูกลงโทษตามความผิดของตน แต่พระเยซูต้องตายเพื่อความผิดบาปของท่านและข้าพเจ้า พระเยซูเป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้และไม่มีมลทินบาปเลย พระองค์ถูกฆ่าเพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของเราทุกคน
รูปภาพที่ 11 มารีย์และพระเยซูที่อุโมงค์ฝังศพ
ยอห์น 19:42- 20:18
ศพของพระเยซูถูกนำไปเก็บไว้ที่อุโมงค์ฝังศพ และมีหินก้อนใหญ่ปิดปากอุโมงค์ไว้ ในวันที่สามตอนเช้าตรู่ มารีย์มักดาลาได้ไปที่อุโมงค์ นางเห็นอุโมงค์ถูกเปิดออกและศพของพระเยซูก็หายไป มารีย์เสียใจยืนร้องไห้อยู่ นางก้มลงมองเข้าไปในอุโมงค์เห็นทูตสวรรค์ของพระเจ้าสององค์นั่งอยู่ตรงที่เคยวางศพของพระเยซู แล้วพระเยซูก็มาปรากฏตัวแก่มารีย์และพูดว่า “เจ้าตามหาผู้ใดหรือ” ฝ่ายมารีย์คิดว่าเป็นเสียงของคนเฝ้าสวน นางจึงถามเกี่ยวกับศพของพระเยซู พระเยซูพูดขึ้นว่า “มารีย์” ทันใดนั้นมารีย์จึงเห็นว่าเป็นพระเยซูที่ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว พระองค์พูดกับมารีย์ว่า “จงกลับไปหาพวกพี่น้องของเราและบอกข่าวนี้แก่พวกเขา ว่าเราได้เป็นขึ้นมาแล้ว” ความตายไม่อาจยับยั้งพระบุตรของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ได้
รูปภาพที่ 12 พระเยซูปรากฏแก่สาวกของพระองค์
ยอห์น 20:30 - 21:19
ก่อนที่พระเยซูจะถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง คือในวันนั้นพวกสาวกลงเรือออกไปจับปลา แต่พวกเขาจับปลาไม่ได้เลย เมื่อถึงเวลาเช้าก็มีชายคนหนึ่งยืนอยู่บนชายฝั่งทะเล แล้วเขาก็สั่งให้พวกสาวกทอดอวนลงไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งทำให้พวกสาวกได้ปลาเป็นจำนวนมาก ต่อมาพวกเขาต่างก็จำได้ว่าชายผู้นี้คือพระเยซูอาจารย์ของพวกตน พวกเขานำปลาทั้งหมดขึ้นฝั่ง ซึ่งพระเยซูได้เตรียมอาหารไว้ให้พวกเขาแล้ว หลังจากรับประทานอาหาร พระเยซูพูดคุยร่วมกับพวกเขา และพระองค์ยังพูดกับเปโตรที่เคยหนีจากพระองค์ไปในคืนที่พระองค์ถูกจับว่า “จงตามเรามา” พระองค์บอกให้เปโตรช่วยดูแลคนของพระองค์และสอนพวกเขาถึงเรื่องของพระองค์ พระเยซูอยากให้มนุษย์ทุกคนรู้เรื่องการอัศจรรย์ของพระองค์ เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า เพื่อพวกเขาจะติดตามพระองค์ และได้รับชีวิตนิรันดร์ (ดนตรี)
บทนำ
ท่านที่รัก พระเยซูเป็นผู้ไถ่บาปที่ยิ่งใหญ่ พระองค์ช่วยพวกเราให้พ้นจากอำนาจของบาปและสิ่งชั่วร้าย และพระองค์ยังช่วยให้เราได้รับชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์ โปรดฟังเรื่องราวต่อไปนี้ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ โปรดดูรูปภาพถัดไป
รูปภาพที่ 13 พระเยซูสั่งสอนสาวกสองคน
ลูกา 24:13-35
พวกยิวต่างก็หวังว่าพระเยซูจะสามารถช่วยพวกเขา ให้รอดจากอำนาจของผู้ปกครองชาวโรมันที่โหดร้าย แต่ผู้ปกครองก็ได้ฆ่าพระองค์บนไม้กางเขน นั่นทำให้ความหวังของพวกยิวสลาย หลังจากนั้นขณะที่สาวกของพระเยซูสองคนกำลังเดินทางกลับบ้าน ในทันใดนั้นพระเยซูก็มาปรากฏตัวแก่พวกเขา พวกเขาคิดว่าพระเยซูเป็นคนต่างถิ่นไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้กับพระเยซูฟัง แล้วพระเยซูก็ได้สอนพระคำของพระเจ้าให้กับพวกเขาฟังว่า โมเสสและผู้เผยพระวจนะได้บันทึกเรื่องราวของพระเยซูไว้ล่วงหน้าแล้วเป็นเวลาหลายร้อยปี ซึ่งคำทำนายนั้นกล่าวว่าจะมีผู้หนึ่งลงมาทนทุกข์ทรมานและเสียชีวิต แล้วยังเขียนบอกไว้อีกว่า ผู้นั้นจะเป็นขึ้นจากความตายเพื่อปกครองอาณาจักรของพระเจ้า ในขณะนั้นเองสาวกทั้งสองก็เข้าใจว่า พระคำของพระเจ้าตอนนี้ได้สำเร็จและกลายเป็นความจริงแล้ว! คนต่างถิ่นคนนี้คือพระเยซูนี่เอง! พระองค์ได้เป็นขึ้นมาแล้ว! เราเองก็ควรฟังสิ่งที่พระเยซูสั่งสอนแก่ประชาชนในช่วงเวลาที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้
รูปภาพที่ 14 บุตรผู้หลงหายในฝูงหมู
ลูกา 15:11-19
พระเยซูได้เล่าว่ามีชายคนหนึ่งซึ่งมีลูกชายสองคน ลูกชายคนเล็กได้พูดกับพ่อว่า “ขอสมบัติส่วนของข้าให้ข้าเถิด” ดังนั้นผู้เป็นพ่อจึงแบ่งทรัพย์สินของตนให้แก่ลูกชายทั้งสอง เมื่อลูกชายคนเล็กได้รับมรดกส่วนของตนแล้วก็ออกเดินทางไปยังเมืองไกล เขาได้ผลาญทรัพย์ของตนด้วยชีวิตเสเพล พอเขาหมดตัวพอดีเกิดการกันดารอาหารอย่างหนักทั่วเมืองนั้น และเขาเริ่มขัดสน ดังนั้นเขาจึงไปรับจ้างชาวเมืองคนหนึ่งและถูกใช้ให้ออกไปเลี้ยงหมูที่ทุ่งนา ดังที่ท่านเห็นในรูปภาพ ชายหนุ่มหิวมากจนอยากจะกินอาหารของหมู เขาจึงเริ่มคิดได้ว่าพวกลูกจ้างของพ่อมีอาหารกินเหลือเฟือ เขาจึงพูดกับตัวเองว่า “เราจะกลับไปหาพ่อแล้วพูดกับท่านว่า ‘คุณพ่อครับ ผมได้ทำผิดต่อพ่อ... ผมไม่สมควรที่จะเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป ขอโปรดรับผมไว้เป็นลูกจ้างคนหนึ่งของท่านเถิด"
รูปภาพที่ 15 บุตรผู้หลงหายกลับบ้าน
ลูกา 15:20-32
แล้วบุตรชายก็เดินทางกลับไปหาพ่อของตน ในขณะที่เขากำลังเดินมานั้น พ่อของเขามองเห็นและจำเขาได้จึงวิ่งเข้าไปสวมกอดและหอมแก้มบุตรชาย ผู้เป็นพ่อยังเรียกพวกคนรับใช้ให้นำเสื้อผ้าอย่างดีมาสวมให้ลูกชาย และให้จัดอาหารอย่างดีมาเลี้ยงต้อนรับเขา ผู้เป็นพ่อกล่าวว่า “โปรดมาร่วมยินดีกับเราเถิด เพราะว่าลูกชายของเราคนนี้ได้ตายไปแล้วแต่กลับเป็นขึ้นมาอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก"
พี่น้องที่รักทั้งหลาย พระเยซูสอนเราว่าพระเจ้าเปรียบเสมือนพ่อในเรื่องนี้ ส่วนพวกเราเปรียบเสมือนบุตรชายที่ได้ทำผิดบาปต่อพ่อและหลงหายไป แต่พระเจ้าก็ยังรักเราและรอคอยให้เรากลับมาหาพระองค์ ทรงพร้อมที่จะอภัยให้เรา พระเยซูเสด็จมาเพื่อไถ่เราจากความบาปและความตาย พระองค์เป็นหนทางที่จะนำเรากลับไปหาพระเจ้า
รูปภาพที่ 16 ทรัพย์สมบัติของเศรษฐีหนุ่ม
ลูกา 12:15, 21
พระเยซูเล่าเรื่องนี้ให้ประชาชนฟังว่า เศรษฐีคนหนึ่งไร่นาของเขาเกิดผลบริบูรณ์มาก ดังนั้นเขาจึงสร้างยุ้งฉางเพื่อเก็บผลผลิตทั้งหมดของตน เขาพูดกับตัวเองว่า “ข้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอสำหรับหลายปี ใช้ชีวิตให้สบาย กินดื่ม และรื่นเริงเถิด!” แต่พระเจ้าพูดกับเขาว่า “เจ้าคนโง่! ถ้าในคืนนี้เจ้าจะต้องตาย แล้วสิ่งที่เจ้าสะสมไว้เพื่อตัวเองนั้นจะตกเป็นของใครเล่า?” พระเยซูพูดอีกว่า “ระวังตัวให้ดี อย่าโลภ เพราะชีวิตที่แท้จริงนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับทรัพย์สมบัติที่คนมี มันก็จะเป็นอย่างนี้แหละ สำหรับคนที่ชอบสะสมความร่ำรวยให้กับตัวเอง สำหรับพระเจ้าแล้วเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย”
พี่น้องทั้งหลาย พระเจ้าพอใจเมื่อเห็นเราแบ่งปันสิ่งต่างๆ แก่คนยากจน พระองค์จะจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้แก่เราทุกอย่าง และพระองค์จะให้เราเป็นคนมั่งมีในแผ่นดินสวรรค์ด้วย จงแสวงหาพระเจ้าก่อน แล้วพระองค์จะจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้แก่ท่าน
รูปภาพที่ 17 คนขอทานกับเศรษฐี
ลูกา 16:19-31
พระเยซูเล่าเรื่องของเศรษฐีชาวยิวผู้มีทุกสิ่งที่เขาปรารถนา เศรษฐีผู้นั้นไม่ได้สนใจคนขอทานที่อยู่นอกบ้านของเขาเลย ในที่สุดขอทานคนนั้นก็ตาย จิตวิญญาณของเขาได้ไปอยู่ที่สุขสบายบนสวรรค์ ที่นั่นมีอับราฮัมบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาวยิวดูแลเขา ฝ่ายเศรษฐีเมื่อเขาเสียชีวิต เขาได้ไปอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน เศรษฐีร้องขออับราฮัมให้ส่งคนขอทานมาช่วยเหลือตน แต่อับราฮัมกล่าวว่า “ในระหว่างพวกเรากับพวกเจ้านั้นมีเหวลึกกั้นอยู่ ผู้ที่อยู่ในสวรรค์อยากข้ามไปหาพวกเจ้าก็ทำไม่ได้ และผู้ที่อยากข้ามมาอยู่กับพวกเรา(ในสวรรค์)ก็ทำไม่ได้เช่นกัน”
พี่น้องทั้งหลาย ถ้าเราอยากจะเข้าแผ่นดินสวรรค์หลังจากที่เราตาย เราจะต้องเดินตามทางของพระเจ้าตอนมีชีวิตอยู่ (ไม่ว่าเราจะร่ำรวยหรือยากจน) ดังนั้นขอให้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์แล้วท่านจะรอด
รูปภาพที่ 18 สหายที่อยู่ประตูบ้าน
ลูกา 11:5-13
ครั้งหนึ่งมีชายผู้หนึ่งไปที่บ้านของเพื่อนตอนเที่ยงคืน และพูดว่า “เพื่อนเอ๋ย ขอยืมขนมปังสักหน่อยเถิด เพราะเพื่อนของฉันคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาฉัน และฉันไม่มีอะไรให้เขากินเลย” ฝ่ายเพื่อนได้เข้านอนพร้อมกับลูกๆ แล้ว และเขาก็ไม่อยากจะลุกขึ้น แต่ชายผู้นั้นก็ไม่อายที่จะอ้อนวอนขอเขาอยู่ที่ประตู ในที่สุดเพื่อนของเขาจึงลุกขึ้นและเอาของให้ตามที่เขาต้องการ พระเยซูสัญญาว่า “ทุกคนที่ขอก็จะได้ ทุกคนที่หาก็จะพบ และทุกคนที่เคาะประตูก็จะเปิดให้” เพราะพระองค์เป็นพ่อที่ดีของเรา พระองค์อยากให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์แก่เรา และให้ทุกสิ่งที่จำเป็นแก่เราด้วย สิ่งที่เราต้องทำคือการอธิษฐานขอต่อพระองค์อยู่เสมอ
รูปภาพที่ 19 ชายสองคนในวิหารของพระเจ้า
ลูกา 18:9-14
พระเจ้าจะรับฟังคำอธิษฐานของผู้ใดบ้าง ชายคนหนึ่งในรูปภาพนี้เป็นคนเคร่งครัดศาสนาและเขาภาคภูมิใจในตัวเองมาก เขาบอกกับพระเจ้าว่าเขาดีกว่าคนอื่น แต่ท่านคิดว่าพระเจ้าจะพอใจชายผู้นี้หรือไม่? ส่วนชายอีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี เขาเคยยักยอกเงินของชาวบ้าน เขารู้ตัวดีว่าพระเจ้าไม่พอใจในตัวเขา เขาตีอกตัวเองและก้มหัวลงด้วยความอับอาย เขาอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า "ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดเมตตาแก่ข้าพระองค์ผู้เป็นคนบาปเถิด!" พระเยซูพูดว่า พระเจ้าจะรับฟังคำอธิษฐานของคนเช่นนี้ และพระองค์จะอภัยความผิดบาปของเขา พระเจ้าต่อต้านผู้ที่หยิ่งยะโสแต่จะทรงช่วยเหลือผู้ที่มีใจถ่อม
รูปภาพที่ 20 ชายผู้หว่านเมล็ดพืช
ลูกา 8:4-8
พระเยซูได้สั่งสอนประชาชนว่า “มีชาวไร่คนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช บางเมล็ดตกบนทางเดิน แล้วฝูงนกก็มากินไปหมด บางเมล็ดตกบนหิน เมื่องอกขึ้นมาก็เหี่ยวเฉาไปเพราะขาดความชุ่มชื้น บางเมล็ดก็ตกกลางพงหนาม ถูกหนามงอกขึ้นมาปกคลุม แต่ยังมีบางเมล็ดตกบนดินดี มันงอกขึ้นเกิดผลร้อยเท่า” พระเยซูพูดกับประชาชนว่า “ใครมีหูก็จงฟังเถิด” มีคนจำนวนมากได้ฟังเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่เข้าใจความหมาย แล้วท่านล่ะ ท่านเข้าใจความหมายของเรื่องนี้ไหม?
รูปภาพที่ 21 เมล็ดพืชงอกงาม
ลูกา 8:9 -15
สาวกของพระเยซูคนหนึ่งได้ถามพระเยซูว่า ความหมายของเรื่องผู้หว่านเมล็ดพืชคืออะไร ดังนั้นพระองค์จึงตอบว่า “เมล็ดพืชนั้นคือพระคำของพระเจ้า ที่ตกบนหนทางคือผู้ที่ได้ยินข่าวประเสริฐ แต่มารซาตานได้มาแย่งชิงเอาพระคำนั้นไปจากใจของเขา เพื่อไม่ให้เขาเชื่อและได้รับความรอด ส่วนเมล็ดที่ตกบนหินได้แก่คนที่ได้ยินพระคำแล้วก็เชื่อทันที แต่เมื่อพบการทดลองพวกเขาก็หลงไป เมล็ดที่ตกกลางพงหนามคือผู้เชื่อที่ภายหลังถูกครอบงำด้วยความกระวนกระวาย ความมั่งคั่งร่ำรวย และการรื่นรมย์ต่างๆ เมล็ดที่ตกบนดินดีอุดมสมบูรณ์ พืชก็งอกเจริญเติบโตขึ้นและเกิดผลเป็นอันมาก เปรียบเหมือนกับผู้ที่ได้ยินได้ฟังพระคำของพระเจ้าและปฏิบัติตามแล้วจึงเกิดผลเป็นอันมาก”
พี่น้องทั้งหลาย ท่านจะรับเอาพระคำของพระเจ้าเหมือนอย่างดินชนิดใด? ท่านจะเป็นผู้ไม่ยอมเชื่อฟังและหลงทางไปไหม? หรือท่านจะเชื่อฟังพระคำนั้นและใช้ชีวิตให้เป็นที่พอใจของพระเจ้า?
รูปภาพที่ 22 ชายผู้บาดเจ็บได้รับการช่วยเหลือ
ลูกา 10:25-37
เราจะเชื่ออย่างมั่นใจได้อย่างไรว่า เราจะได้รับความรอดและมีชีวิตนิรันดร์? พระคัมภีร์สอนเราไว้ว่าเราจะต้องรักพระเจ้า และรักเพื่อนบ้านของเราด้วย แต่ใครคือเพื่อนบ้านที่เราควรจะรัก? พระเยซูยกอุปมาเรื่องหนึ่งเล่าให้ประชาชนฟังว่า มีชายคนหนึ่งกำลังเดินทางไปยังเมืองหนึ่ง ระหว่างทางมีโจรมาปล้นเอาทรัพย์สินของเขาไปหมดและทำร้ายเขาจนเกือบตาย หลังจากนั้นมีชายที่เคร่งครัดศาสนาเดินผ่านมาเห็นชายที่บาดเจ็บนั้น แต่เขาก็ไม่เข้าไปช่วยเหลือ ต่อมามีชายผู้เคร่งศาสนาอีกคนเดินทางผ่านมาก็ทำเช่นเดียวกัน แต่มีชายต่างเมืองคนหนึ่งเดินทางผ่านมา เมื่อเขาพบชายที่บาดเจ็บเขาก็รู้สึกสงสารจึงเข้าไปเอาผ้าพันแผลให้ และให้ผู้บาดเจ็บขี่ลาของตนพาไปในเมืองเพื่อขอความช่วยเหลือ พระเยซูสอนว่า ถ้าเรารักพระเจ้าเราก็ควรแสดงความรักของเราแก่ทุกๆ คนที่ต้องการความช่วยเหลือ
รูปภาพที่ 23 เมื่อเจ้าของบ้านกลับมา
ลูกา 12 : 35-48
ท่านยังจำได้ไหมว่า พระเยซูได้เป็นขึ้นมาจากความตายอีกครั้งหลังจากที่ตายไปแล้ว มีผู้คนจำนวนมากได้เห็นพระองค์ก่อนที่พระองค์จะถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ พระเยซูบอกพวกเขาว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้ง พระองค์กล่าวว่าเราควรเป็นเหมือนชายที่เฝ้ารอเจ้านายของตนกลับมา พวกเราต่างก็ไม่รู้ว่าพระเยซูจะกลับมาเมื่อไร เราควรมีชีวิตรับใช้พระองค์และเตรียมพร้อมที่จะต้อนรับเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา พระองค์จะเตรียมงานเลี้ยงฉลองสำหรับพวกเราทุกๆ คน ซึ่งจะเป็นเวลาแห่งความสุขและความชื่นชมยินดี พระเยซูเตือนให้เรารู้ว่า ผู้รับใช้จำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ถ้าเขาได้จัดการบ้านเรือนของเจ้านายให้เรียบร้อยและดูแลพวกคนงานอย่างดีแล้ว เขาก็จะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ แต่ถ้าพวกเขาได้เฆี่ยนตีคนงานและเมาเหล้าองุ่น โทษที่พวกเขาจะได้รับนั้นก็ใหญ่หลวงเช่นเดียวกัน
รูปภาพที่ 24 ชายบนต้นไม้
ลูกา 19:1-10
พระเยซูสามารถช่วยได้ทุกคนไม่ว่าเราจะเป็นใคร ลองฟังเรื่องนี้ดูสิ ศักเคียสเป็นคนเก็บภาษีที่ร่ำรวยผู้หนึ่งเพราะเขาขโมยและยักยอกเงินของผู้อื่น เขาอยากจะเห็นพระเยซูแต่เขาเป็นคนเตี้ยมาก และขณะนั้นก็มีฝูงชนแออัดจำนวนมาก ดังนั้นศักเคียสจึงปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้เพื่อจะได้มองเห็นพระเยซู เมื่อพระเยซูเดินผ่านมาพระองค์มองขึ้นไปบนต้นไม้แล้วพูดว่า "ศักเคียสจงรีบลงมาเถิด เพราะเราจะไปพักบ้านท่านในวันนี้" ประชาชนที่อยู่ใกล้พระองค์ต่างก็แปลกใจยิ่งนัก เพราะศักเคียสเป็นคนบาป อย่างไรก็ตามศักเคียสก็ได้ลงมาและต้อนรับพระเยซูอย่างชื่นชมยินดี เขาบอกพระองค์ว่าเขาจะกลับตัวกลับใจและหันจากทางชั่วร้าย พระเยซูพูดว่า "วันนี้ความรอดมาถึงครอบครัวนี้แล้ว" พระเยซูมาเพื่อตามหาและช่วยผู้ที่หลงหายจากทางของพระเจ้า (ดนตรี)