ดู ฟัง แล้วรับชีวิต เล่มที่ 2 เรื่อง "ผู้ได้รับอำนาจจากพระเจ้า"
Ուրվագիծ: Jacob, Joseph, Moses. 24 sections. It has a picture book to go along with the recording.
Սցենարի համարը: 419
Լեզու: Thai
Թեմա: Sin and Satan (Deliverance, Judgement, Sin, disobedience); Christ (Jesus, Our Substitute, Sacrifice / Atonement); Eternal life (Salvation); Character of God (Nature, character of God, Word of God (the Bible)); Living as a Christian (Obedience, No other gods, idols, Forgiveness, Faith, trust, believe in Jesus); Bible timeline (Law of God, Gospel, Good News); Problems (Problems, troubles, worries)
Հանդիսատես: General
Ոճ: Monolog
Ժանր: Bible Stories & Teac
Նպատակը: Teaching
Աստվածաշնչի մեջբերում: Extensive
Կարգավիճակ: Approved
Սցենարները հիմնական ուղեցույցներ են այլ լեզուներով թարգմանության և ձայնագրման համար: Դրանք պետք է հարմարեցվեն ըստ անհրաժեշտության, որպեսզի դրանք հասկանալի և համապատասխան լինեն յուրաքանչյուր տարբեր մշակույթի և լեզվի համար: Օգտագործված որոշ տերմիններ և հասկացություններ կարող են ավելի շատ բացատրության կարիք ունենալ կամ նույնիսկ փոխարինվել կամ ամբողջությամբ բաց թողնել:
Սցենարի տեքստ
บทนำ
สวัสดี... ท่านผู้ฟังที่รัก ท่านรู้จักพระเจ้าผู้เที่ยงแท้เพียงพระองค์เดียวไหม? เราจะมาศึกษาถึงชีวิตคนที่รู้จักและติดตามพระเจ้าองค์นี้ ขอให้ท่านฟังและดูรูปภาพเล่มสีส้มประกอบ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณโปรดดูรูปภาพถัดไป
รูปภาพที่ 1 สองพี่น้อง
ปฐมกาล 25:20-34, 27:1-29
ภาพนี้เป็นภาพของสองพี่น้องกำลังต่อรองอะไรกันบางอย่าง พี่ชายคนโตชื่อเอซาวมีความชำนาญในการล่าสัตว์ น้องชายชื่อยาโคบ วันหนึ่งยาโคบได้ทำอาหารอย่างดีแต่เขาไม่ยอมแบ่งให้เอซาวกิน เมื่อเอซาวขอกิน ยาโคบจึงพูดว่า “พี่ต้องขายสิทธิบุตรหัวปีให้ฉันก่อนซิ” ยาโคบพูดเช่นนี้เพราะเขาอยากได้สิทธิ์ในการรับมรดกของครอบครัว ซึ่งลูกชายคนโตจะเป็นผู้ได้รับ เอซาวคิดถึงแต่ตัวเองที่กำลังหิวโดยไม่สนใจสิทธิบุตรหัวปี ฉะนั้นเอซาวจึงขายสิทธิบุตรหัวปีเพื่อแลกกับอาหารเพียงมื้อเดียว
ชื่อของยาโคบมีความหมายว่า “หลอกลวง” และลักษณะของยาโคบก็เป็นคนที่ชอบใช้เล่ห์กลโกงผู้อื่น ภายหลังยาโคบได้ใช้เล่ห์กลหลอกลวงพ่อของตนด้วย
รูปภาพที่ 2 ความฝันของยาโคบ
ปฐมกาล 28:10-22
เอซาวโกรธแค้นยาโคบมากและต้องการจะฆ่าเขา ดังนั้นยาโคบจึงต้องหนีออกจากบ้าน เพื่อหนีการปองร้ายของเอซาวพี่ชายของตน ในรูปภาพยาโคบฝันว่าได้เห็นพระเจ้าบนสวรรค์และทูตของพระเจ้ากำลังลงมาในโลก พระเจ้าพูดกับยาโคบว่า “เราจะยกผืนแผ่นดินนี้ให้แก่เจ้าและลูกหลานของเจ้า ผู้คนทั้งหลายบนโลกนี้จะได้รับพระพรเพราะเจ้า เราจะอยู่กับเจ้าและคุ้มครองเจ้าทุกหนทุกแห่งที่เจ้าไป” พระเจ้ารู้ดีว่ายาโคบเป็นคนคดโกงแต่พระองค์ก็รักยาโคบและต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเขา ดังนั้นพระเจ้าจึงได้สัญญากับยาโคบเช่นนี้
รูปภาพที่ 3 ยาโคบกับลาบัน
ปฐมกาล 29:1 - 31: 55
แม้ยาโคบมักใช้เล่ห์กลกับคนอื่น แต่บางครั้งเขาก็ถูกคนอื่นใช้เล่ห์กลกับตัวเขาด้วยเช่นกัน ยาโคบหนีการปองร้ายจากพี่ชายไปทำงานอยู่กับลาบันลุงของตน ยาโคบหลงรักและอยากแต่งงานกับราเชลลูกสาวคนรองของลาบัน เขาจึงตกลงทำงานให้ลาบันเจ็ดปี เพื่อเป็นค่าสินสอดสำหรับราเชล แต่ลาบันใช้เล่ห์กลหลอกยาโคบให้แต่งงานกับลูกสาวคนโต หลังจากนั้นลาบันสัญญาจะยกราเชลให้ถ้ายาโคบตกลงทำงานให้เขาต่อไปอีกเจ็ดปี
ต่อมายาโคบก็ใช้เล่ห์กลกับลาบันบ้าง ทำให้เขาได้รับฝูงสัตว์ที่สมบูรณ์แข็งแรงจากฝูงสัตว์ของลาบัน วันหนึ่งพระเจ้าพูดกับยาโคบว่า “จงกลับไปยังดินแดนบรรพบุรุษของเจ้า”
รูปภาพที่ 4 ยาโคบพบกับพระเจ้า
ปฐมกาล 32:1-32
ยาโคบปรารถนาที่จะกลับไปยังบ้านเกิดของตน แต่เขาก็ยังกลัวเอซาวอยู่ เพราะผู้ที่หลอกลวงผู้อื่นมักจะกลัวถูกแก้แค้น คืนหนึ่งระหว่างเดินทางกลับบ้านเกิด มีชายคนหนึ่งปล้ำสู้กับยาโคบจนถึงเวลารุ่งสาง ชายผู้นั้นได้ทำให้กระดูกข้อต่อสะโพกของยาโคบเคล็ด ยาโคบรู้ว่าชายผู้นั้นมาจากพระเจ้าและรู้ตัวดีว่าตนไม่มีกำลังจะสู้ต่อไปแล้ว แต่เขาก็ยังพูดว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ยอมปล่อยท่านไป จนกว่าท่านจะอวยพรให้ข้าพเจ้า” ชายผู้นั้นจึงพูดกับยาโคบว่า “เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโคบต่อไป แต่จะเรียกว่า อิสราเอล” อิสราเอลมีความหมายว่า “ปล้ำสู้กับพระเจ้า” พระเจ้าทำให้ยาโคบคนเจ้าเล่ห์อ่อนกำลังลง เพื่อจะเปลี่ยนแปลงเขาให้เป็นผู้มีเกียรติ อิสราเอลหรือยาโคบได้กลับไปหาครอบครัวที่บ้านเกิดอย่างสันติ ต่อมาเขาได้กลายเป็นบิดาแห่งชนชาติที่ยิ่งใหญ่ที่นับถือพระเจ้า
พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเราหลอกลวงผู้อื่นเราก็ได้ขัดแย้งกับวิถีทางของพระเจ้า แต่พระเจ้าก็ได้ส่งผู้หนึ่งมาเพื่อเปลี่ยนแปลงเรา ท่านผู้นี้ก็คือพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า
รูปภาพที่ 5 ความฝันของโยเซฟ
ปฐมกาล 37:1-11
พระเจ้าเปลี่ยนชื่อยาโคบเป็นอิสราเอล เขามีลูกชาย 12 คน ลูกชายคนโปรดของเขาคือโยเซฟ ยาโคบให้เสื้อคลุมที่สวยงามแก่โยเซฟ ทำให้พี่ชายคนอื่นๆ อิจฉาเขา คืนหนึ่งโยเซฟฝันถึงเรื่องประหลาด เขาเล่าให้พวกพี่ชายฟังว่า “ฉันฝันว่าพวกเรากำลังเกี่ยวข้าวอยู่ในนา ทันใดนั้นมัดฟ่อนข้าวของพวกพี่ๆ ก็เข้ามาล้อมรอบและกราบไหว้มัดฟ่อนข้าวของฉัน” พวกพี่ชายต่างโกรธเคืองโยเซฟมาก เพราะความฝันนั้นมีหมายความว่าพวกตนจะต้องก้มกราบผู้เป็นน้อง พวกพี่ชายต่างก็เกลียดชังโยเซฟและหาทางที่จะกำจัดเขาเสีย
รูปภาพที่ 6 โยเซฟถูกขายไปเป็นทาส
ปฐมกาล 37:12-36
พวกพี่ชายของโยเซฟไปเฝ้าฝูงสัตว์ของบิดาอยู่แดนไกล ยาโคบพูดกับโยเซฟว่า “พ่ออยากให้เจ้าไปดูพี่ชายของเจ้าและฝูงสัตว์ซิว่าสบายดีหรือไม่” เมื่อพวกพี่ชายเห็นโยเซฟเดินมาแต่ไกล พวกเขาก็วางแผนจะฆ่าโยเซฟ พวกเขาถอดเสื้อคลุมของโยเซฟออกแล้วจับเขาโยนลงในบ่อร้าง แต่พี่ชายคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ถ้าเราฆ่าโยเซฟเราก็จะไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าเราขายเขาไปเป็นทาสเราก็จะได้เงินด้วย” เวลานั้นมีคาราวานพ่อค้าเดินทางผ่านมา พวกพี่ชายจึงขายโยเซฟเป็นเงิน 20 เหรียญ จากนั้นพวกเขาเอาเสื้อคลุมของโยเซฟจุ่มเลือดแพะแล้วนำไปให้บิดาดู ยาโคบคิดว่าโยเซฟถูกสัตว์ร้ายฆ่าตายแล้ว เขาจึงโศกเศร้ามากที่ต้องสูญเสียลูกรักไป
รูปภาพที่ 7 โยเซฟกับหญิงชั่ว
ปฐมกาล 39:1-20
พวกพ่อค้าได้ขายโยเซฟไปในประเทศอียิปต์ โยเซฟจึงตกเป็นทาสของข้าราชการชาวอียิปต์คนหนึ่งชื่อโปทิฟาร์ แต่พระเจ้าสถิตอยู่กับโยเซฟ ทุกสิ่งที่เขาทำจึงประสบความ สำเร็จ เวลาต่อมาเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รับผิดชอบดูแลงานในบ้านทุกอย่างแทนนาย โยเซฟเป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีทำให้ภรรยาของโปทิฟาร์หลงรัก วันหนึ่งนางพยายามให้โยเซฟร่วมหลับนอนกับนาง แต่โยเซฟรู้ว่าเป็นสิ่งผิดจึงไม่ยอมทำตามคำเชิญชวนของนาง โยเซฟพยายามวิ่งหนีออกมา แต่ภรรยาของโปทิฟาร์ได้คว้าเอาเสื้อคลุมของโยเซฟไว้ นางนำเสื้อคลุมของโยเซฟไปให้โปทิฟาร์และกล่าวหาโยเซฟว่าพยายามข่มขืนตน โปทิฟาร์เชื่อคำกล่าวหาของภรรยา จึงสั่งจำคุกโยเซฟ
รูปภาพที่ 8 โยเซฟในคุก
ปฐมกาล 39:20 - 40:23
พระเจ้าสถิตอยู่กับโยเซฟในคุก จากนั้นไม่นานโยเซฟได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่ควบคุมนักโทษคนอื่นๆ ทั้งหมด ในเวลานั้นมีหัวหน้าคนรับใช้และพนักงานทำขนมปังของกษัตริย์อียิปต์ถูกจำคุกด้วย คืนหนึ่งพวกเขาฝันถึงเรื่องประหลาด โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “พระเจ้าเท่านั้นที่จะแก้ฝันได้ ขอท่านจงเล่าความฝันของท่านให้เราฟังเถิด” ดังนั้นหัวหน้าคนรับใช้ของกษัตริย์จึงเล่าความฝันให้โยเซฟฟังว่า “เราฝันเห็นเถาองุ่น เถาองุ่นนั้นมีสามกิ่ง เราได้เก็บองุ่นจากเถา คั้นเอาน้ำองุ่นใส่ในจอกของกษัตริย์ แล้วนำไปให้กษัตริย์ดื่ม” โยเซฟได้ทำนายความฝันของหัวหน้าคนรับใช้ว่าอีกสามวันกษัตริย์จะอภัยโทษให้ และเขาจะได้กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม ส่วนพนักงานทำขนมปังก็ได้เล่าความฝันของตนให้โยเซฟฟังเช่นกัน แต่ความฝันของเขามีความหมายว่าอีกสามวันเขาจะถูกประหารชีวิต แล้วเหตุการณ์ก็ได้เป็นจริงตามที่พระเจ้าได้เปิดเผยแก่โยเซฟทุกประการ หัวหน้าคนรับใช้ได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระ และพนักงานทำขนมปังถูกประหารชีวิต ส่วนโยเซฟก็ยังคงอยู่ในคุกต่อไปอีกสองปี
รูปภาพที่ 9 ความฝันของกษัตริย์อียิปต์
ปฐมกาล 41:1-45
เวลาต่อมากษัตริย์ของอียิปต์ฝันเห็นวัวตัวอ้วนพีเจ็ดตัวยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ แล้วมีวัวผอมซูบน่าเกลียดอีกเจ็ดตัวขึ้นจากแม่น้ำมากินวัวตัวอ้วนพีทั้งหมด ไม่มีโหราจารย์คนใดสามารถทำนายความฝันของกษัตริย์ครั้งนี้ได้ หัวหน้าคนรับใช้ของกษัตริย์จึงเล่าเรื่องของโยเซฟที่อยู่ในคุกให้กษัตริย์ฟัง กษัตริย์จึงรับสั่งให้โยเซฟออกจากคุก โยเซฟบอกกษัตริย์ดังนี้ว่า “การแก้ฝันมิได้อยู่ที่ข้าพระบาท พระเจ้าต่างหากเป็นผู้บอกให้ท่านทราบถึงแผนการของพระเจ้า ว่าจะมีอาหารอุดมทั่วแผ่นดินอียิปต์เป็นเวลาเจ็ดปี แต่หลังจากนั้นจะเกิดกันดารอาหารอย่างหนักอีกเจ็ดปี” กษัตริย์อียิปต์เห็นว่าพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่กับโยเซฟ ดังนั้นพระองค์จึงแต่งตั้งโยเซฟให้เป็นผู้บริหารเหนือแผ่นดินอียิปต์
รูปภาพที่ 10 โยเซฟปกครองประเทศอียิปต์
ปฐมกาล 41:47 - 42:28
ในเจ็ดปีที่มีความอุดมสมบูรณ์โยเซฟได้จัดเก็บสะสมเสบียงสำรองในแผ่นดินไว้มาก มาย เมื่อเกิดกันดารอาหารเจ็ดปี เขาได้ขายเสบียงเหล่านั้นให้แก่ประชาชน การกันดารอาหารอย่างรุนแรงได้แผ่ไปทั่วรวมทั้งแผ่นดินคานาอัน พี่ชายทั้งสิบคนของโยเซฟเดินทางมายังอียิปต์เพื่อขอซื้ออาหาร พวกเขาไม่รู้ว่าผู้นำของประเทศอียิปต์คือโยเซฟ ส่วนโยเซฟจำพวกพี่ชายได้แต่ทำเป็นไม่รู้จัก เพื่อจะลองใจพวกพี่ชาย โยเซฟจึงกล่าวหาพวกเขาว่าเป็นคนสอดแนมและสั่งจำคุกพวกเขาสามวัน ต่อมาโยเซฟพูดกับพวกพี่ชายว่า “เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าพวกท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกท่านจะต้องนำน้องคนสุดท้องมายืนยันแก่เรา” แล้วโยเซฟได้กักขังพี่ชายคนหนึ่งไว้เป็นตัวประกันและปล่อยให้คนอื่นๆ นำอาหารกลับไปยังครอบครัว
รูปภาพที่ 11 โยเซฟเปิดเผยตัวเองแก่พวกพี่ชาย
ปฐมกาล 43:1 - 45:28
พี่ชายของโยเซฟกลัวและไม่กล้ากลับไปที่ประเทศอียิปต์ แต่ไม่นานพวกเขาก็ต้องการอาหารเพิ่ม ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องนำตัวเบนยามินน้องคนสุดท้องไปหาโยเซฟ โยเซฟก็ยังคงไม่เปิดเผยความจริงให้พวกพี่ชายรู้และอนุญาตให้พวกเขานำอาหารกลับบ้าน แต่โยเซฟได้ซ่อนจอกเงินของตนไว้ในกระสอบข้าว และส่งคนรับใช้ไปกล่าวหาว่าพวกเขาได้ขโมยของมีค่ามาด้วย พวกพี่ชายต่างหวาดกลัวเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงก้มกราบขออภัยโทษต่อโยเซฟเหมือนดังที่โยเซฟเคยฝัน โยเซฟไม่อาจปิดปังความจริงได้อีกต่อไป เขากอดเบนยามินแล้วร้องไห้พร้อมกับกล่าวว่า “เราคือโยเซฟน้องชายที่พวกท่านได้ขายไป” พวกพี่ชายได้กลับไปบ้านและบอกบิดาว่า “โยเซฟยังมีชีวิตอยู่ และยังได้เป็นผู้ปกครองเหนือแผ่นดินอียิปต์”
รูปภาพที่ 12 ยาโคบและโยเซฟในอียิปต์
ปฐมกาล 45:28 - 50: 26
ยาโคบนำครอบครัวพร้อมกับทรัพย์สมบัติทั้งหมดไปอาศัยอยู่ในอียิปต์เมื่อชรามากแล้ว ยาโคบดีใจมากที่ได้พบโยเซฟบุตรที่รักของตนอีกครั้งหนึ่ง เขาวางมือบนศีรษะและกล่าวคำอวยพรแก่บุตรชายทั้งสองของโยเซฟ ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชนชาติอิสราเอล ยาโคบเสียชีวิตในประเทศอียิปต์ ภายหลังพวกพี่ชายของโยเซฟรู้สึกกลัวความผิดที่เคยกระทำแก่โยเซฟ แต่โยเซฟกล่าวกับพวกเขาว่า “อย่าได้กลัวเลยถึงแม้ว่าพวกพี่ได้คิดร้ายต่อเราก็จริง แต่พระเจ้าทำให้เกิดผลดีเพื่อช่วยชีวิตคนเป็นอันมาก”
พี่น้องที่รักทั้งหลาย มีผู้หนึ่งในสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่กว่าโยเซฟ ท่านผู้นั้นคือพระเยซูคริสต์เจ้า คนชั่วได้ฆ่าพระองค์ แต่พระเจ้าได้เปลี่ยนการกระทำที่ชั่วร้ายนั้นให้กลายเป็นผลดีแก่คนทั้งปวง พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์ชนะความตายแล้ว ดังนั้นผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าจะยกโทษความผิดบาปของเขาที่ได้ทำผิดต่อพระองค์ และรวมทั้งความผิดบาปที่เขาได้กระทำต่อผู้อื่น พระเยซูคริสต์สามารถช่วยเราให้รอดพ้นจากการพิพากษาลงโทษชั่วนิรันดร์ (ดนตรี)
บทนำ 2
โมเสสเป็นผู้นำของชนชาติอิสราเอล เขาได้ช่วยชาวอิสราเอลชนชาติของพระเจ้าให้รอดพ้นจากการเป็นทาส ชีวิตของโมเสสได้สะท้อนให้เราเห็นถึงภาพของชายผู้หนึ่งซึ่งสามารถช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอดพ้นจากการตกเป็นทาสของมารซาตานได้ ขอให้ท่านฟังเรื่องราวและดูภาพประกอบจากหนังสือรูปภาพเล่มสีส้ม เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณโปรดดูภาพถัดไป
รูปภาพที่ 13 ทารกน้อยโมเสส
อพยพ 2:1-10
โมเสสเป็นคนเชื้อชาติอิสราเอลเกิดในประเทศอียิปต์หลังสมัยของโยเซฟประมาณ 300 ปี ขณะนั้นกษัตริย์ของอียิปต์ได้ปฏิบัติต่อชาวอิสราเอลอย่างทารุณโหดร้าย พระองค์บังคับชาวอิสราเอลให้ทำงานเยี่ยงทาส และยังสั่งหมอตำแยขณะทำคลอดให้ฆ่าเด็กชาวอิสราเอลที่เกิดเป็นผู้ชาย ตอนโมเสสเกิดแม่ของเขาได้ซ่อนเขาไว้ จากนั้นนางได้นำโมเสสใส่ในตระกร้าแล้วซ่อนในโพรงหญ้าริมแม่น้ำ และให้มิเรียมพี่สาวของโมเสสเฝ้าคอยระวังอยู่ห่างๆ เมื่อพระธิดาของกษัตริย์มาอาบน้ำที่แม่น้ำ พระนางก็ได้พบเด็กน้อยโมเสสในตระกร้า ด้วยความเมตตาสงสารพระนางจึงรับเด็กน้อยโมเสสไปเลี้ยง โมเสสเติบโตในพระราชวังของกษัตริย์อียิปต์และได้รับการศึกษาเล่าเรียนตามธรรมเนียมประเพณีของชาวอียิปต์ทุกประการ
รูปภาพที่ 14 โมเสสกับพุ่มไม้ไฟ
อพยพ 2:11 - 4:17
วันหนึ่งโมเสสเห็นคนอียิปต์กำลังทำร้ายทาสชาวอิสราเอล โมเสสต้องการช่วยคนชนชาติเดียวกันกับตนจึงฆ่าคนอียิปต์นั้นเสีย ด้วยเหตุนี้เองโมเสสจึงต้องหลบหนีการลง โทษของกษัตริย์ เขาได้หนีไปอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารซึ่งเรียกว่า “ซีนาย” เป็นเวลานานถึง 40 ปี อยู่มาวันหนึ่งโมเสสได้พบเหตุการณ์ที่น่าประหลาดมาก เขาเห็นพุ่มไม้ซึ่งมีไฟกำลังลุกโชนอยู่ แต่พุ่มไม้นั้นไม่มอดไหม้ แล้วพระเจ้าพูดกับโมเสสผ่านทางพุ่มไม้นั้นว่า “เราได้เห็นความทุกข์ยากของประชากรของเราในอียิปต์แล้ว ดังนั้นเราจะใช้เจ้าไปเฝ้ากษัตริย์อียิปต์เพื่อเจ้าจะได้นำประชากรของเราออกมาจากประเทศนั้น”
รูปภาพที่ 15 โมเสสกลับมาหากษัตริย์
อพยพ 3:11 - 10:29
โมเสสคิดว่าเขาไม่สามารถทำตามสิ่งที่พระเจ้าสั่งได้ แต่เขาก็ไว้วางใจพระเจ้า และกลับไปยังประเทศอียิปต์พร้อมกับอาโรนพี่ชายของเขา พวกเขาทูลกษัตริย์ว่า “พระเจ้าของชาวอิสราเอลสั่งว่า จงปล่อยประชากรของเราไป” แต่กษัตริย์ตอบว่า “เราไม่เคยรู้จักพระเจ้าองค์นั้น และเราก็จะไม่ปล่อยชาวอิสราเอลไป” ดังนั้นพระเจ้าจึงพูดกับโมเสสว่า “บอกอาโรนให้เอาไม้เท้าโยนลงต่อหน้ากษัตริย์ แล้วมันจะกลายเป็นงู” อาโรนทำตามที่พระเจ้าสั่ง แล้วกษัตริย์อียิปต์ก็ได้เห็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า แต่กษัตริย์ก็ยังไม่ยอมปล่อยชาวอิสราเอล พระเจ้าทำการอัศจรรย์หลายอย่าง พระองค์ทำให้เกิดโรคระบาดและภัยพิบัติต่างๆ แก่ชาวอียิปต์ เปลี่ยนน้ำให้เป็นเลือด ดังนั้นประชาชนจึงไม่มีน้ำดื่ม ให้เกิดภัยพิบัติจากฝูงกบ ฝูงเหลือบ ริ้น ตั๊กแตน ให้ลูกเห็บตกลงมาถูกชาวอียิปต์และฝูงสัตว์ตายมากมาย อย่างไรก็ตามกษัตริย์ก็ยังไม่ยอมปล่อยทาสชาวอิสราเอลให้เป็นอิสระ
รูปภาพที่ 16 การสังเวยลูกแกะ
อพยพ 12: 1-36
พระเจ้าได้พูดกับโมเสสอีกครั้งว่า “จงบอกชาวอิสราเอลทุกครอบครัวให้ฆ่าลูกแกะของตนแล้วนำเลือดทาไว้ที่ไม้วงกบประตูทั้งสองข้างและไม้ด้านบนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ เราจะไปทั่วแผ่นดินอียิปต์ และจะประหารบุตรชายหัวปีทุกคน เมื่อเราเห็นเลือดที่ขอบประตูหน้าบ้านใด เราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป เราจะไม่ทำอันตรายพวกเจ้า” แล้วพระเจ้าก็ได้ทำตามที่พระองค์ได้พูดไว้ทุกประการ บุตรหัวปีของชาวอียิปต์จึงตายทุกคน แต่บุตรหัวปีของชาวอิสราเอลมีชีวิตรอดปลอดภัย แล้วกษัตริย์ได้เรียกโมเสสมาเข้าเฝ้าและพูดว่า “เจ้าและประชาชนของเจ้าจงออกไปจากอียิปต์เสียโดยเร็ว ไปนมัสการพระเจ้าของเจ้าตามที่เจ้าต้องการเถิด”
รูปภาพที่ 17 ข้ามทะเลแดง
อพยพ 13:17 - 14:31
โมเสสนำชาวอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ พระเจ้านำทางพวกเขาโดยเสาเมฆและเสาเพลิง แต่ชาวอียิปต์กลับโกรธแค้นที่ต้องสูญเสียทาสไป ดังนั้นกษัตริย์และทหารจึงไล่ติดตามชาวอิสราเอลเพื่อจะนำพวกเขากลับมายังอียิปต์อีกครั้ง ชาวอิสราเอลเดินทางมาถึงทะเลแดงและไม่สามารถข้ามไปได้ พวกเขาจึงไม่มีทางที่จะหนีอีกต่อไป ขณะเดียวกันชาวอียิปต์ก็กำลังไล่ตามมาใกล้ โมเสสพูดกับประชาชนว่า “ไม่ต้องตกใจกลัว วันนี้ท่านจะได้เห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้า พระองค์จะช่วยเหลือพวกท่านให้รอด” แล้วพระเจ้าได้แหวกทะเลออกเป็นทางแห้งเพื่อให้ชาวอิสราเอลเดินข้ามไป ชาวอียิปต์ไล่ตามพวกเขาไปกลางทะเล ทันใดนั้นน้ำทะเลก็ไหลกลับมาท่วมชาวอียิปต์ตายทั้งหมด ชาวอิสราเอลจึงรอดปลอดภัย
รูปภาพที่ 18 อาหารและน้ำในถิ่นทุรกันดาร
อพยพ 16:1 - 17:7
โมเสสนำชนชาติอิสราเอลไปถึงถิ่นทุรกันดาร พวกเขาไม่มีอาหารเพียงพอ ดังนั้นพระเจ้าจึงประทานอาหารซึ่งมีลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆ คล้ายขนมปังตกตามพื้นดินเรียกว่า มานาให้แก่พวกเขาทุกๆ เช้า ส่วนตอนเย็นพระเจ้าประทานนกคุ่มให้เป็นอาหาร เมื่อประชาชน ขาดน้ำดื่มพระเจ้าพูดกับโมเสสว่า “จงใช้ไม้เท้าตีโขดหิน และจะมีน้ำออกมาจากหินเพื่อประชาชนจะได้ดื่มกิน” พระเจ้าเลี้ยงดูและคุ้มครองชาวอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา นานถึง 40 ปี
รูปภาพที่ 19 โมเสสขึ้นไปเฝ้าพระเจ้าบนภูเขา
อพยพ 19:1-20:21, 24:12-18, 34:1-10
ชนชาติอิสราเอลเดินทางมาถึงภูเขาซีนาย พระเจ้าได้ลงมาสถิตอยู่บนภูเขานี้ด้วยเสียงฟ้าแลบฟ้าร้อง ทั้งมีเมฆและเปลวไฟ พระเจ้าได้พูดกับโมเสสว่า “เราคือพระเจ้าของเจ้า อย่ามีพระเจ้าอื่นนอกเหนือจากเรา อย่ากราบไหว้หรือนมัสการรูปเคารพต่างๆ อย่าเอ่ยนามของเราอย่างไม่สมควร จงถือวันที่เจ็ดเป็นวันบริสุทธิ์ของพระเจ้า เจ้าจงให้เกียรติและนับถือบิดามารดาของตน อย่าฆ่าคน อย่าคบชู้ผัวเมียเขา อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จใส่ความผู้อื่น อย่าโลภอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง” แล้วพระเจ้าจารึกพระบัญญัติทั้งหมดนี้ลงบนแผ่นหิน โมเสสได้นำแผ่นหินนั้นลงมาจากภูเขาและบอกแก่ประชาชนของพระเจ้า
รูปภาพที่ 20 งูทองสัมฤทธิ์
กันดารวิถี 21:4-9; เฉลยธรรมบัญญัติ 18:18
ต่อมาชาวอิสราเอลได้บ่นต่อว่าพระเจ้าเพราะเบื่ออาหารที่พระองค์ประทานให้กับพวกเขา พระเจ้าจึงลงโทษพวกเขาโดยส่งงูพิษมากัด ชาวอิสราเอลถูกงูกัดตายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นประชาชนจึงมาขอความช่วยเหลือจากโมเสส โมเสสจึงได้อธิษฐานเผื่อพวกเขา พระเจ้าพูดกับโมเสสว่า “จงทำรูปงูจำลองขึ้นแล้วติดไว้ที่เสา ให้ทุกคนที่ถูกงูกัดหันมองดูแล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ได้” โมเสสจึงได้ทำรูปงูทองสัมฤทธิ์ขึ้น เพื่อคนที่มองดูจะมีชีวิตรอด โมเสสเป็นทั้งผู้เผยพระวจนะ (ผู้พูดแทนพระเจ้า) และผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล เขาเป็นผู้นำประชากรของพระเจ้าระหว่างการเดินทางในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลานานถึง 40 ปี ก่อนที่โมเสสจะเสียชีวิตพระเจ้าพูดกับเขาว่า “เราจะส่งผู้เผยพระวจนะอีกคนหนึ่งเหมือนอย่างเจ้าจากชาวอิสราเอลและเขาจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างแก่ประชาชนตามที่เราจะสั่งเขา”
รูปภาพที่ 21 พระเยซูเลี้ยงดูประชาชน
ยอห์น 6:1-58
เป็นเวลานานหลายปีที่ชนชาติอิสราเอลเฝ้ารอคอย ผู้ที่พระเจ้าจะประทานให้ที่มีลักษณะเหมือนโมเสส จนในที่สุดพระเยซูคริสต์ก็ได้ลงมาบังเกิดในแผ่นดินอิสราเอล พระองค์ได้สั่งสอนประชาชนถึงเรื่องของพระเจ้าอย่างที่โมเสสเคยทำมาแล้ว ประชาชนมากมายได้พากันออกไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อฟังพระคำจากพระองค์ เมื่อพวกเขาหิวแต่ไม่มีอาหารกิน ที่นั่นเด็กชายคนหนึ่งมีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว พระเยซูรับขนมปังกับปลานั้นมา เมื่ออธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้าแล้วพระองค์ก็ได้เลี้ยงดูประชาชนทั้งหลายด้วยอาหารนั้น ในครั้งนั้นมีคนมากกว่า 5,000 คน พวกเขาต่างพูดกันว่า “แท้จริงแล้วท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะนั้นที่พระเจ้ากำหนดให้มาในโลก” พระเยซูพูดกับพวกเขาว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิวและผู้ที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย”
รูปภาพที่ 22 พระเยซูสนทนากับโมเสส
ลูกา 9:28-36
โมเสสและเอลียาห์เป็นผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า ทั้งสองมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และพระเจ้ารับไปอยู่กับพระองค์หลายร้อยปีก่อนที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาในโลก อยู่มาวันหนึ่งเขาทั้งสองได้มาปรากฏตัวต่อพระเยซูคริสต์บนภูเขาแห่งหนึ่ง ทั้งสามมีรัศมีเปล่งประกายออกมา ในเวลานั้นพระเยซูทราบดีว่าวาระสุดท้ายของพระองค์ใกล้ถึงกำหนดแล้ว พระองค์ได้พูดคุยสนทนากับโมเสสและเอลียาห์ถึงเรื่องความตายของพระองค์ ซึ่งมีสาวกสามคนของพระเยซูได้ยินคำสนทนานี้ หลังจากนั้นมีกลุ่มเมฆมาปกคลุมโมเสส เอลียาห์และพระเยซูไว้ แล้วมีพระสุรเสียงของพระเจ้าออกมาจากกลุ่มเมฆนั้นว่า “นี่คือบุตรของเราจงเชื่อฟังท่านเถิด” เมื่อสิ้นเสียงนั้นแล้วสาวกทั้งสามก็มองเห็นแต่พระเยซูคริสต์เท่านั้น
รูปภาพที่ 23 พระเยซูคริสต์เสียสละชีวิตเพื่อเรา
ยอห์น 3:14-16
ชนชาติอิสราเอลต่างก็ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังคำของพระเยซูและฆ่าพระองค์ โดยทหารได้จับพระองค์ตรึงบนไม้กางเขนพร้อมกับโจรสองคน โจรสองคนนั้นเป็นผู้ร้ายฆ่าคน แต่พระเยซูไม่มีบาปเลย อย่างไรก็ตามเราทุกคนต่างก็เคยทำผิดบาป และสมควรได้รับการลงโทษให้พินาศชั่วนิรันดร์ แต่เพราะพระเจ้ารักมนุษย์ทุกคน พระองค์ไม่อยากเห็นวิญญาณของเราต้องพินาศ ดังนั้นพระองค์จึงส่งพระเยซูพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ลงมาชำระความผิดบาปของเรา ซึ่งในสมัยของโมเสสนั้นเลือดแกะเป็นสัญลักษณ์ของการเสียสละเพื่อปกป้องชาวอิสราเอลให้รอดพ้นจากความตาย พระเยซูเป็นลูกแกะของพระเจ้า พระองค์ยอมตายเพื่อไถ่บาปของเราทุกคน เลือดของพระองค์เป็นค่าไถ่สำหรับความบาปของเรา ผู้ที่มองดูพระเยซูด้วยความหวังจะได้รับความรอด เหมือนดังที่โมเสสได้ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใดพระเยซูจะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่เชื่อและวางใจในพระองค์จะได้มีชีวิตนิรันดร์
รูปภาพที่ 24 พระเยซูคริสต์ในสวรรค์
กิจการ 1:6-11
ศพของพระเยซูถูกฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพแห่งหนึ่ง แต่ในวันที่สามพระเยซูได้เป็นขึ้นมาจากความตาย และมีผู้คนมากมายได้พูดคุยกับพระองค์ หลังจากนั้น 40 วันพวกเขาได้เห็นพระเยซูถูกรับขึ้นไปสู่สวรรค์เหมือนดังที่ท่านได้เห็นในรูปภาพนี้ ทุกวันนี้พระเยซูจึงเป็นพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ โมเสสเป็นผู้นำและผู้เผยพระวจนะ (ผู้พูดแทนพระเจ้า) ที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า แต่พระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ยิ่งใหญ่กว่าโมเสสมากมายนัก โมเสสนำชนชาติอิสราเอลข้ามทะเลแดงพวกเขาจึงรอดตาย แต่พระเยซูมาเพื่อช่วยมนุษย์ทุกคนที่เชื่อในพระองค์ให้ได้รับความรอด สักวันหนึ่งพระเยซูคริสต์จะกลับมายังโลกนี้อีกครั้ง เพื่อมารับผู้ที่เชื่อในพระองค์ให้ไปอยู่กับพระองค์ในแผ่นดินสวรรค์
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ท่านพร้อมที่จะไปอยู่กับพระเยซูหรือยัง? พระองค์อาจจะเสด็จมาในวันนี้ก็เป็นได้ ! “จงเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้าแล้วท่านจะได้รับความรอด” (ดนตรี)