ดู ฟัง แล้วรับชีวิต เล่มที่ 1 เรื่อง "เริ่มต้นกับพระเจ้า"
Omrids: Adam, Noah, Job, Abraham. 24 sections. It has a picture book to go along with the recording. This is a Simple, Long version.
Script nummer: 418
Sprog: Thai
Tema: Sin and Satan (Judgement, Sin, disobedience, Satan (the devil)); Christ (Sacrifice / Atonement); Eternal life (Salvation); Character of God (Grace and Mercy, Nature, character of God, Word of God (the Bible)); Living as a Christian (Worship, Obedience, Faith, trust, believe in Jesus); Bible timeline (Creation, Prophecy, fulfillment of, Gospel, Good News); Problems (Problems, troubles, worries)
Publikum: General
Formål: Teaching
Features: Monolog; Bible Stories; Extensive Scripture
Status: Approved
Scripts er grundlæggende retningslinjer for oversættelse og optagelse til andre sprog. De bør tilpasses efter behov for at gøre dem forståelige og relevante for hver kultur og sprog. Nogle anvendte termer og begreber kan have behov for mere forklaring eller endda blive erstattet eller helt udeladt.
Script tekst
บทนำ
สวัสดี… ผู้ฟังทุกท่าน ขอเชิญท่านมาเรียนรู้เรื่องราวชีวิตของมนุษย์ยุคแรกที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ ชีวิตของคนเหล่านี้ จะสอนเราให้เรียนรู้เรื่องราวของพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงพระองค์เดียวได้เป็นอย่างดี โปรดดูรูปภาพในเล่มสีแดงประกอบ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณโปรดดูรูปภาพถัดไป
รูปภาพที่ 1 อาดัมและสัตว์ต่างๆ
ปฐมกาล 1:1-2:14
ตั้งแต่แรกเริ่ม มีเพียงพระเจ้าองค์เดียวผู้เป็นอยู่ก่อนที่จะมีโลกและสรรพสิ่งทั้งปวง พระองค์เป็นวิญญาณ(ที่เราไม่สามารถมองเห็น) พระองค์มีฤทธิ์อำนาจสูงสุด รอบรู้ในทุกสิ่ง และสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง
พระเจ้าสร้างทุกสิ่งที่อยู่บนพื้นโลกและบนท้องฟ้า พระองค์สร้างมนุษย์คนแรกเป็นชายจากผงคลีดินและระบายลมปราณเข้าทางจมูกของเขา ดังนั้นมนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิตซึ่งมีจิตวิญญาณที่สามารถรู้จักพระเจ้าได้ (ความคิดและความปรารถนาทุกอย่างของเขาอยู่ในทางของพระเจ้า) พระเจ้าเรียกชายผู้นี้ว่า อาดัม (แปลว่ามนุษย์) อาดัมตั้งชื่อสัตว์ทุกชนิดที่พระเจ้าสร้าง (พระเจ้าสร้างวิญญาณทุกดวง รวมทั้งทูตสวรรค์ทุกองค์ที่อยู่ในสวรรค์) ทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างนั้นล้วนเป็นสิ่งประเสริฐ
รูปภาพที่ 2 ภรรยาสำหรับอาดัม
ปฐมกาล 2:15-25
พระเจ้าให้อาดัมอาศัยอยู่ในสวนที่อุดมสมบูรณ์และให้ดูแลรักษาสวน ในสวนแห่งนี้มีสัตว์ทุกชนิดทั้งตัวผู้และตัวเมีย แต่อาดัมยังไม่มีคู่ชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเขา ดังนั้นพระเจ้าจึงทำให้อาดัมหลับสนิทแล้วชักกระดูกซี่โครงของเขาออกมาซี่หนึ่ง จากกระดูกซี่นั้นพระเจ้าได้สร้างให้เป็นหญิงและมอบหญิงนั้นให้เป็นคู่ของเขา ทั้งสองต่างเปลือยกายอยู่อย่างไม่อายกัน พวกเขาสนทนากับพระองค์เหมือนดังมิตรสหาย ไม่มีความทุกข์ ความโศกเศร้าเสียใจ ความตายหรือความชั่วใดๆ ในสวนบริสุทธิ์แห่งนี้
รูปภาพที่ 3 งูในสวนเอเดน
ปฐมกาล 3:1-8
พระเจ้าพูดกับอาดัมว่า “เจ้ากินผลไม้ในสวนนี้ได้ทุกต้น ยกเว้นผลของต้นไม้แห่งความสำนึกดีและชั่ว เราห้ามเจ้าไม่ให้กิน เพราะเมื่อใดที่เจ้ากินเจ้าจะต้องตาย”
มารซาตานเคยเป็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้า แต่ต่อมามันต่อต้านพระเจ้าและกลายเป็นศัตรูของพระองค์ มารซาตานมาหาหญิงนั้นในร่างของงู มันชักจูงหญิงนั้นให้กินผลไม้ที่พระเจ้าสั่งห้าม มันโกหกว่าถ้ากินผลไม้นี้แล้วจะไม่ตายอย่างที่พระเจ้าบอก หญิงนั้นหลงเชื่อคำของมารซาตานจึงกินผลไม้นั้นและยังแบ่งให้อาดัมสามีของเธอกินด้วย เขาทั้งสองไม่เชื่อฟังคำสั่งห้ามของพระเจ้า ความสัมพันธ์ที่เคยมีกับพระเจ้าก็ถูกทำลายลง พวกเขาเกิดความรู้สึกอับอายเมื่อรู้ว่าตัวเองเปลือยกายอยู่ และพยายามซ่อนตัวจากพระเจ้า
รูปภาพที่ 4 อาดัมและเอวาออกจากสวนเอเดน
ปฐมกาล 3:9-24
พระเจ้าขับไล่อาดัมและหญิงนั้นออกจากสวนของพระองค์ พระเจ้าพูดกับอาดัมว่า “เพราะเจ้ากินผลจากต้นไม้นั้นแผ่นดินนี้จึงถูกสาปเพราะตัวเจ้า และเจ้าจะต้องทำงานหนักเพื่อจะได้พืชผลจากแผ่นดินเป็นอาหาร” พระเจ้าพูดกับหญิงนั้นว่า “เราจะเพิ่มความเจ็บปวดในการคลอดลูกให้แก่เจ้า” ส่วนงูนั้นพระองค์พูดว่า “เพราะเหตุที่เจ้าทำเช่นนี้เจ้าจึงถูกสาปแช่ง เจ้าจะต้องเลื้อยไปด้วยท้อง” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมางูจึงกลายเป็นศัตรูของมนุษย์ อาดัมตั้งชื่อหญิงนั้นว่าเอวา (หมายถึงชีวิต) ลูกหลานของเอวาเป็นบรรพบุรุษของเราทุกคน
เราทั้งหลายถูกแยกจากพระเจ้าและไม่เชื่อฟังคำของพระองค์เช่นเดียวกับอาดัม แต่พระเจ้าสัญญาว่าวันหนึ่งพระองค์จะส่งผู้หนึ่งมา ซึ่งผู้นั้นจะมีชัยชนะเหนือมารซาตานและสามารถนำเราทั้งหลายคืนดีกับพระเจ้า ท่านผู้นั้นคือพระเยซูคริสต์เจ้า
รูปภาพที่ 5 โนอาห์กับเรือลำใหญ่
ปฐมกาล 6:1-22
คนทั้งหลายผู้เป็นลูกหลานของอาดัมได้ดำเนินชีวิตตามทางของมารซาตาน มีเพียงชายผู้เดียวเท่านั้นที่พระเจ้าโปรดปรานเพราะเขามีความเชื่อในพระองค์ ชายผู้นี้คือโนอาห์ พระเจ้าพูดกับโนอาห์ว่า “เราตัดสิน ใจที่จะทำลายมนุษย์ทุกคน เพราะโลกเต็มไปด้วยการกระทำที่ชั่วร้าย เราจะส่งน้ำมาท่วมโลกเพื่อทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เจ้าจงสร้างเรือลำใหญ่ แล้วจงเข้าไปในเรือนั้นพร้อมกับภรรยา ลูกชายทั้งสามและลูกสะใภ้ของเจ้า รวมทั้งสัตว์ทุกชนิดอย่างละคู่ เพื่อจะมีชีวิตรอด” โนอาห์ทำตามคำสั่งของพระเจ้าทุกประการ
รูปภาพที่ 6 น้ำท่วมโลก
ปฐมกาล 7:1-24
โนอาห์ได้กล่าวเตือนประชาชนถึงเรื่องที่พระเจ้าจะทำลายล้างพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ยอมหันกลับจากความชั่วร้าย ดังนั้นโนอาห์กับครอบครัวและสัตว์ต่างๆ ชนิดละหนึ่งคู่ก็เข้าไปอยู่ในเรือลำใหญ่ แล้วพระเจ้าได้ปิดประตูเรือ จากนั้นฝนก็เริ่มตกอย่างหนักตลอดสี่สิบวันสี่สิบคืนพร้อมทั้งน้ำบาดาลก็ผุดขึ้นมาจากใต้ดินด้วย น้ำเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมแผ่นดินโลกทั้งหมด มนุษย์ทุกคน สัตว์ทุกชนิดรวมทั้งนกในอากาศถูกน้ำท่วมตายหมด มีเพียงโนอาห์ ครอบครัวของเขาและบรรดาสัตว์ที่อยู่ในเรือเท่านั้นที่รอดชีวิต
รูปภาพที่ 7 รุ้งกินน้ำและคำสัญญาของพระเจ้า
ปฐมกาล 8:13-22
หนึ่งปีต่อมาน้ำก็แห้งจากแผ่นดิน โนอาห์และครอบครัวพร้อมกับสัตว์ต่างๆได้ออกจากเรือลำใหญ่ โนอาห์ได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าและพระองค์ทรงพอพระทัย พระเจ้าได้ตั้งรุ้งกินน้ำไว้บนท้องฟ้า พระองค์พูดว่า “เราจะไม่ทำลายโลกด้วยการให้น้ำท่วมอีก และเมื่อใดก็ตามที่รุ้งปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า เราจะระลึกถึงคำมั่นสัญญาของเรากับเจ้า”
พี่น้องทั้งหลาย เมื่อใดที่ท่านมองเห็นรุ้งกินน้ำ ท่านจงระลึกเถิดว่าพระเจ้าจะพิพากษาโลกนี้อีกครั้ง ซึ่งครั้งต่อไปนั้นพระองค์จะพิพากษาโลกด้วยไฟ อย่างไรก็ตามผู้ที่เชื่อและทำตามคำสั่งสอนของพระเจ้าไม่ต้องกลัว เพราะพระเจ้าโปรดให้เรามีทางหลีกเลี่ยง ทางนั้นคือพระเยซูคริสต์เจ้า
รูปภาพที่ 8 หอบาเบล
ปฐมกาล 11:1-9
ลูกชายของโนอาห์ต่างก็มีลูกหลานหลายคน ต่อมาได้ทวีจำนวนมากขึ้น พระเจ้าสั่งให้พวกเขาแยกย้ายไปอยู่ในที่ต่างๆ บนแผ่นดินโลก แต่พวกเขาไม่ต้องการแยกจากกัน พวกเขาร่วมมือกันสร้างเมืองและหอคอยให้มียอดสูงเทียมฟ้า เพื่อจะได้มีชื่อเสียง พระเจ้ามองลงมาเห็นการไม่เชื่อฟังและจิตใจที่หยิ่งยโสของพวกเขา พระองค์พูดว่า “ดูเถิดคนเหล่านี้เป็นชนชาติเดียว ภาษาเดียว เขาตั้งใจทำอะไรเขาก็ทำได้ทั้งนั้น เราจะลงไปทำให้ภาษาของเขาวุ่นวายต่างกันไป”
ในรูปภาพนี้ เราจะเห็นว่าพวกเขาพูดกันไม่รู้เรื่อง พวกเขาจึงเลิกสร้างเมืองและกระจัดกระจายไปอยู่ทั่วแผ่นดิน ดังนั้นการไม่เชื่อฟังของมนุษย์จึงเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์มีหลายภาษา และการไม่เชื่อฟังนี้เองยังมีผลทำให้แต่ละคนแยกจากกันและแยกจากพระเจ้า
รูปภาพที่ 9 โยบนมัสการพระเจ้า
โยบ 1:1-12
ชายในรูปนี้ชื่อโยบ เขานมัสการพระเจ้าและถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าผู้เที่ยงแท้องค์เดียว และเขาไม่ได้เดินอยู่ในทางของมารซาตาน โยบมีลูกหลายคน มีคนรับใช้และฝูงสัตว์ พระเจ้าทำให้โยบร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติมากมาย
วันหนึ่งพระเจ้าพูดกับมารซาตานว่าพระองค์พอใจในตัวโยบมาก แต่มารซาตานพูดว่าโยบนมัสการพระเจ้าเพราะพระองค์ทำให้เขาร่ำรวย มันพูดกับพระเจ้าอีกว่า “หากพระองค์เรียกเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดคืนจากโยบ เขาจะแช่งด่าพระองค์แน่” พระเจ้ารู้ดีว่ามารซาตานพูดโกหก พระองค์รู้ว่าโยบจะยังคงนมัสการพระองค์แม้ว่าเขาจะเป็นคนยากจน ดังนั้นพระเจ้าจึงได้อนุญาตให้มารซาตานยึดเอาทรัพย์สมบัติทุกอย่างของโยบไปเพื่อจะพิสูจน์ว่าโยบเป็นคนดี
รูปภาพที่ 10 โยบโศกเศร้า
โยบ 1:13-22
วันหนึ่งคนรับใช้ของโยบนำข่าวร้ายมาแจ้งแก่เขา ว่าศัตรูของเขาได้มาปล้นเอาฝูงวัว ฝูงลาแล้วยังฆ่าคนเลี้ยงสัตว์ตายหมด อีกทั้งฟ้ายังผ่าฝูงแกะรวมทั้งคนเลี้ยงแกะตายหมด และฝูงอูฐทั้งหมดของเขาก็ถูกโจรปล้นเอาไป คนรับใช้อีกคนหนึ่งนำข่าวร้ายที่สุดมาแจ้งแก่โยบอีกว่า “ขณะที่ลูกๆ ของท่านกำลังเลี้ยงฉลองกันอยู่ มีลมพายุพัดแรงจนทำให้บ้านล้มทับพวกเขาเสียชีวิตทั้งหมด” โยบลุกขึ้นโกนหัวของตน กราบลงถึงดินและพูดว่า “พระเจ้าประทานให้และพระเจ้าเอาไปเสีย ขอให้พระนามของพระองค์จงเป็นที่สรรเสริญเถิด” ตลอดเวลาที่โยบพบเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ เขาไม่เคยต่อว่าหรือแช่งด่าพระเจ้าแต่อย่างใด
รูปภาพที่ 11 โยบทนทุกข์ทรมาน
โยบ 2:1-41:34
มารซาตานพูดกับพระเจ้าว่า “ถ้าพระองค์ทำให้ตัวโยบเจ็บป่วย เขาจะแช่งพระองค์แน่” พระเจ้าจึงอนุญาตให้มารซาตานทดสอบโยบอีกครั้งหนึ่ง มารซาตานทำให้โยบเป็นฝีเต็มตัว ภรรยาของโยบพูดกับโยบว่า “ท่านจงแช่งพระเจ้า และตายเสียเถอะ” โยบปฏิเสธคำแนะนำนั้นและพูดว่า “เราจะรับแต่สิ่งดีจากพระเจ้า และจะไม่รับสิ่งไม่ดีบ้างหรือ” เพื่อนของโยบสามคนมาเยี่ยมและพูดคุยกับเขาอยู่หลายวัน พวกเขาต่างบอกกับโยบว่าพระเจ้ากำลังลงโทษเขาเพราะความผิดบาปที่เขาเคยทำ หลังจากนั้นพระเจ้าได้ปรากฏแก่เพื่อนของโยบ พระองค์สำแดงให้พวกเขารู้ว่าความทุกข์ทรมารที่เกิดกับโยบนั้นไม่ได้เกิดจากความบาปที่โยบทำ แต่เพื่อสำแดงพระสิริของพระเจ้าและให้โยบเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามากขึ้น
รูปภาพที่ 12 โยบกลับคืนสู่สภาพดี
โยบ 42:1-17
เมื่อโยบได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เขารู้สึกละอายใจที่ได้สงสัยในพระองค์และพูดถึงแต่ความดีงามของตัวเอง โยบอธิษฐานเผื่อเพื่อนๆ ของเขา เพราะพวกเขาต่างไม่เข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้า ต่อมาพระเจ้าให้โยบกลับมามีสุขภาพดีและมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากมายอีกครั้ง เพื่อนๆ ของโยบมาร่วมงานเลี้ยงพร้อมทั้งนำของขวัญต่างๆ มามอบให้เขา พระเจ้าได้ประทานลูกชายให้โยบอีกเจ็ดคน และลูกสาวอีกสามคน โยบมีชีวิตยืนยาวได้เห็นลูกหลานมากมาย และเสียชีวิตตอนแก่หง่อมทีเดียว
พี่น้องที่รัก พระเจ้ารู้ว่าทำไมเราจึงต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากในชีวิต โปรดจำไว้ว่าพระเจ้ารักเราและอยากให้เราได้รับสิ่งที่ดีที่สุด พระองค์ต้องการให้เราวางใจในพระเยซูคริสต์เจ้าเพื่อเราจะได้มีชัยชนะเหนือมารซาตาน (ดนตรี)
บทนำ 2
มีชายคนหนึ่งที่ท่านควรรู้จัก ชายผู้นี้ชื่ออับราม เขาเป็นผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าและหลายคนได้รับพระพรจากพระเจ้าผ่านชีวิตของเขา เมื่อท่านได้ยินเสียงสัญญาณโปรดดูรูปภาพถัดไป
รูปภาพที่ 13 อับรามจากบ้านเมืองของตน
ปฐมกาล 12:1-13:4
วันหนึ่งพระเจ้าพูดกับอับรามว่า “เจ้าจงออกจากเมือง จากญาติพี่น้อง จากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังดินแดนที่เราจะบอกให้เจ้ารู้ เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้รับพรเพราะเจ้า” อับรามเชื่อฟังคำสัญญาและทำตามที่พระเจ้าสั่ง เขาจึงออกเดินทางพร้อมกับภรรยา หลานชาย คนรับใช้ ฝูงสัตว์และทรัพย์สมบัติของเขา เขาเดินทางอยู่หลายวันจนมาถึงแผ่นดินคานาอัน และที่นี่พระเจ้าได้พูดกับเขาว่า “ดินแดนนี้เราจะยกให้พงศ์พันธุ์ของเจ้า”
รูปภาพที่ 14 อับรามและโลท
ปฐมกาล 13:5-18
อับรามมีหลานชายชื่อโลท เขาได้ติดตามอับรามไปยังแผ่นดินคานาอันด้วย อับรามและโลทต่างก็มีสัตว์ฝูงใหญ่เป็นของตัวเอง จนไม่มีทุ่งหญ้าเพียงพอสำหรับฝูงสัตว์ทั้งหมดของพวกเขา ทำให้คนเลี้ยงสัตว์ของพวกเขาทะเลาะวิวาทกัน ดังนั้นอับรามจึงพูดกับโลทว่า “เราอย่าทะเลาะกันเลย เราควรแยกกันอยู่จะดีกว่า ขอให้เจ้าเลือกเอาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ส่วนใดส่วนหนึ่งตามที่เจ้าต้องการ” โลทอยากได้แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดสำหรับเขาและฝูงสัตว์ ดังนั้นโลทจึงเลือกบริเวณที่ราบลุ่มชายฝั่งแม่น้ำ เขาได้เข้าไปอาศัยอยู่ใกล้เมืองหนึ่งชื่อเมืองโสโดม ต่อมาพระเจ้าได้พูดกับอับรามอีกว่า “ผืนแผ่นดินทั้งหมดที่เจ้าเห็นนี้ เราจะยกให้เจ้าและลูกหลานของเจ้าตลอดไป”
รูปภาพที่ 15 อับรามเข้าพบกษัตริย์แห่งสันติภาพ
ปฐมกาล 14:1-24
ชาวเมืองโสโดมล้วนเป็นคนชั่วร้าย ต่อมามีกษัตริย์สี่องค์ร่วมมือกันสู้รบกับเมือง โสโดมจนได้รับชัยชนะ และได้จับตัวโลทกับครอบครัวของเขาไปเป็นเชลย แต่อับรามและนักรบของเขาได้ติดตามไปช่วยเหลือพวกเขาจากศัตรูมาได้ เมื่ออับรามกลับมาจากสนามรบและได้พบกับเมลคีเซเดคกษัตริย์แห่งเมืองซาเลม (ซาเลมหมายถึงสันติภาพ) เมลคีเซเดคเป็นทั้งกษัตริย์และปุโรหิตของพระเจ้าสูงสุด เขานำขนมปังและเหล้าองุ่นมาให้อับรามและพูดว่า “ท่านคือผู้ที่พระเจ้าสูงสุดพอพระทัย และพระเจ้าได้มอบศัตรูทั้งหลายไว้ในกำมือของท่าน” อับรามได้มอบทรัพย์สินที่ยึดกลับมาได้ให้แก่กษัตริย์แห่งเมืองสันติภาพส่วนหนึ่ง ส่วนทรัพย์สินที่เหลือและเชลยนั้นอับรามคืนให้กษัตริย์เมืองโสโดม ฝ่ายกษัตริย์เมืองโสโดมอยากรับคนคืนเท่านั้นส่วนทรัพย์สินจะยกให้แก่อับราม แต่อับรามปฏิเสธไม่รับของจากกษัตริย์ที่ชั่วร้ายองค์นี้ อย่างไรก็ตามโลทเป็นคนโง่เขลา เขาได้กลับไปอาศัยอยู่ในเมืองโสโดมอีกครั้งหนึ่ง
รูปภาพที่ 16 อับรามนับดวงดาวบนท้องฟ้า
ปฐมกาล 15:1-21
พระเจ้านับว่าอับรามเป็นมิตรสหายของพระองค์ และพูดว่าลูกหลานของอับรามจะเป็นประชากรของพระองค์ตลอดไป แต่อับรามยังคงโศกเศร้าเพราะเขายังไม่มีบุตร พระเจ้านำอับรามออกมานอกเต้นท์และพูดว่า “จงมองดูท้องฟ้าและนับดวงดาว ลูกหลานของเจ้าจะมากมายเช่นนั้น” อับรามเชื่อในคำสัญญาของพระเจ้า พระองค์จึงพอพระทัยในตัวเขา พระเจ้าพูดกับอับรามอีกครั้ง ว่าวันหนึ่งลูกหลานของเขาจะครอบครองแผ่นดินคานาอันทั้งหมด
รูปภาพที่ 17 อิชมาเอล
ปฐมกาล 16:1-16, 17:17-21
หลายปีผ่านไป อับรามและนางซารายภรรยาของเขาก็ยังไม่มีบุตร วันหนึ่งนางซาราย ได้พูดกับอับรามว่า “ดูเถิด พระเจ้าไม่โปรดให้ฉันมีบุตร ขอจงเข้าไปหาคนใช้ของฉันเถิด บางทีฉันอาจจะได้บุตรโดยนางนั้น” อับรามทำตามคำแนะนำของนางซาราย ต่อมานางฮาการ์สาวใช้คนนั้นได้ตั้งครรภ์กับอับราม เมื่อนางรู้ว่าตั้งครรภ์แล้ว นางก็ดูหมิ่นนายหญิงของตน นางซารายจึงเคี่ยวเข็ญนางฮาการ์สาวใช้ของตน พระเจ้าส่งทูตสวรรค์มาปลอบใจนาง ฮาการ์ว่านางจะคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าอิชมาเอล เพราะพระเจ้ารับฟังความทุกข์ร้อนของนาง แต่พระเจ้าพูดกับอับรามภายหลังว่า “นางซารายภรรยาของเจ้าจะให้กำเนิดบุตรชายแก่เจ้า จงตั้งชื่อเขาว่าอิสอัค ฝ่ายอิชมาเอลนั้นเราจะอวยพรแก่เขา และจะทำให้พงศ์พันธุ์ของเขามากขึ้นจนนับไม่ถ้วน (อิชมาเอลกลายเป็นบิดาของชนชาติอาหรับ) แต่คำมั่นสัญญาที่เราให้ไว้กับเจ้า เราจะตั้งไว้กับอิสอัคบุตรชายที่เกิดจากนางซาราย”
รูปภาพที่ 18 บุตรแห่งคำมั่นสัญญา
ปฐมกาล 18:1-15
หลังจากนั้นเมื่ออับรามอายุ 99 ปี และนางซาราย อายุ 90 ปี พระเจ้าได้มาปรากฎแก่อับรามและได้เปลี่ยนชื่อของเขาใหม่เป็นอับราฮัม (บิดาของชนชาติ) และได้เปลี่ยนชื่อนางซารายเป็นซาราห์ (มารดาของประชาชาติ) พระเจ้าได้สัญญากับอับราฮัมว่า “ซาราห์ภรรยาของเจ้าจะมีลูกให้กับเจ้า จงเรียกเด็กนั้นว่าอิสอัค” หลังจากนั้นทูตของพระเจ้าสามองค์มาหาพวกเขา นางซาราห์จัดเตรียมอาหาร และอับราฮัมได้นำอาหารนั้นไปให้แขกที่นอกเต้นท์ ทูตองค์หนึ่งได้พูดตามพระคำของพระเจ้าดังนี้ว่า “นับจากนี้ไปอีกเก้าเดือนนางซาราห์จะให้กำเนิดบุตรชาย” นางซาราห์ซึ่งอยู่ในเต้นท์ได้ยินคำเหล่านั้นก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ นางจึงหัวเราะในใจ พระเจ้าพูดกับอับราฮัมว่า “ทำไมนางซาราห์จึงหัวเราะ มีสิ่งใดที่ยากเกินไปสำหรับพระเจ้าหรือ” หลังจากนั้นทุกอย่างได้เกิดขึ้นตามคำสัญญาของพระเจ้า นางซาราห์ได้คลอดบุตรชายเมื่อนางชรามากแล้ว เขาทั้งสองเรียกชื่อบุตรชายว่าอิสอัค ซึ่งหมายถึง “หัวเราะ”
รูปภาพที่ 19 อับราฮัมอธิษฐานวิงวอนเพื่อเมืองโสโดม
ปฐมกาล18:16-19:29
พระเจ้าตัดสินใจที่จะทำลายเมืองโสโดม เพราะประชาชนในเมืองนี้เลวทรามต่ำช้า พระเจ้าพูดกับอับราฮัมถึงเรื่องนี้ อับราฮัมนึกถึงโลทผู้เป็นหลานชายที่อาศัยอยู่ในเมืองโสโดมจึงพูดขึ้นว่า “พระองค์จะทำลายคนชอบธรรม พร้อมกับคนชั่วเหล่านั้นหรือ” (ผู้พิพากษาของทั่วแผ่นดินโลกจะไม่กระทำการยุติธรรมหรือ?) อับราฮัมได้อ้อนวอนต่อพระเจ้าไม่ให้ทำลายเมืองโสโดม พระเจ้าพูดว่า “ถ้าเราพบว่ามีคนชอบธรรมอยู่ในเมืองนี้เพียงสิบคน เราจะไม่ทำลายเมืองนี้” แล้วทูตของพระเจ้าได้เข้าไปในเมืองโสโดมและพบว่ามีโลทคนเดียวที่เป็นคนชอบธรรม ทูตของพระเจ้าได้เตือนโลทให้รีบพาครอบครัวหนีออกจากเมืองไป จากนั้นพระเจ้าให้ไฟตกลงมาจากฟ้าทำลายเมืองโสโดมทั้งหมด มีเพียงโลทและลูกสาวสองคนของเขาเท่านั้นที่มีชีวิตรอด
รูปภาพที่ 20 อับราฮัมถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า
ปฐมกาล 21:1-22:19
เมื่ออิสอัคโตเป็นหนุ่มพระเจ้าได้ลองใจอับราฮัม พระองค์พูดกับเขาว่า “จงนำบุตรชายคนเดียวของเจ้าคืออิสอัค มาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแก่เรา” อับราฮัมเชื่อมั่นใน พระเจ้า ดังนั้นเขาจึงเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้าทุกอย่าง เขามั่นใจว่าพระเจ้าสามารถทำให้อิสอัคมีชีวิตขึ้นมาอีกได้ ในขณะที่อับราฮัมกำลังจะฆ่าอิสอัคนั้นพระเจ้าได้พูดกับอับราฮัมว่า “อับราฮัม อย่าแตะต้องเด็กนั้น อย่าทำอะไรเขาเลย บัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า เพราะเจ้าไม่ได้หวงบุตรชายของเจ้า แต่ยอมถวายบุตรชายคนเดียวของเจ้าให้เรา” เมื่ออับราฮัมเงยหน้าขึ้นก็เห็นแกะผู้ตัวหนึ่งเขาของมันเกี่ยวติดอยู่กับพุ่มไม้ อับราฮัมจึงจับแกะตัวนั้นมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแทนบุตรชายของตน
รูปภาพที่ 21 อับราฮัมในวัยชรา และคนรับใช้ของเขา
ปฐมกาล 24:1-25:26
เมื่ออับราฮัมชรามากแล้ว เขาได้เรียกคนรับใช้มาและสั่งว่า “เจ้าจงเดินทางไปยังบ้านเมืองและหมู่ญาติของเรา เพื่อหาภรรยาคนหนึ่งให้อิสอัคบุตรชายของเรา” อับราฮัมไม่อยากให้อิสอัคออกจากคานาอันแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาจะยกให้พงศ์พันธุ์ของเขา แต่ก็ไม่อยากให้อิสอัคแต่งงานกับหญิงชาวคานาอันซึ่งเป็นชนชาติที่ชั่วร้าย ฝ่ายคนรับใช้ได้ให้สัญญาและเชื่อฟังคำสั่งของอับราฮัม พระเจ้าได้นำเขาไปยังหมู่ญาติของอับราฮัมและที่นั่นเขาได้พบหญิงงามชื่อเรเบคาห์ ซึ่งต่อมาอิสอัคได้รับนางเรเบคาห์มาเป็นภรรยา เขาทั้งสองมีบุตรชายชื่อยาโคบ (หรืออิสราเอล) ยาโคบผู้นี้เป็นบิดาของชนชาติอิสราเอล ปัจจุบันชาวอิสราเอลยังคงอาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอัน และจากชนชาติอิสราเอลนี้เองมีผู้หนึ่งนำพระพรของพระเจ้ามาสู่แผ่นดินโลก
รูปภาพที่ 22 การบังเกิดของพระเยซู
กาลาเทีย 4:4-5, มัทธิว 1:18-25
พระคำของพระเจ้าเป็นความจริงทุกประการ (พระเจ้าไม่เคยโกหก) พระเจ้าเคยพูดกับอาดัมว่าพระองค์จะส่งผู้หนึ่งที่เลือกไว้ให้เข้ามามีชัยชนะเหนือผีมารซาตาน พระองค์ได้เตือนโนอาห์ว่าพระองค์จะทำลายล้างบรรดาคนชั่วร้าย พระเจ้าได้สำแดงแก่โยบว่า พระองค์รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา และพระองค์สำแดงให้อับราฮัมรู้ว่าพระองค์รักษาคำมั่นสัญญาของพระองค์เสมอ
ในรูปนี้ท่านจะเห็นทารกที่เรียกว่า เยซู พระองค์ถือกำเนิดในแผ่นดินอิสราเอลตามที่พระเจ้าสัญญาไว้ มารดาของพระองค์เป็นหญิงสาวพรหมจารีชื่อมารีย์ (นางเป็นลูกหลานของอับราฮัมและอิสอัค) แต่พระบิดาของพระองค์คือพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด พระเยซูคือผู้ที่จะนำพระพรของพระเจ้ามาสู่โลกนี้ พระองค์คือผู้ที่มีชัยชนะเหนือผีมารซาตานและเป็นผู้นำเราทั้งหลายกลับไปหาพระเจ้า
รูปภาพที่ 23 การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู
กาลาเทีย 3:13-14
พระเยซูเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พระองค์ได้สั่งสอนคนทั้งหลายให้รู้ถึงทางของพระเจ้า พระองค์ทำการอัศจรรย์หลายอย่างเพื่อเป็นการยืนยันว่าพระองค์มาจากพระเจ้า แต่คนชั่วปฏิเสธพระองค์ พวกเขาได้ประหารพระองค์โดยการตรึงบนไม้กางเขน และทหารใช้หอกแทงสีข้างของพระองค์ เพื่อให้แน่ใจว่าพระองค์ได้สิ้นพระชนม์แล้วจริงๆ
พี่น้องทั้งหลาย พระเจ้าพูดกับอาดัมว่าถ้าเขากินผลไม้จากต้นไม้ที่ได้ห้ามนั้นเขาจะต้องตาย เราทั้งหลายต่างก็ไม่เชื่อฟังพระคำของพระเจ้า เราสมควรได้รับความพินาศชั่ว นิรันดร์ แต่พระเยซูยอมตายเพื่อรับโทษแทนเรา พระเจ้าได้จัดเตรียมลูกแกะไว้เพื่อฆ่าถวายแทนอิสอัค พระเจ้าได้ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาตายแทนเรา ท่านคงจำได้ว่าพระเจ้าได้พูดกับอาดัมไว้ว่า พระองค์จะส่งผู้หนึ่งลงมาเพื่อให้มีชัยชนะเหนือมารซาตาน เมื่อพระเยซูได้ตายแทนเราแล้วมารซาตานก็จะมีแต่ความพ่ายแพ้ บัดนี้อำนาจของมารซาตานที่เป็นเหตุให้เราต้องเผชิญหน้ากับความพินาศชั่วนิรันดร์นั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว
รูปภาพที่ 24 พระเยซูยังพระชนม์อยู่
ยอห์น 20:19-29
ศพของพระเยซูถูกนำไปฝังไว้ในอุโมงค์แห่งหนึ่ง แต่ในวันที่สามพระเยซูเป็นขึ้น มาจากความตาย ได้ปรากฏแก่สาวกและเพื่อนๆ ของพระองค์ มีสาวกคนหนึ่งชื่อโธมัสไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย ภายหลังเพื่อนๆ บอกโธมัสว่า “พวกเราต่างได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” โธมัสไม่เชื่อ หลังจากนั้นพระเยซูได้มาปรากฏแก่พวกเขาอีกครั้ง พระองค์ให้โธมัสดูรอยตะปูที่พระหัตถ์ทั้งสองและรอยแผลถูกแทงที่สีข้างของพระองค์ พระเยซูพูดกับโธมัสว่า “อย่าสงสัยเลย จงเชื่อเถิด ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข”
พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราอย่าสงสัยพระเจ้าเหมือนอย่างโธมัสเลย แต่ให้เราเอาอย่างอับราฮัมที่เชื่อมั่นในคำสัญญาของพระเจ้า เพราะความเชื่อในพระเยซูเราจึงได้คืนดีกับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด และได้มีความหวังในชีวิตนิรันดร์กับพระองค์ (ดนตรี)