ดู ฟัง แล้วรับชีวิต เล่มที่ 6 เรื่อง "พระเยซูเป็นผู้สอนและผู้รักษา"
Esquema: From Matthew and Mark. 24 sections. It has a picture book to go along with the recording.
Número de guió: 423
Llenguatge: Thai
Tema: Sin and Satan (Deliverance, Light/Darkness, Sin, disobedience); Christ (Son of God, Life of Christ, Authority, Jesus, Our Shepherd); Eternal life (Salvation, Broad & Narrow Ways); Character of God (Grace and Mercy, Nature, character of God, Word of God (the Bible), Power of God / Jesus); Living as a Christian (Prayer, petition, Obedience, Forgiveness, Faith, trust, believe in Jesus, Children of God, Assurance, Spiritual Life, Christian values); Bible timeline (End Time, Second Coming, Gospel, Good News); Problems (Evil Spirits, demons, Sickness, Problems, troubles, worries)
Públic: General
Propòsit: Teaching
Features: Monolog; Bible Stories; Extensive Scripture
Estat: Approved
Els scripts són pautes bàsiques per a la traducció i l'enregistrament a altres idiomes. S'han d'adaptar segons sigui necessari perquè siguin comprensibles i rellevants per a cada cultura i llengua diferents. Alguns termes i conceptes utilitzats poden necessitar més explicació o fins i tot substituir-se o ometre completament.
Text del guió
คำนำ
สวัสดี... พี่น้องที่รักทั้งหลาย ขอเชิญท่านมาเรียนรู้จักครูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ท่านผู้นั้นคือพระเยซูคริสต์ โปรดฟังจากเทปหรือซีดีและดูหนังสือรูปภาพเล่มสีฟ้าประกอบ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณขอให้ดูรูปถัดไป
รูปภาพที่ 1 พระเยซูสั่งสอนประชาชน
มัทธิว 5:1-2
ในภาพนี้พระเยซูกำลังสั่งสอนประชาชนถึงเรื่องของพระเจ้า พระเจ้าได้สร้างเราทั้ง หลาย พระองค์เป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ มนุษย์ทั้งหลายถูกตัดขาดจากพระเจ้าเพราะความผิดบาปของพวกเขา แต่พระเจ้าก็ยังรักและเมตตาพวกเขาอยู่ พระเยซูถูกส่งมาจากพระเจ้า พระองค์รู้จักและเข้าใจพระเจ้าเป็นอย่างดี เพราะพระองค์เองเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเยซูเสด็จมาเพื่อสั่งสอนประชาชน ว่าพวกเขาจะกลับมารู้จักพระเจ้าอีกครั้งหนึ่งได้อย่างไร? ข้าพเจ้าจะเล่าให้ท่านฟังว่าพระเยซูสั่งสอนว่าอย่างไร เพื่อท่านจะได้รู้และเข้าใจถึงพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ที่มีชีวิต
รูปภาพที่ 2 บ้านสองหลัง
มัทธิว 7:24-27
พระเยซูเล่าเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับชายสองคน ชายคนแรกสร้างบ้านของตนไว้บนศิลาซึ่งเป็นฐานที่มั่นคง เมื่อมีพายุฝนมาบ้านหลังนั้นมิได้พังลง แต่ชายอีกคนสร้างบ้านของตนไว้บนพื้นทราย เมื่อมีพายุฝนพัดมาบ้านหลังนั้นก็พังทลายลง เช่นกันเราควรสร้างบ้านแห่งชีวิตไว้บนฐานที่มั่นคงและแข็งแรง ฐานที่แข็งแรงของชีวิตคือคำสอนของพระเยซู ถ้าเรายอมเชื่อฟังคำสอนของพระองค์เกี่ยวกับเรื่องของพระเจ้า เราจะเข้มแข็งเมื่อมีปัญหาเข้ามาในชีวิต หรือแม้แต่มารซาตานก็ไม่อาจทำลายเราได้
รูปภาพที่ 3 อย่าซ่อนความสว่างของพระเจ้า
มัทธิว 5:14-16
ท่ามกลางความมืดเราจะทำอย่างไรกับแสงสว่างที่เรามี ในรูปภาพชายคนหนึ่งยกเทียนไขของเขาให้สูงเพื่อให้มันส่องสว่างแก่ทุกๆ คนที่อยู่ในบ้าน แต่ชายอีกคนหนึ่งเป็นคนโง่เขลา เขาเอาถังครอบเทียนไขของเขาไว้
พระเยซูเป็นแสงสว่างของโลก พระองค์สำแดงให้เราเห็นถึงทางของพระเจ้า เมื่อเราเชื่อฟังคำสอนของพระองค์ ผู้อื่นจะเห็นความสว่างของพระเจ้าในตัวเรา พระเยซูได้พูดไว้ว่า “ให้ความสว่างของท่านส่องสว่างแก่คนทั้งปวงเพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านคือพระเจ้าผู้อยู่บนสวรรค์” เราจึงไม่ควรซ่อนความสว่างของพระเจ้า แต่ควรให้ผู้อื่นได้เห็นและได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของ พระเยซู เพื่อพวกเขาจะสามารถรู้และเข้าใจทางของพระเจ้าได้เช่นเดียวกัน
รูปภาพที่ 4 ชาวโรมันทำร้ายชาวยิว
มัทธิว 5:38-42
ในภาพนี้ทหารโรมันกำลังตบหน้าชาวยิวคนหนึ่ง และได้ยึดเอาเสื้อคลุมของชายผู้นี้ไปด้วย ถ้าท่านเป็นชายผู้นี้ท่านจะทำอย่างไร พระเยซูสอนประชาชนว่า “ท่านไม่ต้องแก้แค้นต่อผู้ที่ทำผิดต่อท่าน ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย ถ้าใครเอาเสื้อของท่านไป จงให้เสื้อคลุมแก่เขาด้วย” เราไม่ควรแก้แค้นผู้ที่ทำให้เราเจ็บแค้นเพราะพระเจ้าได้พูดไว้แล้วว่า “เราจะเป็นผู้แก้แค้นและเป็นผู้ตอบแทน” พระเจ้าจะลงโทษผู้ที่ทำผิดทุกๆ คน ทั้งในโลกนี้และชีวิตหลังความตาย พระเจ้าสอนว่าให้เราตอบแทนความชั่วด้วยการทำดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อศัตรูของเรา
รูปภาพที่ 5 การอธิษฐานต่อพระเจ้า
มัทธิว 6:5-15
ในรูปภาพนี้ชายสองคนกำลังอธิษฐานพูดคุยกับพระเจ้า คนหนึ่งยืนอยู่ที่หัวมุมถนนแล้วอธิษฐานยืดยาวซ้ำไปซ้ำมา เพราะเขาอยากให้ผู้อื่นเห็นและยกย่องเขา แต่พระเจ้าจะไม่ตอบคำอธิษฐานของคนเช่นนี้ พระเยซูสอนว่า “เมื่อท่านอธิษฐานจงเข้าไปในห้องปิดประตูและอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านคือพระเจ้า แล้วพระบิดาผู้รู้เห็นการกระทำทุกๆ อย่างในที่ลี้ลับจะให้รางวัลแก่ท่าน” พระเจ้ารู้ว่าเราต้องการอะไร ไม่จำเป็นที่เราจะต้องพูดซ้ำซาก เราควรนมัสการพระเจ้าในการอธิษฐานและอธิษฐานเผื่อผู้อื่นด้วย เรายังควรอธิษฐานสารภาพถึงความผิดบาปที่เราได้ทำ และขอพระองค์ปกป้องเราให้พ้นจากมารซาตานและทางชั่วร้ายของมัน
รูปภาพที่ 6 คนชั่วหว่านวัชพืช
มัทธิว 13:24-30,36-43
คนชั่วที่เป็นศัตรูของเจ้าของนาได้หว่านวัชพืชลงในทุ่งนา เมื่อวัชพืชนั้นงอกขึ้น เจ้าของนายังไม่ถอนมันออกเพราะไม่อยากให้ต้นข้าวดีถูกถอนไปด้วย เจ้าของนาจึงรอจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว เวลานั้นเขาจะแยกข้าวที่ดีออกจากวัชพืช แล้วจึงจะเอาวัชพืชนั้นไปเผาทำลาย
พี่น้องที่รักทั้งหลาย มารซาตานได้หว่านเมล็ดแห่งการชั่วร้ายท่ามกลางคนของพระเจ้าในโลกนี้ เมื่อถึงเวลาอันสมควร พระเยซูจะกลับมาในโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อนั้นพระองค์จะแยกคนชั่วออกจากคนที่เชื่อฟังพระเจ้า พระเยซูจะรับคนของพระองค์ไปอยู่กับพระองค์ตลอดไป ส่วนคนชั่วจะถูกจับโยนเข้าไปในบึงไฟนรกพร้อมกับมารซาตาน
รูปภาพที่ 7 พระเยซูกับเด็กๆ
มัทธิว 18:1-6, 19:13-15
วันหนึ่งประชาชนได้พาเด็กๆ มาหาพระเยซู เพราะพวกเขาอยากให้พระเยซูสัมผัสและอธิษฐานอวยพรเด็กๆ แต่พวกสาวกของพระองค์พยายามไล่เด็กเหล่านั้นออกไป พระเยซูไม่พอใจต่อการกระทำของพวกสาวก พระองค์พูดว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆ เข้ามาหาเราเถิดอย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าชาวแผ่นดินสวรรค์ก็เป็นเหมือนเช่นเด็กเหล่านี้” พระเยซูได้พูดกับพวกเขาอีกว่า “ถ้าพวกท่านไม่กลับใจเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ท่านก็จะเข้าแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้ใดที่ถ่อมใจลงเหมือนเด็กเล็กๆ ผู้นั้นจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินสวรรค์”
พี่น้องที่รักทั้งหลาย คนที่หยิ่งยโสโอ้อวดและคิดว่าตัวเองสำคัญกว่าผู้อื่น ผู้นั้นจะไม่สามารถเป็นสาวกที่ติดตามพระเยซูอย่างแท้จริงได้
รูปภาพที่ 8 ผู้เลี้ยงแกะและแกะ
มัทธิว 18:12-14
พระเยซูเล่าเรื่องหนึ่งว่า “ชายคนหนึ่งมีแกะ 100 ตัว แล้วแกะตัวหนึ่งได้หลงทางและหายไปจากฝูง ดังนั้นชายผู้นี้จึงได้ทิ้งแกะ 99 ตัวไว้และออกตามหาแกะตัวที่หายไปนั้น เมื่อเขาพบมัน เขามีความชื่นชมยินดีในแกะตัวนี้มากกว่าที่มีแกะ 99 ตัวที่ไม่หายไปนั้น” เช่นเดียวกันพระเจ้าไม่อยากเห็นใครสักคนหนึ่งหลงทางและแยกจากพระองค์ไปติดตามทางของมารซาตาน พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี เพราะพระองค์มาเพื่อช่วยมนุษย์ทั้งหลาย ผู้ซึ่งได้หลงไปจากทางของพระเจ้า
รูปภาพที่ 9 คนใช้ที่ไม่ยอมให้อภัย
มัทธิว 18:21-35
มีคนรับใช้คนหนึ่งเป็นหนี้กษัตริย์จำนวนมากโขและไม่สามารถจะชดใช้ได้ กษัตริย์จึงสั่งให้ขายชายคนนี้ไปเป็นทาส แต่ชายผู้นี้ร้องขอความเมตตาจากกษัตริย์ กษัตริย์เกิดความสงสารจึงยกเลิกคำสั่งและยกหนี้ทั้งหมดให้แล้วปล่อยเขาไป ชายผู้นี้ได้ไปพบชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นหนี้เขาอยู่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น แต่คนรับใช้ใจร้ายผู้นี้กลับบีบบังคับลูกหนี้ของตนให้ชดใช้เงินคืน เมื่อลูกหนี้ไม่มีเงินให้ชายผู้นี้จึงจำคุกเขาไว้ ฝ่ายคนรับใช้คนอื่นๆ เห็นเหตุการณ์จึงไปทูลกษัตริย์องค์นั้นถึงเรื่องที่เกิดขึ้น กษัตริย์โกรธคนรับใช้ใจร้ายผู้นี้มาก พระองค์พูดว่า “เจ้าสมควรจะเมตตาต่อเพื่อนของเจ้าเหมือนกับที่เราได้มีเมตตาต่อเจ้า” แล้วกษัตริย์จึงสั่งจำคุกคนรับใช้ผู้นี้ตลอดชีวิต
ท่านที่รักทั้งหลาย พระเจ้าจะยกโทษความผิดบาปทั้งปวงที่เราได้ทำ แต่เราก็ต้องให้อภัยแก่ผู้ที่ได้ทำผิดต่อเราด้วยเช่นกัน
รูปภาพที่ 10 คนงานรับค่าจ้างของตน
มัทธิว 20:1-16
คนงานเหล่านี้ต่างมารับค่าจ้างของตัวเอง ชายคนแรกที่มารับค่าจ้างเขาเพิ่งมาทำงานตอนบ่ายของวันนั้น ถึงแม้เขาได้ทำงานเพียงเล็กน้อยแต่นายจ้างก็ใจดีจ่ายค่าจ้างให้เขาหนึ่งเหรียญ ซึ่งเท่ากับค่าแรงหนึ่งวัน คนงานคนถัดมาทำงานครึ่งวัน และคนงานคนสุดท้ายได้ทำงานเต็มวัน แต่พวกเขาทุกคนต่างได้รับค่าจ้างเท่ากันหมด ชายคนที่ทำงานเต็มวันจึงบ่นต่อนายจ้าง เขาอยากจะได้เงินมากกว่าคนอื่น นายจ้างจึงพูดว่า “เพื่อนเอ๋ยเราไม่โกงนะ ก็ตกลงกันแล้วว่าวันละหนึ่งเหรียญมิใช่หรือ? เรามีสิทธิ์ใช้เงินของเราตามใจเราเองมิใช่หรือ ทำไมท่านจึงอิจฉาเมื่อเห็นเราใจดี”
ในทำนองเดียวกันพระเจ้าจะมอบชีวิตนิรันดร์แก่ผู้ที่ได้เชื่อและไว้วางใจในพระเยซู ซึ่งไม่ใช่ค่าตอบแทนของความดีแต่เป็นของขวัญที่ให้เปล่าๆ จากพระเจ้าสำหรับผู้ที่ถ่อมใจยอมรับเอาความเมตตากรุณาที่พระองค์ได้มอบให้
รูปภาพที่ 11 หญิงห้าคน ที่อยู่นอกประตู
มัทธิว 25:1-13
พระเยซูเล่าเรื่องหญิงสาวสิบคนที่กำลังรอเวลางานเลี้ยงแต่งงาน ในเวลาเที่ยงคืนเจ้าบ่าวได้มาอย่างไม่คาดฝัน มีหญิงสาวห้าคนเตรียมพร้อมที่จะไปกับเจ้าบ่าว พวกเธอได้จุดตะเกียงของตนแล้วจึงเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยกันกับเจ้าบ่าว แต่หญิงโง่อีกห้าคนไม่ได้เตรียมน้ำมันสำหรับตะเกียงของตน พวกเธอจึงรีบออกไปหาซื้อ แต่ขณะที่ออกไปหาซื้อน้ำมันประตูของงานเลี้ยงก็ได้ปิดลง เมื่อพวกเธอกลับมาถึงก็ร้องเรียกว่า “ขอให้พวกเราเข้าไปข้างในด้วยเถิด” แต่เจ้าบ่าวตอบออกมาว่า “เราจะไม่เปิดให้ท่านแน่นอน เพราะเราไม่รู้จักท่าน”
ท่านที่รักทั้งหลายเวลานี้พระเยซูคริสต์อยู่ในสวรรค์ แต่วันหนึ่งพระองค์จะกลับมายังโลกนี้อีกครั้ง เราต่างก็ไม่รู้ว่าพระองค์จะเสด็จมาเมื่อใด ดังนั้นเราควรเตรียมตัวให้พร้อมที่จะพบกับพระองค์ เพราะพระองค์จะรับผู้ที่เชื่อพระองค์ไปอยู่กับพระองค์ในสวรรค์ แต่สำหรับผู้ที่ไม่เตรียมพร้อมจะเข้าสู่สวรรค์ก็ไม่ได้
รูปภาพที่ 12 นายกับคนรับใช้
มัทธิว 25:14-30
เราควรเตรียมตัวอย่างไรเพื่อรอการกลับมาของพระเยซู บุคคลสำคัญในรูปภาพนี้เพิ่งกลับมาถึงบ้าน ในระหว่างที่ไม่อยู่บ้านเขาได้ฝากคนรับใช้หลายคนให้ดูแลทรัพย์สินเงินทองของเขา คนรับใช้สองคนนำเงินไปลงทุนและได้รับผลกำไรมาก เมื่อนายกลับมาจึงมอบรางวัลให้แก่เขาทั้งสองคน แต่คนใช้คนที่สามได้นำเงินของนายไปซ่อนไว้เขาจึงไม่ได้รับผลกำไรอะไรเลย เมื่อนายรู้จึงโกรธมากเพราะเขาเป็นคนรับใช้ที่เกียจคร้าน นายจึงไล่ชายผู้นั้นออกจากบ้านของตน
พระเยซูอยากให้เราทุกคนทำงานของพระองค์จนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมา ดังนั้นเราควรจะรักและช่วยเหลือผู้อื่น และสอนพวกเขาถึงเรื่องของพระเจ้า แล้วเมื่อเราพบกับพระเยซูอีกครั้ง พระองค์จะบอกกับเราว่า “ดีมาก เจ้าจงมาชื่นชมยินดีและมีสุขกับเราเถิด” (ดนตรี)
บทนำ 2
พระเยซูสั่งสอนเรื่องพระเจ้าแก่ประชาชน และพระองค์ยังสำแดงให้พวกเขารู้ว่าพระองค์มีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าอยู่ด้วย โปรดฟังจากเทปหรือซีดีและดูรูปภาพเล่มสีฟ้าประกอบ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณโปรดดูรูปภาพถัดไป
รูปภาพที่ 13 พระเยซูรับบัพติศมา
มาระโก 1:4-11
นานมาแล้ว ในประเทศอิสราเอลมีชายคนหนึ่งชื่อยอห์นเป็นผู้ให้บัพติศมา (คือพิธีจุ่มลงในน้ำ เพื่อประกาศตนเป็นคนของพระเจ้า) ท่านได้ตักเตือนประชาชนว่าพวกเขาต้องหันกลับจากสิ่งชั่วร้ายของตนแล้วกลับมานมัสการพระเจ้าผู้เที่ยงแท้องค์เดียว ผู้ที่เชื่อฟังคำตักเตือนของยอห์นก็ได้รับบัพติศมาด้วยน้ำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าเขาต้องการให้พระเจ้าอภัยโทษต่อความผิดบาปแล ะให้พระองค์ชำระชีวิตของเขาให้บริสุทธิ์ (ความบาปเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย) ยอห์นยังกล่าวอีกว่า “ภายหลังเราจะมีผู้หนึ่งเสด็จมาและมีอำนาจมากยิ่งกว่าเรา และพระองค์จะให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า” จากนั้นพระเยซูได้มาหายอห์น แม้ว่าพระองค์ไม่เคยมีบาปเลยแต่พระเยซูก็รับบัพติศมาด้วยน้ำเช่นกัน และเมื่อพระองค์ขึ้นมาจากน้ำก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าดุจนกพิราบลงมาบนพระองค์ แล้วมีเสียงดังมาจากฟ้าสวรรค์ว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก” นับตั้งแต่นั้นมาพระเยซูก็ได้ทำการอัศจรรย์อีกหลายๆประการ และประชาชนต่างก็เห็นว่าพระองค์มีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
รูปภาพที่ 14 พระเยซูเลือกสาวก
มาระโก 1:14-20
พระเยซูต้องการหาสาวกเพื่อจะสอนเรื่องพระเจ้าให้กับพวกเขา และเพื่อให้พวกเขาสามารถสอนคนอื่นได้ วันหนึ่งขณะที่พระเยซูเดินตามชายฝั่งทะเลสาปเห็นชาวประมงสี่คนพระองค์จึงพูดกับพวกเขาว่า “จงตามเรามาเถิด และเราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดังหาปลา” พวกเขาก็ทิ้งอวนตามพระองค์ไปทันที พระเยซูยังได้เลือกชายอีกแปดคนมาเป็นสาวกของพระองค์ด้วย ดังนั้นชายทั้งสิบสองคนจึงเป็นผู้ติดตามที่ใกล้ชิดพระเยซู พระองค์ตั้งพวกเขาให้เป็นสาวกของพระองค์ พวกเขาได้เห็นการอัศจรรย์ต่างๆ ที่พระเยซูทำ ฉะนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าพระเยซูถูกส่งมาจากพระเจ้า ถ้าเรายอมเชื่อฟังและติดตามพระเยซู เราก็จะรู้ด้วยตัวของเราเองว่าพระองค์มาจากพระเจ้า พระองค์อยากสอนเรื่องพระเจ้าให้กับเรา เพื่อเราจะสามารถบอกผู้อื่นต่อไปได้
รูปภาพที่ 15 ชายโรคเรื้อนคนหนึ่ง
มาระโก 1:40-45
วันหนึ่งมีชายโรคเรื้อนมาหาพระเยซู เขาคุกเข่าลงต่อพระองค์แล้วพูดว่า “ถ้าพระองค์จะเมตตาก็ขอช่วยรักษาข้าให้หายด้วยเถิด” คนทั่วไปจะไม่เข้าใกล้ชายคนนี้เพราะกลัวโรคที่เขาเป็น แต่พระเยซูเต็มล้นด้วยความเมตตาสงสารชายผู้นี้ พระองค์จึงยื่นมือออกแตะต้องเขาแล้วพูดว่า “เราเต็มใจจะรักษา จงหายจากโรคเถิด” ทันใดนั้นโรคเรื้อนที่เขาเป็นอยู่ก็หายไป เขามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งและได้เล่าเหตุการณ์นี้ให้กับทุกๆ คนฟัง
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ความบาปก็เปรียบเสมือนโรคเรื้อน มันทำให้เราถูกแยกออกจากพระเจ้า ถ้าเรากลับมาหาพระเยซู พระองค์มีฤทธิ์อำนาจสามารถชำระบาปทั้งสิ้นของเราได้
รูปภาพที่ 16 ชายผู้ถูกหย่อนลงมาจากหลังคา
มาระโก 2:1-12
ขณะที่พระเยซูอยู่ในบ้านหลังหนึ่งและกำลังสอนเรื่องของพระเจ้าให้กับประชาชน มีชายสี่คนหามคนง่อยคนหนึ่งมาหาพระเยซู แต่พวกเขาไม่สามารถนำชายนั้นเข้าไปในบ้านทางประตูเพราะคนแน่นมาก ดังนั้นพวกเขาจึงรื้อหลังคาบ้านตรงที่พระองค์นั่งอยู่ แล้วหย่อนที่นอนซึ่งคนง่อยนอนอยู่ลงมาตรงหน้าพระเยซู พระองค์จึงพูดกับคนง่อยนั้นว่า “ลูกเอ๋ย บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” แต่ผู้นำชาวยิวบางคนที่อยู่ที่นั่นไม่พอใจที่พระเยซูพูดแบบนั้น พวกเขาคิดในใจว่า “มีแต่พระเจ้าองค์เดียวเท่านั้นที่สามารถยกโทษความผิดบาปได้” พวกเขาไม่เชื่อว่าพระเยซูมาจากพระเจ้า พระเยซูจึงพูดกับคนง่อยผู้นั้นว่า “เราสั่งเจ้าว่าจงลุกขึ้นแบกที่นอนกลับไปบ้านเถิด” ทันใดนั้นเขาก็หายจากโรคเป็นปกติ พระเยซูแสดงให้พวกเขารู้ว่าพระองค์มาจากพระเจ้า มีฤทธิ์อำนาจที่จะยกโทษความผิดบาปของเรา และมีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บของเราได้ด้วย
รูปภาพที่ 17 พระเยซูรักษาชายมือลีบ
มาระโก 3:1-5
ในรูปภาพพระเยซูอยู่กับผู้นำของชาวยิว วันนั้นเป็นวันบริสุทธิ์ที่ชาวยิวนมัสการพระเจ้า มีกฏห้ามทุกคนไม่ให้ทำงานในวันนั้น และที่นั่นมีชายคนหนึ่งมือลีบ ชายยิวต่างจับตาดูว่าพระเยซูจะรักษาชายคนนี้หรือไม่ พระเยซูห่วงใยความทุกข์สุขของประชาชนแต่พวกเขากลับไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาต้องการให้พระเยซูฝ่าฝืนธรรมบัญญัติของพวกเขา เพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างในการฆ่าพระเยซู พระเยซูถามผู้นำศาสนาเหล่านั้นว่า “ในวันสำคัญนี้เราควรจะทำอะไร ระหว่างช่วยชีวิตหรือทำลายชีวิต” พวกยิวนิ่งเงียบไป ดังนั้นพระเยซูจึงพูดกับชายมือลีบนั้นว่า “จงเหยียดมือออกมา” เขาจึงเหยียดมือออกไป และทุกคนเห็นว่ามือของเขาได้หายเป็นปกติ
พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราต้องนมัสการพระเจ้าแต่เราก็ต้องห่วงใยผู้อื่นด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้ว การนมัสการพระเจ้าของเราก็ไม่มีความหมายอะไรเลย
รูปภาพที่ 18 พระเยซูทำให้ลมพายุสงบลง
มาระโก 4:35-41
ขณะที่พระเยซูและสาวกกำลังนั่งเรือข้ามทะเลสาบ ได้เกิดลมพายุใหญ่พัดมาอย่างรุนแรงทำให้เรือโคลงเคลง และน้ำได้เข้าในเรือจนเรือจะจมอยู่แล้ว ตอนนั้นพระเยซูกำลังหลับอยู่ที่ท้ายเรือ สาวกของพระองค์จึงมาปลุกพระองค์ แล้วพูดว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า พระองค์ไม่ห่วงว่าเราจะจมน้ำตายหรือ” พระเยซูลุกขึ้นและสั่งลมพายุนั้นว่า “เงียบ! จงสงบ! ” ทันใดนั้นลมพายุใหญ่ก็สงบลง แล้วพระเยซูพูดกับสาวกว่า “ทำไมพวกท่านถึงกลัวนัก พวกท่านไม่เชื่อในตัวเราแล้วหรือ” พวกสาวกก็อัศจรรย์ใจยิ่งนัก ต่างพูดกันว่า “ท่านผู้นี้เป็นผู้ใดหนอ แม้แต่ลมและคลื่นก็ยังเชื่อฟังท่าน”
พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใดถ้าเราเชื่อมั่นในพระองค์ เพราะพระเยซูมีฤทธิ์อำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์สร้าง
รูปภาพที่ 19 หญิงคนหนึ่งท่ามกลางฝูงชน
มาระโก 5:25-34
ท่ามกลางฝูงชนนั้นมีหญิงคนหนึ่งป่วยมานานเป็นเวลา 12 ปีแล้ว นางรู้ว่าพระเยซูสามารถรักษาโรคของนางได้ แต่นางไม่กล้าเข้าไปหาพระองค์ นางจึงพูดกับตัวเองว่า “เพียงแค่ได้แตะต้องชายเสื้อของพระองค์เราก็จะหายจากโรค” ดังนั้นนางจึงไปแตะต้องชายเสื้อของพระเยซู ทันใดนั้นนางก็หายจากโรคทันที พระเยซูรู้ว่าฤทธิ์อำนาจได้แผ่ออกไปจากพระองค์ พระองค์จึงหันกลับมาทางฝูงชนและพูดถามว่า “ใครแตะต้องชายเสื้อของเรา” หญิงนั้นรู้ว่าพระองค์หมายถึงนาง นางจึงมาคุกเข่าลงก้มกราบพระเยซูด้วยความกลัว พระองค์พูดกับนางว่า “ลูกหญิงเอ๋ยที่เจ้าหายโรคนั้นก็เพราะความเชื่อ(ที่เจ้ามีในเรา) จงไปเป็นสุขเถิด” ในโลกนี้ถึงจะมีคนเป็นจำนวนมากแต่พระเยซูรู้จักและห่วงใยทุกๆ คน พระองค์สนใจห่วงใยท่านด้วยเช่นกัน พระองค์รอคอยให้ท่านมาหาและเชื่อมั่นในพระองค์
รูปภาพที่ 20 พระเยซูกับเด็กที่ตายแล้ว
มาระโก 5:22-24 , 35-43
ไยรัสเป็นชาวยิวที่มีหน้ามีตาคนหนึ่ง ลูกสาวของเขาป่วยหนัก เขาจึงมาหาพระเยซูและขอร้องพระองค์ให้ช่วยรักษาลูกสาว แต่ก่อนที่พระเยซูจะไปถึงเด็กหญิงคนนั้นก็ตายเสียแล้ว พระเยซูพูดกับไยรัสว่า “อย่ากลัวเลย จงเชื่อเท่านั้น” เมื่อพระเยซูมาถึงเห็นคนเป็นอันมากร้องไห้คร่ำครวญอยู่ พระองค์ได้นำไยรัสและภรรยาของเขาเข้าไปหาเด็กนั้น แล้วพระองค์จับมือเด็กนั้นพูดว่า “เด็กหญิงเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด” ทันใดนั้นเด็กหญิงก็ลุกขึ้นเดินไปรอบๆ พระเยซูจึงสั่งให้พวกเขาเอาอาหารมาให้เด็กกิน
ความตายคืออาวุธสำคัญที่สุดของมารซาตาน แต่พระเยซูก็มีอำนาจชนะความตาย ผู้ที่เชื่อมั่นและติดตามพระองค์ไม่ต้องกลัวความตาย เพราะพระเยซูมีอำนาจเหนือมารซาตาน ความบาป และความตาย
รูปภาพที่ 21 พระเยซูกับหญิงต่างด้าว
มาระโก 7:24-30
วันหนึ่งมีหญิงต่างด้าวคนหนึ่งมาหาพระเยซูเพราะลูกสาวของนางถูกผีเข้า นางมาขอร้องพระเยซูให้ช่วยขับผีออกจากลูกสาว พระเยซูเป็นคนเชื้อชาติยิวและมาเพื่อช่วยเหลือชาวยิว ดังนั้นพระองค์สมควรช่วยเหลือชนชาติอื่นก่อนชนชาติของพระองค์หรือไม่? ซึ่งเปรียบเสมือนกับเอาอาหารของลูกให้สุนัขกินในขณะที่ลูกของตนยังหิวอยู่ แต่หญิงนั้นพูดกับพระเยซูว่า “แม้แต่สุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะนั้นก็ย่อมจะได้กินเศษอาหารของลูกซึ่งตกลงมาจากโต๊ะ” พระเยซูพูดว่า “หญิงเอ๋ย เจ้ามีความเชื่อยิ่งใหญ่นัก ให้เป็นไปตามที่เจ้าขอเถิด” เมื่อนางกลับไปถึงบ้านก็พบว่าวิญญาณชั่วได้ออกจากตัวลูกสาวของนางแล้ว พระเยซูรักและช่วย เหลือมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าเราจะเป็นใครหรือมาจากไหน พระองค์อยากให้เราเชื่อวางใจในพระองค์
รูปภาพที่ 22 พระเยซูกับชายหูหนวกพูดติดอ่าง
มาระโก 7:31-37
มีคนนำชายหูหนวกมาตั้งแต่เกิดและพูดเกือบไม่ได้มาหาพระเยซู พระเยซูเอานิ้วของพระองค์สอดเข้าไปในหูของชายนั้น และแตะที่ลิ้นของเขาด้วย แล้วพระเยซูเงยหน้ามองดูฟ้าสวรรค์และพูดกับชายผู้นั้นว่า “จงเปิดออก” ทันใดนั้นหูของเขาหายหนวก ลิ้นของเขาก็หายขัด และเขาพูดได้ชัด คนทั้งปวงประหลาดใจอย่างยิ่ง พวกเขาพูดกันว่า “ทุกสิ่งที่พระองค์กระทำล้วนแต่ดีทั้งนั้น ทำให้คนหูหนวกได้ยิน และคนใบ้พูดได้”
พระเยซูสามารถเปิดหูของเราให้ได้ยินและเข้าใจในพระคำของพระเจ้า(พระคัมภีร์)ด้ แล้วเราจะสรรเสริญพระเยซูและบอกเรื่องของพระองค์แก่คนอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน
รูปภาพที่ 23 พระเยซูรักษาชายตาบอด
มาระโก 8:22-26
ครั้งหนึ่งพระเยซูจูงมือชายตาบอดออกมานอกหมู่บ้าน พระองค์บ้วนน้ำลายลงที่ตาของเขาและถามว่า “เจ้าเห็นอะไรบ้างหรือไม่” ชายคนนั้นเริ่มจะเห็นบ้างแล้วจึงตอบไปว่า “ข้าพระองค์เห็นคนเหมือนต้นไม้เดินไปเดินมา” พระเยซูจึงแตะตาของเขาอีกครั้งหนึ่ง แล้วเขาก็เห็นพระเยซูและคนทั้งหลายได้ชัดเจน
พี่น้องทั้งหลาย มารซาตานคือผู้ที่ทำให้ตาฝ่ายวิญญาณของเรามืดบอดไป เราจึงไม่อาจมองเห็นและเข้าใจความจริงเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เราต้องขอให้พระเยซูเปิดตาฝ่ายวิญญาณของเรา เพื่อเราจะเข้าใจความจริงเกี่ยวกับพระองค์
รูปภาพที่ 24 พระเยซูรักษาเด็กถูกผีเข้า
มาระโก 9:14-27
มีชายคนหนึ่งนำลูกชายของเขามาหาพระเยซู เด็กคนนี้ถูกผีเข้าและทำร้ายตัวเองอยู่บ่อยๆ เมื่อผีร้ายเห็นพระเยซู มันก็ทำให้เด็กนั้นล้มลงกับพื้นกลิ้งไปกลิ้งมาน้ำลายฟูมปาก พ่อของเด็กร้องขอพระเยซูว่า “ถ้าท่านช่วยได้ก็ขอโปรดช่วยเราเถิด”
พระเยซูตอบชายนั้นว่า “ทุกๆ สิ่งเป็นไปได้เสมอสำหรับผู้ที่เชื่อในพระเจ้า” พระเยซูสั่งผีว่า “เจ้าจงออกจากเขา!” แล้วผีร้ายก็ร้องเสียงดังและออกไปจากเด็กนั้น พระเยซูมีฤทธิ์อำนาจเหนือวิญญาณและพระทุกองค์ หลังจากนั้นไม่นานผู้นำชาวยิวได้ฆ่าพระเยซู แต่แล้วการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือการอัศจรรย์ทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้น นั่นคือพระเยซูได้เป็นขึ้นจากความตาย
พระเยซูมีชัยชนะเหนือมารซาตานและความตาย เพราะพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้เที่ยงแท้แต่องค์เดียว (ดนตรี)