บทที่ 7: สานักงานสาขาในออสเตรเลีย

บทที่ 7: สานักงานสาขาในออสเตรเลีย

"...ปฏิบัติงานทุกอย่าง" (1 พงศาวดาร 28:21)

เพื่อนคนหนึ่งของสจ๊วต มิลล์ในเมลเบอร์นขอให้เขาไปรับสตรีชาวอเมริกันสามคนที่กาลังเดินทางมาออสเตรเลียเพื่อเตรียมการบันทึกเสียงข่าวประเสริฐ สจ๊วตคิดในใจว่า "เสียเวลาเปล่าจริงๆ" พร้อมความรู้สึกค่อนข้างลาบากใจ "จะลาบากลาบนเดินทางมาบันทึกเสียงเรื่องพระกิตติคุณของพระเจ้าถึงที่นี่ทาไมกัน? ออสเตร-เลียมีแผ่นเสียงแบบนั้นมากมายก่ายกองอยู่แล้วนี่นา!"

ที่นครซิดนีย์สจ๊วตเป็นตัวแทนขององค์การมิชชันนารีสัมพันธ์จากนิวเซาท์เวลส์ ตามปกติแล้วสจ๊วตคุ้นเคยและยินดีให้บริการเพื่ออานวยความสะดวกแก่เหล่า มิชชันนารีระหว่างการเดินทางเสมอ แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน เพราะเขาไม่เคยรู้จักจอย ริดเดอร์ฮอฟ หรือได้ยินชื่อเสียงจีอาร์มาก่อน เขาจึงหวั่นใจว่าจอยกับเพื่อนอาจคาดหวังให้มีการจัดประชุมใหญ่ๆ เพื่อพวกเธอจะมีโอกาสประชาสัมพันธ์พันธ-กิจที่กาลังทาอยู่ แน่ล่ะ! ถ้าต้องจัดการประชุมใหญ่ที่นี่ เขาเองนี่แหละที่จะต้องเป็นผู้ดาเนินการ! อย่างไรก็ตามสจ๊วต มิลล์นึกหาทางเลี่ยงการพบกับมิชชันนารีพวกนี้ไม่ออกจริงๆ.ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเขาจึงจาต้องขับรถไปสนามบินพบและทักทายพวกเธออย่างเนือยๆ ตามมารยาท ขณะที่สาวๆ แนะนาตัวเองทีละคน

จอย ริดเดอร์ฮอฟ...

แอนน์ เชอร์วูด...

แซนนา บาร์โลว์...

มิชชันนารีสาวขอบคุณสจ๊วตด้วยความจริงใจ ที่กรุณาออกมาพบพวกเธอ แล้วทั้งสามสาวก็กุลีกุจอช่วยกันตรวจนับและขนกระเป๋าเดินทางจานวน 34 ชิ้นขึ้น รถตู้อย่างรวดเร็ว แล้วทั้งสามก็ส่งตัวเองตามเข้าไปนั่งบนรถในขณะที่สจ๊วตนั่งรอประจาที่นั่งคนขับ เขาสต๊าร์ทรถเคลื่อนตัวออกทันทีเมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมออก เดินทาง เขาคิดที่จะให้ความสนใจในแผนการของมิชชันนารีสาวทั้งสามตามมาร-ยาทเท่านั้น

มิชชันนารีสาวทั้งสามไม่มีท่าทีว่าคาดหวังการประชุมที่ควรจัดไว้ให้พวกเธอไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ตรงกันข้ามสิ่งที่พวกเธอต้องการคือออกจากที่นั่นไปให้ถึงนิวกีนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทาได้ สจ๊วตจึงเริ่มสอบถามพวกเธอถึงโครงการบันทึกและผลิตแผ่นเสียงของพวกเธอ เขาได้รับทราบว่าโครงการนี้จะไม่บันทึกเสียงเป็นภาษาอัง- กฤษเลย แต่จะเป็นภาษาท้องถิ่นต่างๆ ของชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ตามภูเขา

เรื่องใหม่ที่เพิ่งได้ยินดึงดูดความสนใจของสจ๊วตได้ทันที บันทึกเสียงเรื่องข่าวประเสริฐสาหรับชนเผ่าพื้นเมืองงั้นเหรอ! ความทรงจาหวนกลับไปยังแนวต้นปาล์มริมหาดของเกาะซาโลมอนทันทีพร้อมภาพเรือใบที่ชื่อ "ข่าวประเสริฐ" ออกไปสู่ผู้คนอาศัยอยู่ตามเกาะแก่งห่างไกล ไปถึงหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวลึกเข้าไปในป่าบนเกาะปรากฏขึ้นในห้วงคิด ยังจาภาพชนพื้นเมืองผมหยิกหยองนั่งยองๆ ตื่นเต้นสนใจเข้ามาใกล้เครื่องเล่นแผ่นเสียงขณะกาลังเล่นเพลงรักและเพลงแจ๊ส พวกเขาตั้งอกตั้งใจฟังเนื้อเพลงทั้งที่ไม่เข้าใจความหมายแม้แต่น้อยได้ และจะวิเศษ สักเพียงใดถ้าเสียงที่ดังออกมาจากเครื่องเล่นนั้น เป็นข่าวดีของพระเจ้าในภาษาที่คนเหล่านั้นเข้าใจ!

เขาตั้งคาถามสั้นๆ. หลายคาถามกับจอยและเธอตอบเขาพร้อมช่วยอธิบายขั้นตอนการทางานที่มีล่ามช่วย โดยใช้เนื้อหาที่พวกเธอเองเตรียมไว้ เธอเล่าไปถึงองค์กรและงานบันทึกเสียงพระกิตติคุณที่ได้ผลิตไปแล้วกว่า 400,000 แผ่น ใน 400 กว่าภาษา ทุกแผ่นถูกส่งไปให้กับมิชชันนารีที่จะใช้ได้ในงานประกาศของพวกเขาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ พวกเธอได้รับข่าวว่าทุกที่ที่พระเจ้าทรงใช้แผ่น เสียงเหล่านั้น ไม่เพียงผู้เชื่อได้รับการเลี้ยงดูฝ่ายวิญญาณ แต่พระเจ้ายังทรงใช้แผ่นเสียงเหล่านี้นาชีวิตไปให้กับผู้ที่ตายฝ่ายวิญญาณ คณะของเธอในคราวนี้ตั้ง ใจว่าจะบันทึกเสียงภาษาถิ่นทุกเผ่าในนิวกินีของออสเตรเลียจนกว่าจะครบ เธอเล่า ว่าในขณะที่พวกเธออยู่ที่นี่ คุณวอน คอลลินส์ก็กาลังบันทึกเสียงภาษาถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคุณดอน ริชเทอร์ในลอสแองเจลิสก็กาลังเตรียมตัวให้พร้อมที่จะออกไปร่วมรับใช้ภาคสนาม ยังมีภาษาถิ่นอีกมากในอินเดีย แอฟริกา ยุโรป...... "นานั้นได้แก่โลก" (มัทธิว 13:38)

ในช่วงครึ่งชั่วโมงของการพบผู้มาเยือนชาวอเมริกันทั้งสาม สจ๊วต มิลล์สัมผัสได้ว่าพระเจ้าทรงเปลี่ยนแนวทางชีวิตของเขาแล้ว "หูของเจ้าจะได้ยินวจนะข้างหลัง เจ้าว่า 'นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้' " (อิสยาห์ 30:21) เป็นถ้อยคาที่เขาเฝ้ารอคอยมานาน เขากับภรรยาออกจากการเป็นมิชชันนารีที่เกาะซาโลมอนด้วยเหตุผลทางครอบครัว เขาเองกลับมาทาธุรกิจ แต่ทั้งเขาและภรรยาก็ไม่เคยรู้สึกพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ การทรงเรียกให้ประกาศพระนามพระคริสต์ยังดินแดนที่ไม่มีใครประกาศนั้นเราจะเพิกเฉยไม่ได้ สจ๊วต มิลล์กับภรรยาพยายามจะกลับไปเกาะซาโลมอนอีก แต่ความจาเป็นต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วนก็ขัดขวางไว้ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ภาระนั้นก็ผ่านพ้นไปเพราะมีผู้อื่นเข้ามาช่วยแบ่งเบา พระเจ้าทรงนาพวกเขามาถึงทางแยก การมาของจอย ริดเดอร์ฮอฟเริ่มช่วยให้พวก เขาเห็นแผนงานของพระเจ้าที่ทรงเตรียมไว้ให้พวกเขา แผนการเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะเป็นไปได้มาก่อน นั่นคือการที่พวกเขาจะได้ทางานอยู่กับบ้านในซิดนีย์ และยังสามารถส่งข่าวประเสริฐของพระเจ้าไปถึงผู้คนในหลายเผ่าพันธุ์หลายภาษา เป็นจานวนมากกว่าที่เขาจะกลับไปเป็นมิชชันนารีประกาศข่าวประเสริฐด้วยตัวเอง

เมล็ดแห่งความคิดเรื่องสาขาจีอาร์ในออสเตรเลียถูกหว่านลงในใจของสจ๊วต ในช่วงระยะเวลาแสนสั้นที่เขาไปรับจอยกับเพื่อนจากสนามบินไปส่งที่พัก ซึ่งพวกเธอได้จุดประกายความคิดให้เขาโดยไม่รู้ตัว พวกเธอเดินทางไปเมลเบอร์นทันทีที่ทาได้เพื่อพบกับคุณเจ. โรเบิร์ต สตอรี่ ผู้อานวยการพันธกิจสู่กลุ่มชนที่ยังไม่เคยได้ยินข่าวประเสริฐ เจ. โรเบิร์ต สตอรี่มีภาระใจที่จะประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้ากับชนเผ่าพื้นเมืองในออสเตรเลียและนิวกีนี จึงวางแผนบันทึกเสียงข่าวประเสริฐขึ้น มา มิชชันนารีสาวทั้งสามอยู่ในออสเตรเลียไม่กี่วันพวกเธอก็ได้เริ่มอธิษฐานขอพระเจ้าจัดเตรียมใครสักคนในดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลทางตอนใต้ของออสเตรเลียนี้ให้มารับผิดชอบการแจกจ่ายแผ่นเสียง ใครสักคนหนึ่งที่เต็มใจเสียสละเวลาส่วนตัว จะมากหรือน้อยก็ตามแต่เพื่อพันธกิจนี้ ในขณะอธิษฐานพวกเธอไม่ได้เข้าใจชัดกับสิ่งที่ทูลขอจากพระเจ้า แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนาในการอธิษฐาน เช่นเดียว กับที่พระองค์ทรงนาสจ๊วต มิลล์ในแผนงานนี้ที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า

เมื่อมิชชันนารีสามสาวเดินทางย้อนกลับมาที่ซิดนีย์เพื่อเดินทางต่อไปยังนิว กีนีก็ได้พบกับสจ๊วต มิลล์อีกครั้ง คราวนี้เขาพาพวกเธอไปที่บ้านของเขา และพวกเธอเพิ่งทราบว่าสจ๊วต มิลล์ไม่ใช่แค่เคยเป็นมิชชันนารีเท่านั้นแต่ยังเป็นวิศวกรมืออาชีพอีกด้วย สจ๊วต มิลล์บอกพวกเธอว่าเขายินดีที่จะเป็นตัวแทนอยู่ในซิดนีย์ เขามีพื้นที่ว่างกว้างขนาด 1,600 ตารางฟุตอยู่ชั้นบนสุดของโรงงานของเขาเอง เขายินดีให้พื้นที่นี้แก่องค์กรและถ้ามีอะไรอื่นที่เขาสามารถทาได้เพื่อองค์กรเขาก็เต็มใจอย่างยิ่งที่จะทา

จอยอธิบายว่าสิ่งจาเป็นที่เธออธิษฐานขอมานานปี คืองานผลิตแผ่นเสียงด้วยเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ทางานโดยใช้มือหมุน

สานักงานสาขาจีอาร์เปิดทาการ ณ ชั้นบนสุดของอาคารบริษัทที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวิหารเซนส์แอนดรู นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย อุปกรณ์สานักงานที่จาเป็นก็มีเพียงโต๊ะหนึ่งตัว โทรศัพท์และสมุดโทรศัพท์เท่านั้น! คุณสจ๊วต มิลล์ใช้เวลาทางานหลายชั่วโมงกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นใหม่ ความคิดของเขาล่องลอยไปไกลขณะทางาน นึกเห็นภาพจากฝั่งตะวันออกข้ามแปซิฟิกไปถึงเกาะฟิจิ จากเกาะฟิจิไปทางเหนือคือนิวแฮบริดีส อ้อมไปเกาะซาโลมอน นิวกีนีและหมู่เกาะต่างๆ ที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งประเทศสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และนานาประเทศในเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ แผนที่ตั้งประเทศเหล่านี้รูปร่างคล้ายพัดขนาดมหึมามีออสเตรเลียเป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมโยงให้เข้าถึงดินแดนที่อยู่ห่างไกลที่สุด ด้วยความรู้สึกรับผิดชอบ เขานึกถึงเผ่าพันธุ์นิรนามเล็กๆ หลายร้อยเผ่าที่อาศัยกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปตามเกาะใหญ่น้อยของนานาประเทศแถบนี้ ที่ยังไม่เคยได้ยินข่าวประเสริฐของพระคริสต์ ในภาษาของตัวเองเลย การนาความจริงเบื้องต้นเกี่ยวกับความรอดนิรันดร์ไปสู่หมู่ชนเหล่านี้เป็นไปได้แล้ว ด้วยวิธีพิเศษของพันธกิจบันทึกเสียงข่าวประเสริฐ ทีนี้คา ถามก็อยู่ที่ว่าตัวเขาเองมีความเชื่อและความกล้าพอที่จะร่วมงานกับองค์กรพันธกิจ ที่ไม่มีการสนับสนุนด้านการเงินใดๆ แก่พนักงานหรือกิจการขององค์กรเลยหรือไม่? การทางานโดยอาศัย "ความเชื่อ" แบบนั้นอาจเป็นไปได้สาหรับประเทศอเมริกาที่มีประชากรครึ่งประเทศเป็นสมาชิกคริสตจักร และการถวาย "สิบลด" จากรายได้ส่วนบุคคลเป็นเรื่องปกติ แต่ "ความเชื่อ" จะเป็นไปได้ในประเทศออสเตรเลียหรือ ในเมื่อมีประชากรแค่ 5 เปอร์เซนต์เท่านั้นที่ไปโบสถ์ เมื่อเป็นอย่างนี้เขาจะหวังได้อย่างไรว่าจะมีใครอยากร่วมงานและเข้าเป็นสมาชิกองค์กรลักษณะนี้ในประเทศของเขา? พันธกิจนี้ไม่ได้ต้องการนักเทศน์หรือมิชชันนารี แต่เป็นช่างเครื่อง เลขา ช่างเทคนิคและใครเล่าจะสนใจสนับสนุนคนเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่องบประมาณทุกอย่างต้องเก็บเป็นความลับ! ดูเหมือนว่าการอัศจรรย์แห่งการจัดเตรียมให้ทั้งในแง่บุคลากรและการเงินอย่างที่จอยพูดถึงนั้นยากจะเกิดขึ้นได้ที่นี่! แต่...

"พระเจ้าในออสเตรเลียไม่ทรงเหมือนพระเจ้าในสหรัฐหรอกหรือ?" จอยถาม

ใช้เวลาไม่นานเลยสาหรับสจ๊วต มิลล์ที่จะพิสูจน์ว่าพระเจ้าในออสเตรเลียและอเมริกาทรงเหมือนกัน

วันหนึ่งสตรีคริสเตียนคนหนึ่งมาหาเขาและบอกว่า "พระเจ้าทรงวางภาระใจเรื่องงานนี้ในใจของดิฉัน ให้ฉันช่วยคุณในตาแหน่งเลขาได้มั้ย?" สจ๊วตรับข้อเสนอ ของเธอด้วยความดีใจ และเช้าอีกวันหนึ่งสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่งมาหาสจ๊วต ประกาศความเชื่อของพวกเขาว่าพระเจ้าทรงเรียกพวกเขาให้ทางานนี้ คราวนี้สจ๊วต มองทั้งคู่ด้วยใจห่อเหี่ยว ทั้งคู่ยังเด็กเหลือเกินแถมไม่มีประสบการณ์อะไรเลย "โอ... คิดว่าพระเจ้าจะส่งคริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่ให้เรา"

สจ๊วตถามหนุ่มสาวคู่นั้นว่า "คุณเข้าใจเงื่อนไขของงานที่นี่หรือเปล่า?" "ที่นี่ ไม่มีค่าจ้างหรือเงินเดือนจ่ายให้หรอกนะ ถ้าคุณร่วมทางานนี้คุณต้องคอยการทรงช่วยเหลือเลี้ยงดูทุกอย่างจากพระเจ้าเพียงผู้เดียว" แน่ละหนุ่มสาวทั้งคู่บอกว่าเข้า ใจดี เวลานั้นพวกเขาไม่ได้บอกสจ๊วตด้วยว่าพวกเขาเองก็ไม่มีอะไรเลย พ่อแม่ไม่พอใจพวกเขา คริสตจักรไม่เห็นด้วยกับพวกเขา และสามีหนุ่มก็ป่วยมาสามเดือนแล้ว! สจ๊วตแนะนาทั้งคู่ว่าควรกลับบ้านอธิษฐานใคร่ครวญให้ดี เขาบอกกับทั้งคู่ว่า "ผมเข้าใจพวกคุณดี ถ้าพวกคุณตัดสินใจไม่กลับมาที่นี่อีก" แล้วจึงบอกลาสองสามีภรรยา แน่ละสจ๊วตคาดว่าจะไม่ได้เห็นพวกเขาอีกเลย แต่ชายหนุ่มผู้เป็นสามีก็มา ถึงแต่เช้าในวันต่อมา เขาถอดเสื้อโค้ทแขวนไว้ที่ตะปูแล้วพลางกวาดสายตาดูว่าจะช่วยทาอะไรได้บ้าง เขาไม่เคยปริปากถามเรื่องค่าแรง สี่ปีผ่านไปสองสามีภรรยาก็ยังคงร่วมอยู่ในพันธกิจจีอาร์อย่างมีความสุข!

มีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งเป็นช่างซ่อมเครื่องกลมาสมัครงาน หนุ่มคนนี้หมั้นแล้ว และกาลังจะแต่งงาน คู่หมั้นสาวบอกเขาว่า "คุณไปทางานพันธกิจจีอาร์เถอะ ฉันจะ ทางานหาเงินค่าใช้จ่ายสาหรับครอบครัวของเราเอง" ภายหลังมีคนถามเธอว่า "แล้ว เธอล่ะ ไม่มาช่วยงานพันธกิจด้วยกันเหรอ? องค์กรผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงไม่ทันและส่งเครื่องเล่นแผ่นเสียงออกไปล่าช้า งานในสานักงานก็มีมากเหลือเกิน องค์จอม เจ้านายไม่ได้ทรงสัญญาไว้หรอกหรือว่า "จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความ ชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้" (มัทธิว 6:33) เธอจึงตัดสินใจเข้าร่วมทีมงานของจีอาร์ตั้งแต่นั้นมา ด้วยความเป็นน้าหนึ่งใจเดียวกันทั้งคู่ก็ได้พิสูจน์ว่า คาอธิษฐานของพวกเขาที่ว่า "ขอทรงโปรดประทานอาหารประจาวันแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในวันนี้" นั้นไม่ได้ไร้ความหมาย

ช่วงปลายปีแรกสาขาออสเตรเลียก็สามารถผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียง และส่ง ออกไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลก สาขานี้ตัดสินใจว่าจะทาการบันทึกเสียงด้วย พวกเขา สร้างห้องบันทึกเสียงขนาดเล็กขึ้น และมีเครื่องตัดแผ่นเสียงต้นแบบที่ซื้อมาในรา คาถูกมาก ตอนนี้พวกเขาคิดว่าการตัดแผ่นเสียงเป็นเรื่องง่าย สจ๊วตจึงเข้าไปห้องบันทึกเสียงพร้อมที่จะตัดแผ่นเสียง แต่เขากลับพบว่าการตัดแผ่นเสียงต้นแบบนั้นไม่ไช่เรื่องง่ายเลย เพื่อนของสจ๊วตที่คิดจะช่วยเขาตัดแผ่นเสียงก็กลับพบว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิดเหมือนกัน พวกเขาจึงทาอะไรไม่ได้นอกจากปิดห้องบันทึกเสียงและอธิษฐานขอให้มีใครสักคนหนึ่งที่สามารถใช้อุปกรณ์นี้ได้

ในเวลาเดียวกันนั้นทีมงานก็ได้รับจดหมายจากชายหนุ่มคนหนึ่งในเมลเบอร์น ที่เคยอ่านหนังสือเรื่อง "ขุนเขาร้องเพลง" ซึ่งเขียนโดยแซนนา บาร์โลว์ เป็นเรื่อง ราวของงานบันทึกเสียงในฟิลิปปินส์

เนื้อความในจดหมายเขียนว่า "พระเจ้าได้ทรงตรัสกับผม.. ผมจะส่งเงินส่วนหนึ่งของรายได้รายสัปดาห์ของผมมาสนับสนุนจีอาร์" ในที่สุดเขาก็มีโอกาสมานครซิดนีย์ด้วยตัวเองในช่วงวันหยุดและได้แวะเยี่ยมที่สานักงาน เขาแนะนาตัวเองว่า "ผมคือคนที่เขียนจดหมายจากเมลเบอร์น.. พระเจ้าทรงตรัสกับผมอีกครั้ง ผมต้องออกจากงานที่ทาในห้องบันทึกเสียงของสถานีวิทยุในกรุงเมลเบอร์นและมาที่นี่...." แล้วเขาก็ทาอย่างที่บอก ถวายสี่วันต่อสัปดาห์ทางานในห้องบันทึกเสียงเล็กๆ ขององค์กร เพราะเขาเป็นช่างตัดแผ่นเสียงมืออาชีพ !

มีคนอื่นๆ ทยอยเข้ามาอาสาทางานและไว้วางใจให้พระเจ้าเป็นผู้ประทานทุกสิ่งที่จาเป็น นี่เป็นหลักฐานพยานว่าพระเจ้าทรงสัมผัสจิตใจ และทรงประทานคนงานที่มีทักษะยอดเยี่ยมเหมาะกับงานแต่ละชนิด ให้เข้ามาร่วมงานพันธกิจได้ แม้แต่ในออสเตรเลีย!

และแล้วก็ถึงเวลาในปี 1955 พวกเขาเริ่มไม่พอใจกับกาลังการผลิตที่ไม่พอเพียงต่อความต้องการขององค์กรเนื่องจากสานักงานมีพื้นที่จากัด เวลานั้นพวกเขาผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงได้คราวละ 50 เครื่อง ซึ่งไม่พอส่งตามใบสั่งของ ดังนั้นพวกเขาจะต้องมีพื้นที่กว้างขึ้นกว่าเดิม และที่ดินต้องเป็นทรัพย์สินขององค์กรด้วย เพื่อจะได้สร้างทั้งโรงงานและบ้านพักให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อทุกคนจะได้สะดวกในการทางาน พวกเขาร่วมใจกันอธิษฐานด้วยความสงสัยว่าความปรารถนานี้มาจากเนื้อหนังหรือมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ วันหนึ่งบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คริสเตียนโทรศัพท์หาสจ๊วตบอกว่า

"มีสุภาพสตรีสามท่านในเมลบอร์นต้องการให้บ้านหลังหนึ่งแก่คุณ คุณจะทาอะไรหรือใช้บ้านหลังนี้อย่างไรก็แล้วแต่คุณ จะขายเอาเงินมาใช้ก็ได้ถ้าคุณต้อง การ....."

นี่จะนับเป็นการยืนยันชัดเจนว่าแผนการนี้เป็นของพระเจ้าได้หรือไม่? แน่นอน พวกเขาต่างเชื่ออย่างนั้น พวกเขาเจอที่ดินผืนหนึ่งที่น่าสนใจและเจ้าของประกาศขาย แต่ก็มีเหตุยุ่งยากที่พวกเขาแก้ไขไม่ได้เกิดขึ้น เพราะที่ดินผืนนี้อยู่ในเขตที่อยู่อาศัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายผังเมืองจึงไม่อนุญาตให้พวกเขาสร้างโรงงาน

อย่างไรก็ตาม ด้วยความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าศูนย์พันธกิจบันทึกเสียงข่าวประเสริฐของออสเตรเลียต้องตั้งอยู่บนที่ดินขนาดห้าเอเคอร์ครึ่งในย่านอี้สวูด ห่างจากนครซิดนีย์ 11 กิโลเมตร ในที่สุดพวกเขาก็ซื้อที่ดินผืนนี้ และตัดสินใจว่า "เราจะจัดงานประชุมประจาปีที่นั่น และจะทาพิธีถวายที่ดินผืนนี้แด่พระเจ้าให้เป็นโรง งานในอนาคต โดยความเชื่อ! วันประชุมถูกกาหนดขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน 1956 ก่อนการประชุมประจาปีเพียงหนึ่งวันพวกเขาได้รับทราบว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายผังเมืองเปลี่ยนใจจากที่เคยปฏิเสธกลับอนุญาต และยังบอกอีกว่า "คุณประกาศในที่ประชุมประจาปีของพวกคุณได้เลยว่าทางการอนุญาตให้พวกคุณสร้างโรงงานบนที่ดินผืนนั้น"

การก่อสร้างดาเนินไปตามกาลังงบประมาณที่มี ระหว่างการก่อสร้างมีความทรงจาที่น่าจดจาเนื่องมาจากการทรงจัดเตรียม "ในนาทีสุดท้าย" หลายต่อหลายครั้งเช่นครั้งหนึ่งขณะใกล้ถึงกาหนดต้องจ่ายเงิน 400 ปอนด์ และเงินจานวนนี้มาถึงในนาทีสุดท้ายจากแคชเมียร์ เป็นมรดกจากมิชชันนารีวัยกว่า 90 ปี ผู้ซึ่งได้พบกับจอย ริดเดอร์ฮอฟเมื่อสองปีก่อนหน้านั้น มิชชันนารีท่านนี้ได้สั่งให้ทนายของเธอจ่ายเงินจานวนนั้นให้กับจีอาร์ในออสเตรเลีย ถ้าของขวัญจากไปรษณีย์สามรายการ เป็นจานวนเงินพอดีกับเงินดาวน์งวดแรกที่ต้องจ่ายไม่มีมาถึงในเช้าวันนั้น โครงการก่อ สร้างทั้งหมดคงต้องถูกสั่งระงับอย่างแน่นอน หนึ่งปีนับจากพิธีถวายที่ดินเปล่าผืนนี้แด่พระเจ้าอย่างเป็นทางการอีก พีธีหนึ่งก็เกิดขึ้น คราวนี้เป็นงานพิธีถวายอาคาร โรงงานที่เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ

ในช่วงเวลาที่ต้องเดินทางไป "บันทึกเสียง" ภาษาต่างๆ ในหมู่เกาะซาโล มอน การบริหารงานที่กาลังขยาย และมีบรรยายในที่ประชุมหลายแห่ง สจ๊วต มิลล์ก็ยังต้องปล้าสู้กับปัญหาที่จอย ริดเดอร์ฮอฟเคยหยิบยกขึ้นมาก่อนหน้านี้ นั่นคือการ พยายามหาวิธีผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบที่ใช้ง่ายไม่ซับซ้อน พวกเขาปรารถนา ที่จะทาเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่แม้แต่เด็กเล็กๆ ก็สามารถใช้เป็น สมาชิกองค์กรพันธ-กิจจีอาร์สาขาออสเตรเลียได้ทาเครื่องเล่นแผ่นเสียงออกมาหลายรุ่น และดูเหมือน ว่ารุ่นล่าสุดก็มีความเรียบง่ายกว่ารุ่นก่อนๆ เสมอ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่พอใจ พวกเขายังคงครุ่นคิดหาวิธีทา "กล่องพูดได้" ชนิดที่แผ่นเสียงบนแท่นจะหมุน 78 รอบต่อนาทีอย่างสม่าเสมอ แม้ว่ามือหมุนจะหมุนไม่สม่าเสมอ

พวกเขาอธิษฐานแล้วก็ทดลอง ทดลองแล้วก็อธิษฐาน ซ้าแล้วซ้าเล่าจนแทบสิ้นหวัง และแล้วความช่วยเหลือก็มาจากผู้ผลิตที่สั่งให้วิศวกรของบริษัทคิดค้นหาวิธีการประดิษฐ์เครื่องเล่นแผ่นเสียงในปี 1957 นาทีแห่งชัยชนะก็มาถึง สจ๊วต มิลล์ ถือสิ่งที่เป็นคาตอบต่อการบากบั่นอธิษฐานและการทดลองหลายต่อหลายครั้งของพวกเขาอยู่ในมือ กล่องเครื่องเล่นแผ่นเสียงขนาดจิ๋วที่มีต้นทุนการผลิตต่า มีความทนทาน ไม่มีมอเตอร์ น้าหนักเบา มีแผ่นดิสก์หมุน 78 รอบ/นาทีไม่ขาดไม่เกิน ไม่ว่ามือหมุนจะหมุนช้าหรือเร็ว !

บทที่ 8: พันธกิจที่มีอยู่ข้างหน้า

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ความเชื่อเกิดขึ้นเพราะการได้ยิน - เรื่องราวของการบันทึกเสียงพระกิตติคุณ - ผู้เขียน ฟิลลิส ทอมสัน ผู้แปล แอนนาเบล รูลิสัน และทีมงาน