บทที่ 1: บันทึกเสียงครั้งแรก

บทที่ 1: บันทึกเสียงครั้งแรก

"ผู้ใดดูหมิ่นวันแห่งการเล็กน้อย?" (เศคาริยาห์ 4:10)

แสงแดดจากแปซิฟิกสาดแสงอบอุ่นอาบร่างของมิชชันนารีสาวขณะเอนตัว นอนครนุ่ คิดอยู่บนเตียงในห้องนอนใต้หลังคาของเธอ ณ บ้านเลขที่ 122 ถนน วิทเมอร์ เมืองลอสแองเจลิส ในปี 1937 จอย ริดเดอร์ฮอฟเพงิ่ กลับจากประเทศ ฮอนดูรัสเมื่อไม่นานมานี้ เธอกลับมาพักฟื้นที่บ้านเกิดเมืองนอนของเธอ ถึงแม้ว่า ร่างกายจะอ่อนแอมากจากโรคท้องร่วงและไข้มาลาเรีย แต่ทว่าความคิดของเธอ กลับล่องลอยไปไกลแสนไกล ถึงภูเขาที่ตัง้ อยู่เรียงรายต่อกันราวกับคลื่นทะเล ที่ นัน่ เป็นที่ตัง้ ของประเทศเล็กๆ ในแถบทะเลแคริบเบียน เธอคิดถึงภาพตลาดเล็กๆ ในช่วงเทศกาล เห็นแผงลอยหลังคามุงจากเรียงรายกันเป็นแถว เห็นชาวพื้นเมือง ที่มีตาและผมสีดา ท่ามกลางฝูงชนเหล่านั้นมีสุนัขหน้าตามอมแมม หมูส่งเสียงร้อง อู๊ดอี๊ด ทัง้ ไก่และวัวเดินเพ่นพ่านไปหมด เธอได้นัง่ บนหลังลาอีกครัง้ หนึ่งเพื่อเดิน ทางไปยังหมู่บ้านตา่ งๆ เสียงลาเดินกุบกับไปตามทางแคบๆ ชาวบ้านแตล่ ะหมู่บ้าน สร้างบ้านเรือนอยู่รอบๆ โบสถ์คาทอลิกหลังใหญ่ มีเสียงตีแป้งข้าวโพดของเหล่า แม่บ้านที่เตรียมทา แพนเค้ก ซึ่งเป็นอาหารหลักของพวกเขา

บ่อยครัง้ จอยเดินทางออกจากหมู่บ้านที่เธอเป็นมิชชันนารีอยู่ตามลา พัง พระ เจ้าทรงนาเธอให้มีภาระใจที่จะออกไปเสาะหาคนหลงหาย แล้วเธอก็ได้พบบางคน ตอนน้เี ธอคิดถึงคนเหล่านั้นเธอจึงอธิษฐานเผื่อพวกเขาทีละคนๆ จนมาถึงหญิงม่าย ยากจนคนหนึ่ง ซึ่งจอยมีโอกาสไปเยี่ยมเพียงสองครัง้

ครัง้ แรกที่จอยมีโอกาสไปเยี่ยมหญิงม่ายที่บ้านหลังเล็ก ๆ . ของเธอบนเทือกเขา หญิงม่ายมีโอกาสได้ฟังเรื่องความรอดที่มีผ่านทางพระเยซูคริสต์เพียงผู้เดียว และ เธอได้ตัดสินใจต้อนรับเอาพระเยซูคริสต์ เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของเธอด้วย ใจร้อนรน และไม่เพียงเธอเท่านั้นที่เชื่อแต่ลูกสะใภ้ของเธอก็เชื่อด้วย ในคืนนั้นแม้ จอยต้องเดินทางกลับท่ามกลางสายฝนและความมืด บนถนนที่ลื่นเละเป็นโคลนไกล ถึง 12 กิโลเมตร แตจิ่ตใจของจอยกลับเต็มไปด้วยเสียงเพลง เพราะในวันนัน้ มีสองคน มาถึงพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว ตอ่ มามขี ่าววา่ หญิงม่ายยากจนคนน้ถี ูกข่มเหง แตค่ วาม เชื่อของเธอก็ไม่ได้ถดถอย เธอกลับยงิ่ กระหายที่จะฟังเรื่องราวทางแห่งชีวิตมากขึ้น

เมื่อใกล้สิ้นสุดการเป็นมิชชันนารีในช่วงหกปีแรก สุขภาพของจอยแย่ลง แต่ อย่างไรก็ตามเธอรู้ว่าจะต้องพยายามหาวิธีกลับไปเยี่ยมหญิงม่ายคนนั้นอีกครัง้ "ผู้ ใดได้รับมาก จะต้องเรียกเอาจากผู้นั้นมาก" (ลูกา 12:48) ในชีวิตของจอยมีโอกาส เรียนรู้เรื่องราวของพระเจ้ามากมาย เธอเกิดและเติบโตในครอบครัวคริสเตียน เธอ ได้ไปเรียนพระคัมภีร์หลายปี ได้สะสมพระคา ของพระเจ้าไว้ในใจและมีประสบการณ์ ในฤทธิอ์ า นาจแห่งพระคา นั้น แต่หญิงม่ายยากจนคนน้ไี ม่มีโอกาสเช่นนั้น ไม่มีพระ คา ของพระเจ้าสักข้อให้เธออ่าน และเธอก็อ่านหนังสือไม่ได้ด้วย

"ถ้าเพียงแตฉั่นได้สอนพระคัมภีร์ให้เธอสักข้อหน่งึ เธอก็จะได้รู้จักพระคัมภีร์ ข้อนั้นแล้ว" จอยคิดในใจ "และนัน่ จะเป็นอาวุธที่จะคอยช่วยป้องกันเธอจากความ บาปและการทดลอง" จอยจึงไปหาหญิงม่ายคนนั้นอีกและใช้เวลาด้วยกันตลอดทัง้ วันเพื่อช่วยแบ่งปันหนุนใจ และยงิ่ กว่านั้นคือให้พระคา ล้า ค่าของพระเจ้าแก่เธอ ทัง้ สองนัง่ อยู่ด้วยกันหลายชัว่ โมง มิชชันนารีสาวอ่านข้อพระคัมภีร์คา ต่อคา อย่างช้าๆ ซ้า ไปซ้า มา ส่วนหญิงม่ายพูดตามอย่างตะกุกตะกักผิดๆ ถูกๆ เมื่อเธอพูดสองประ โยครวมกันหญิงม่ายก็สับสน แม้จะเป็นคา ง่ายๆ แต่หญิงม่ายก็พูดสลับกันไปมา และแล้วจอยก็ต้องบอกลาในตอนค่า โดยไม่แน่ใจวา่ หญิงม่ายยากจนผู้มีความเศร้า โศกและความกระวนกระวายอยู่ในใจผู้นี้ จะสามารถจดจา พระคา ข้อนั้นได้หรือไม่ เวลานี้จอยนอนอยู่บนเตียงที่บ้านเกิด แต่ความรู้สึกตอนจากหมู่บ้านบนเทือกเขา นั้นยังคงอยู่กับเธอ

ถ้าเธอสามารถมอบเสียงพูดของเธอให้อยู่กับหญิงม่าย เพื่อพูดข้อพระคัมภีร์ ซ้า ไปซ้า มาจนกระทัง่ ซึมซับเข้าในใจของหญิงม่าย เพียงแค่เสียงพูด... ต้องการเพียง เสียงพูดที่พูดเหมือนเดิมหลายๆ ครัง้ ... แต่เธอมีเสียงพูดเพียงเสียงเดียวและมันก็ อยู่ในร่างกายของเธอ จะนาเสียงพูดออกไปใช้โดยปราศจากร่างกายก็เป็นไปไม่ได้!

ช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาวปี 1937 จอยต้องใช้เวลาส่วนใหญ่นอนอยู่บน เตียงของเธอ แม้จะอยู่ภายใต้การดูแลของหมอและมีการอธิษฐานเผื่ออย่างจริงจัง แต่สุขภาพของเธอก็ไม่ดีขึ้นเลย เวลาผ่านไปหลายเดือน ความหวังที่จะได้กลับไป ฮอนดูรัสก็น้อยลงไปทุกที จนบางครัง้ เธอเกือบถูกความรู้สึกผิดหวังครอบงา แตค่ วาม จริงข้อหน่งึ ที่ฝังลึกอยู่ในใจของเธอตัง้ แต่สมัยอยู่โรงเรียนพระคริสตธรรม เวลานั้น เธอได้เรียนรู้จนเกือบกลายเป็นนิสัยที่จะเผชิญทุกสงิ่ ด้วยความเชื่อว่า "พระเจ้าทรง ทา ให้เกิดผลอันดีในทุกสิง่ สา หรับคนทีรั่กพระองค์" (โรม 8:28) ดังนั้นเธอจะต้องชื่น ชมยินดี โดยเฉพาะตอนเธอเป็นมิชชันนารีอยู่ต่างประเทศ ความจริงข้อน้ไี ด้ช่วยให้ เธอมีชัยเหนือความคับข้องใจและความผิดหวัง ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงข้อนี้เวลานี้ เธอคงจมอยู่ในปัญหา หลายครัง้ จอยได้เห็นพลังแห่งการสรรเสริญช่วยกู้วิญญาณที่ ถูกกดขี่ ที่ฮอนดูรัสมีบาทหลวงคนหนึ่งคอยควบคุมหมู่บ้านบนเทือกเขาที่จอยอยู่ เขาโกรธและต่อต้านจอยอย่างเปิดเผย ทัง้ ยังเคยวางแผนที่จะฆ่าเธอด้วย เมื่อ ความกดดันและความหดหู่ต่างๆ ทา ให้เธอทนแทบไม่ไหว เธอพูดกับตัวเองว่า "ความทุกข์แสนสาหัสเหลา่ นี้จะทา ให้เราได้เห็นการอัศจรรย์ที่พระเจ้ากา ลังจะทา ใน อนาคต" ดังนั้นเมื่อเธอได้รับข่าวไม่ดีเกี่ยวกับการรักษาของเธอ รวมทัง้ อาการ อ่อนเพลียทางร่างกาย เธอจึงระลึกว่า "ในสถานการณ์เช่นนี้ฉันสามารถชื่นชมยินดี ได้...ฉันต้องชื่นชมยินดี ฉันเชื่อว่าพระเจ้าจะทา การอัศจรรย์" เธอขอบคุณพระองค์ เมื่อความเชื่อเข้มแข็งความผิดหวังนั้นได้พลันหายไป ความชื่นชมยินดีและความ หวังเข้ามาแทนที่

ถ้าเธอไม่มีท่าทีแห่งความเชื่อเช่นนี้ แผนการของพระเจ้าจะสา เร็จผ่านตัว เธอไม่ได้ เพราะความเจ็บปวดที่นาไปสู่ความหดหู่ใจนั้น ไม่ทา ให้เกิดผลดีใดๆ เลย เธอไม่เพียงมีภาระใจกับผู้ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้าที่อยู่ในหมู่บ้านต่างๆ บนเทือกเขา ฮอนดูรัสเท่านั้น แต่เธอยังได้อธิษฐานอย่างจริงจังด้วยความเชื่อ ในปฐมกาลพระ วิญญาณของพระเจ้าทรงเคลื่อนไหวบนผิวน้า เช่นเดียวกันเวลานี้พระวิญญาณของ พระเจ้าทรงเคลื่อนไหวในความทรงจา ของเธอ

จอยยังจา เสียงแหบๆ ของแผ่นเสียงที่กา ลังเล่นเพลงอยู่ในร้านเหล้าและร้าน ค้าเล็กๆ ในฮอนดูรัส เธอยังจาเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่เล่นเพลงนมัสการภาษาอังกฤษ และเพื่อนมิชชันนารีได้ตัง้ ข้อสังเกตวา่ "ถ้าเรามีแผ่นเสียงภาษาสเปนด้วยก็คงจะดี" ย้อนกลับไปตอนที่เธอยังเด็ก เธอจา ความได้ว่าครัง้ หนึ่งคณุ พ่อของเธอได้ซื้อเครื่อง เล่นแผ่นเสียงมือสองพร้อมกับแผ่นเสียงหลายแผ่น ซึ่งทา ให้ทุกคนในครอบครัวตื่น เต้นกันมาก เด็กๆ ฟังแผ่นเสียงเหล่านั้นอย่างสนุกสนาน แผ่นเสียงเหล่านั้นมีอยู่ สองสามเพลงที่เป็นเพลงตลกโปกฮา เพลงแนวนั้นถูกใจพวกเด็กๆ เป็นพิเศษพวก เขาจึงพากันฟังซ้า แล้วซ้า เล่า จนคุณพ่อผู้เป็นนักดนตรีที่เคร่งในศาสนาได้ยินเข้า ท่านจึงทา ลายมันทิ้งหมด แต่เสียงเพลงพวกนั้นยังดังก้องอยู่ในหูของจอย มันฝัง อยู่ในความทรงจา ของเธอในวัยเด็ก กระทัง่ เดี๋ยวนี้เธอก็ยังคงจดจา เพลงเหล่านั้น ได้แม้เวลาผ่านไปกว่า 20 ปีแล้วก็ตาม การฟังซ้า แล้วซ้า เล่าทา ให้สงิ่ ที่ฟังนั้นฝังอยู่ ในความทรงจา และไม่อาจลบมันออกไปได้

จากความทรงจา ในวัยเด็กได้จุดประกายความคิดของจอยอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ตัว แผ่นเสียง !

แผ่นเสียงถูกอัดซ้า จากเสียงหนึ่งเสียงให้กลายเป็นร้อยเป็นพันเสียง แผ่นเสียงพูดเหมือนเดิมทุกครัง้ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหน่อื ย...

จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีเพียงสักคนหนึ่ง ผลิตแผ่นเสียงเพลงและข่าวประเสริฐ เป็นภาษาสเปน !

จอยได้พบชายคนหนึ่งโดยบังเอิญ เขามีความรู้เรื่องเทคนิคต่างๆ เขาเห็น ด้วยกับจอยที่จะนาอุปกรณ์บางอย่างมาช่วยในการประกาศข่าวประเสริฐ หลังจาก นั้นจอยเรียนรู้วา่ เธอสามารถเรมิ่ ทา บางอย่างด้วยตัวเองได้ เธอจึงอธิษฐานอย่างจริง จังและแบ่งปันความฝันของเธอให้กับคนสองสามคนฟัง เธอก้าวไปในภาคปฏิบัติ โดยเรมิ่ ทา สงิ่ สา คัญสงิ่ หน่งึ ที่จะทา ให้เป้าหมายของเธอสา เร็จ นัน่ คือการฝึกเล่นกีตาร์

"นี่เป็นสงิ่ ที่ฉันทา ได้ในช่วงที่ยังไม่ได้ทา อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน วันข้างหน้ามัน อาจมีประโยชน์กับการบันทึกเสียงเพลงภาษาสเปน" จอยให้เหตผุ ลกับครูสอนดนตรี เมื่อเขาถามว่าทา ไมถึงมาเรียนเครื่องดนตรีชนิดนี้

ครูสอนดนตรีสนใจคา ตอบของเธอมาก เขาบอกวา่ รู้จักชายคนหน่งึ ที่เคยเป็น มิชชันนารีอยู่ในอเมริกากลาง ตอนนี้เขากา ลังสร้างห้องบันทึกเสียงที่มีอุปกรณ์ครบ ครันในบ้านของเขาเอง "ผมมัน่ ใจวา่ เขาจะช่วยคุณได้" ครูสอนดนตรีพูด

เมื่อจอยไปพบกับมิชชันนารีคนนั้น ปรากฎว่าเขาช่วยได้จริงๆ เขาไม่เพียง ให้ความร่วมมือเท่านั้นแตจ่ ะผลิตแผ่นเสียงโดยไม่คิดเอากา ไรด้วย เธอได้รับการทรง นาทีละก้าว และเธอยังวางแผนก้าวต่อไปด้วยความมัน่ ใจ ในวันสิ้นปี 1938 เธอ เดินทางไปยังห้องบันทึกเสียงเพื่อบันทึกเสียงข่าวประเสริฐครัง้ แรกเป็นภาษาสเปน โดยไม่มีเพื่อนร่วมงานคนอื่นนอกจากเจ้าหน้าที่เทคนิคเพียงคนเดียว วันนั้นได้บัน ทึกเสียงเพลงนมัสการและข้อพระคัมภีร์ภาษาสเปน ข้อความเหล่านี้จะถูกอัดใส่ แผ่นเสียงเป็นร้อยๆ แผ่นและจะถูกเล่นซ้า ๆ ครัง้ แล้วครัง้ เล่าที่หมู่บ้านห่างไกลใน ฮอนดูรัส เสียงประกาศจะกระจายไปทัว่ เทือกเขาเพื่อจัดเตรียมหนทางของพระเจ้า !

ขัน้ ตอนจ่ายเงิน 15 ดอลล่าร์ที่โต๊ะใช้เวลาเพียงแค่นาทีเดียว แต่เงินที่นามา จ่ายนั้นเธอเก็บสะสมมาเป็นเวลาแปดเดือน จากเพื่อนๆ ที่รู้แผนงานบันทึกเสียง ข่าวประเสริฐภาษาสเปน ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าสงิ่ สา คัญได้เกิดขึ้นในห้องบันทึกเสียง ในวันนั้น แต่จากน้าพุเล็กๆ ที่มีน้าไหลจะกลายเป็นแม่น้าที่กว้างใหญ่ เช่นเดียวกับ การเรมิ่ ต้นเพียงสงิ่ เล็กๆ แต่จะนามาซึ่งลา ธารแห่งชีวิต แล้วจะขยายออกไปจนถึง ที่สุดปลายแผ่นดินโลก

เมื่อจอยฟังเสียงที่บันทึกครัง้ แรกแล้วทา ให้เธอรู้ว่า การบันทึกเสียงนั้นได้ บันทึกทัง้ อารมณ์ และเสียงพูดเรื่องข่าวประเสริฐได้อย่างถูกต้องชัดเจนและน่าฟัง เวลานั้นดูเหมือนมีบางสงิ่ เกิดขึ้นในใจของเธอ มนุษย์อาจใช้เวลานานขุดดินที่แห้ง และแข็งแล้วไม่พบอะไรเลย แต่ถ้าเขาขุดพบน้ามันอันล้า ค่า มันจะพงุ่ ขึ้นมาอย่าง ไม่หยุดยัง้ มีบางสงิ่ ได้เกิดขึ้นในหัวใจของเธอราวกับบ่อน้าแห่งความชื่นชมยินดีได้ ถูกเปิดออก และตอนนี้มันเรมิ่ พงุ่ ออกมาเป็นการขอบพระคุณ เธอรู้สึกโล่งใจอย่าง บอกไม่ถูก พระเจ้าตอบคาอธิษฐานของเธอแล้ว พระองค์ประทานหนทางในการ ประกาศข่าวประเสริฐ พระคา ของพระเจ้าจะกระจายไปอย่างรวดเร็วตามหมู่บ้าน ต่างๆ ในฮอนดูรัส นี่เป็นหนทางที่คนไม่มีความรู้ อ่านหนังสือไม่ได้ จะสามารถ สะสมทรัพย์สมบัติแห่งพระคา ของพระเจ้าไว้ในใจแม้ไม่มีผู้สอนอยู่ใกล้ ตอนนี้เธอรู้ ว่าจะต้องทาอะไร เธอจะผลิตแผ่นเสียงภาษาสเปน !

งานนี้พระเจ้าทรงมอบให้แก่เธอ จึงไม่ต้องเสียเวลาไตร่ตรองว่าจะทา หรือไม่ หรือจะทา โดยวิธีใด ด้วยนสิ ัยที่กล้าตัดสินใจและเด็ดเดี่ยว เธอจึงเรมิ่ ลงมือทา

ตอนเรมิ่ งานจอยแทบไม่มีอะไรเลย ทัง้ สุขภาพที่ไม่แข็งแรงและไม่มีเงิน ดู เหมือนว่าเธอไม่มีอะไรเลยนอกจากพูดภาษาสเปนได้คล่อง นานมาแล้วที่เธอเคย อ่านหนังสือของจอร์จ มูเลอร์ ซึ่งเป็นสงิ่ ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเธอมาก เมื่อครัง้ ที่ เธออายุยังน้อยตอนเข้าเรียนโรงเรียนพระคริสตธรรม เวลานั้นเธอได้เรมิ่ ต้นชีวิต แห่งความเชื่อในพระเจ้าวา่ พระองค์จะทรงเลี้ยงดูเธอทัง้ ฝ่ายร่างกายและฝ่ายวิญญาณ การที่เธอสมัครเป็นนักศึกษาโรงเรียนพระคริสตธรรมโคลัมเบีย นัน่ เหมือนเป็นการ ก้าวออกไปในความว่างเปล่า เพราะเธอไม่มีเงินหรือรายได้ที่จะซื้อตัว๋ รถไฟเพื่อ เดินทางไปโรงเรียนห่างออกไป 4,800 กิโลเมตร ตลอดหลายปีเหลา่ นั้นเธอได้ เรียนรู้ว่า การวางใจและเดินตามการทรงนาของพระเจ้านั้นเป็นสงิ่ ที่ปลอดภัยที่สุด บางครัง้ เงินหมดแตก่ ารจัดเตรียมของพระเจ้าก็มาถึงเมื่อมีความจา เป็นใหม่ๆ เกิดขึ้น ช่วงที่อยู่ฮอนดูรัสเธอดูแลเด็กผู้ชายคนหนึ่ง และบางครัง้ เธอก็ต้องดูแลเด็กคนอื่นๆ รวมทัง้ คนที่ขัดสน ดังนั้นเงินจา นวนไม่มากทัง้ หมดของเธอได้หมดไปก่อนกา หนด ที่จะได้รับเงินครัง้ ต่อไป เธอเรียนรู้ที่จะชื่นชมยินดีเมื่อไม่มีเงิน และชื่นชมยินดีใน การรอคอยวา่ พระเจ้าจะช่วยเหลือเธอในสถานการณ์นัน้ ๆ อย่างไร ด้วยการจัดเตรียม ของพระเจ้า พระองค์ไม่เคยผิดพลาดในการเลี้ยงดูเธอเลย เธอจึงมัน่ ใจถึงการทรง นาในงานใหม่นี้

เป็นการเรมิ่ ต้นเล็กๆ โดยใช้ห้องนอนของเธอเป็นที่ทา งาน ที่แห่งน้เี ธอได้ เขียนจดหมายถึงมิชชันนารีในฮอนดูรัส เล่าถึงแผ่นเสียงที่เธอกา ลังทา เธอค้นพบ วิธีห่อและส่งของ ระหว่างนั้นเธอยังได้ติดต่อนักร้องชาวเม็กซิกันให้ช่วยร้องเพลง ในการบันทึกเสียง เธอวางแผนต่อไปว่าแผ่นเสียงต่างๆ ควรจะมีข้อความ เพลง และข้อพระคัมภีร์ด้วย เธอรู้วา่ คา ร้องกับทา นองที่น่าฟังมีพลังที่จะตราตรึงไว้ในความ ทรงจา ! เธอตัดสินใจตัง้ แตแ่ รกวา่ ในการประกาศข่าวประเสริฐจะไม่ใช้เสียงของเธอ เองที่มีสา เนียงแบบคนต่างชาติ แต่ให้เป็นคนที่พูดภาษาสเปนมาตัง้ แต่เกิด ซึ่งมี เสียงสา เนียงเหมือนกับชนเผ่าต่างๆ ในอเมริกากลางที่ต้องการจะไปประกาศ เธอ จะต้องเตรียมบทความให้กับพวกเขา เพื่อให้มัน่ ใจว่าทุกคา ถูกต้องก่อนที่จะไปห้อง บันทึกเสียง และเธอยังต้องจัดเวลาของแต่ละบทความให้พอดีกับเวลาที่มีเพียงแค่ 3 นาทีครึ่ง การผลิตแผ่นเสียงแผ่นเดียวต้องใช้เวลามาก มีหลายอย่างที่ต้องวางแผน และจัดการอย่างเป็นระบบ

อาจเป็นเพราะเธอใส่ใจกับปัญหาทางด้านเทคนิคมากเกินไป ทา ให้ครัง้ หน่งึ เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอายเกี่ยวกับการเงิน คือเธอได้จองห้องบันทึก เสียงไว้คืนหนึ่งเพื่อใช้บันทึกเสียง พร้อมทัง้ ได้นัดหมายนักร้องและผู้พูดภาษาสเปน เธอเตรียมบทความเรียบร้อยและกา ลังเตรียมตัวจะออกจากบ้าน แต่เมื่อนับเงินที่มี อยู่ในมือปรากฎว่ามีเงินไม่ถึงครึ่งที่จะต้องจ่ายสา หรับงานในคืนนั้น เธอรู้สึกท้อใจ ไปชัว่ ขณะเพราะเธอได้บอกกับเจ้าหน้าที่เทคนิคของห้องบันทึกเสียงแล้วว่าจะจ่าย เงินสดทุกครัง้ ที่ไปใช้ห้องบันทึกเสียง เธอเชื่อว่าพระเจ้าจะจัดเตรียมค่าใช้จ่ายใน แต่ละครัง้ ตอนนี้เธอกา ลังถูกทดสอบความเชื่อนั้น เพราะสายไปแล้วที่จะบอกเลิก นัดในครัง้ นี้

พระเจ้าจะจัดเตรียมให้ใช่ไหม? เธอคิดด้วยความมัน่ ใจว่าจะมีการช่วยเหลือ ตามมา อาจเป็นทางการอัศจรรย์ก็เป็นได้เธอจึงเดินทางไปยังห้องบันทึกเสียง แต่ ค่า คืนนี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากการบันทึกเสียงที่เสร็จเรียบร้อยดี ในที่สุดราย การสุดท้ายก็ได้ทาการบันทึกเสร็จ นักร้องและผู้พูดในการบันทึกเสียงกาลังเตรียม ตัวกลับ จอยฝืนใจเดินไปที่โต๊ะอย่างช้าๆ ยังคงมีความหวังว่าจะมีการอัศจรรย์ เกิดขึ้น เธออยากจะมีความหวังว่าเมื่อเดินผ่านโคมไฟระย้าที่ห้อยลงมาจากเพดาน นั้นเธอจะเห็นเงินดอลล่าร์ปลิวตกลงมาตรงหน้าเธอ แต่ความหวังนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้น และตอนนี้เธอก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเจ้าหน้าที่เทคนิคที่กา ลังถือดินสออยู่ ในมือ ดูเหมือนว่าเขากา ลังทา บัญชีและงงอยู่

ถ้าเขาบอกราคาค่าห้องบันทึกเสียงในคืนนี้จะพูดว่าอย่างไรดี? เธอรู้ว่ามีเงิน ไม่ถึงครึ่งสา หรับจ่ายค่าห้องบันทึกเสียงในคืนนี้ ดูเหมือนวา่ ไม่มีทางที่การช่วยเหลือ จะมาถึงในตอนนี้ สงิ่ ที่เธอทา ได้คือยืนคอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ และอธิษฐานใน ใจแทบไม่เป็นคา

เจ้าหน้าที่เทคนิคเอาดินสอขีดเส้นใต้จา นวนเงินที่ทา ให้เขางงและเงยหน้าขึ้น "คุณริดเดอร์ฮอฟ" เขาพูดขึ้น "ผมพบว่าได้ทา บัญชีของคุณผิด ผมติดเงินคุณอยู่" เขาบอกจา นวนเงินและเธอรู้วา่ การทรงช่วยได้มาถึงแล้ว พระเจ้าทรงรู้ถึงความต้อง การทุกอย่าง เพราะจา นวนเงินที่เขาต้องคืนก็เพียงพอสา หรับจ่ายค่าห้องบันทึก เสียงในคืนนี้

นี่เป็นการทดสอบด้านการเงินครัง้ แรกเกี่ยวกับงานใหม่ ซึ่งเธอมัน่ ใจวา่ พระ เจ้าได้ทรงเลือกให้เธอทา การทดสอบมาในคืนนี้เป็นคืนที่เธอได้สัมผัสถึงเสียงของ พระวิญญาณบริสุทธิ ์ พระองค์ทรงตรัสผ่านเนื้อเพลงที่ได้ทา การบันทึกเสียง เพราะ ฉะนั้นการทดสอบครัง้ น้เี ป็นสงิ่ ที่ทา ให้เธอยงิ่ มีความมัน่ ใจวา่ โครงการนี้มาจากพระ เจ้า เมื่อผ่านการทดลองความเชื่อเราจะเข้มแข็งและเติบโตขึ้น ถ้าความเชื่อไม่ เติบโตงานของพระเจ้าก็จะไม่เติบโตเช่นกัน เธอรับกา ลังจากประสบการณ์นี้จึงตัง้ ใจที่จะทา การผลิตและแจกจ่ายแผ่นเสียงข่าวประเสริฐต่อไป

บทที่ 2: นิมิตที่ยังไม่เปิดเผย

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ความเชื่อเกิดขึ้นเพราะการได้ยิน - เรื่องราวของการบันทึกเสียงพระกิตติคุณ - ผู้เขียน ฟิลลิส ทอมสัน ผู้แปล แอนนาเบล รูลิสัน และทีมงาน